บทที่ 1938 งานเลี้ยงสำนักมาร

The king of War

“การแข่งขันระหว่างเรา เพิ่งเริ่มต้นขึ้น!”

ดวงตาทั้งคู่ของหยางเฉินจับจ้องไปที่เกาสง และเสียงที่เย็นชาก็ค่อยๆดังขึ้นจากส่วนลึกในลำคอของเขา

เมื่อกี้นี้ ระหว่างที่เขาสู้รบกับเกาสง เขาได้รู้สถานการณ์ของตนเองแล้ว

อาศัยแค่ความแข็งแกร่งพื้นฐานของเขา ไม่มีความหวังอย่างแน่นอนที่จะเอาชนะผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น แต่ภายใต้กึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ไม่มีใครสู้เขาได้

ในเมื่อไม่สามารถเอาชนะเกาสงด้วยความแข็งแกร่งพื้นฐานของเขา จึงต้องใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนแล้ว

เขาได้ปลุกเร้าสายเลือดคลั่ง และพลังของสายเลือดที่ทรงพลัง ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นทันที

เขาในตอนนี้ เป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นอย่างแท้จริง

มีเพียงแดนบูโดของเขาเท่านั้นที่ด้อยไปหน่อย

บนใบหน้าของเกาสง เผยสีหน้าที่สยดสยอง จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า ศัตรูที่เขาเผชิญอยู่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด

ข้างๆหม่าชาว มารแดงมองไปยังหยางเฉินที่อยู่บนเวทีด้วยท่าทางที่ซับซ้อน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า“ผมไม่เก่งเท่าเขา!”

ก่อนหน้านี้ เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งของหยางเฉิน มารแดงยังไม่ค่อยยอมรับในความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายมากนัก

แต่ตอนนี้ เขาปล่อยวางแล้ว เขายอมรับความแข็งแกร่งของหยางเฉินแล้ว

เขากล่าวต่อว่า“การเลือกของอาจารย์ไม่ผิด มีเพียงหยางเฉินเท่านั้นที่สามารถทำให้อนาคตของสำนักมารสดใสขึ้นได้”

ในเวลานี้ ลี่เฉินกล่าวว่า”สำหรับสำนักมาร คุณก็มีความสำคัญมากเช่นกัน สำนักมารไม่มีหยางเฉินก็อยู่ได้ แต่ไม่มีคุณไม่ได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของลี่เฉิน มารแดงซึ้งใจมาก มองไปที่ลี่เฉินด้วยดวงตาสีแดง กำหมัดแน่นและพูดอย่างจริงจังว่า“อาจารย์ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่มีวันไปจากสำนักมาร แน่นอน ผมจะช่วยเหลือศิษย์น้องสุดกำลัง!”

คราวนี้ มารแดงละทิ้งความแค้นต่อหม่าชาวจากใจ

บนเวที โมเมนตัมบูโดของหยางเฉินได้เพิ่มขึ้นจนสุดขีดแล้ว

แม้แต่เกาสง ในเวลานี้ ยังรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับทวยเทพ ต่อหน้าหยางเฉิน ดูเหมือนตัวเขานั้นเล็กเหลือเกิน และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ สิ่งนี้เป็นเพราะเขตแดนวิถีมาร

เดิมที เขตแดนวิถีมารก็มีแต่ผู้ที่เข้าสู้แดนนภาแล้วถึงจะสามารถปลดปล่อยได้ ในเวลานี้ หยางเฉินไม่เพียงแต่ปล่อยเขตแดนวิถีมารเท่านั้น แต่ยังเอาเขตแดนวิถีมารกดขี่เกาสงด้วย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เกาสงรู้สึกว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับนักบูโดที่อยู่ภายใต้แดนนภา แต่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาอย่างแท้จริง

ภายใต้พลังมารอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เกาสงตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่สามารถปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ได้อีก

เขาถึงกับอยากจะคุกเข่าก้มกราบลงกับพื้น

“ผมแพ้แล้ว!”

ในขณะนี้ เกาสงก็พูดขึ้นทันที

เมื่อเขาพูดประโยคนี้ บนเวทีแข่งขันขนาดใหญ่ เงียบกริบ และทุกคนต่างก็ตกตะลึง

ไม่ต้องต่อสู้ก็ได้รับชัยชนะ!

หลังจากที่หยางเฉินระเบิดความแข็งแกร่งที่แท้จริง เกาสงซึ่งเพิ่งเอาชนะมารแดงก็ยอมแพ้แล้วหรอกหรือ

เมื่อได้ยินคำพูดของเกาสง หยางเฉินมองดูอย่างเหยียดหยาม สายเลือดคลั่งของเขาหยุดลง และออร่าบู๊บนร่างกายของเขาก็ค่อยๆหายไป

ในชั่วพริบตา เขาก็กลับมาเป็นนักบูโดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย

ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนในนี้รู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด หากพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ของเขา คงคิดว่าเขาเป็นเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายธรรมดาอย่างแน่นอน

ลี่เฉินเดินออกมาในเวลานี้ เขากวาดสายตาไปทั่วผู้ชม และก็พูดอย่างมีความสุขว่า”ผมขอประกาศว่า พิธีสืบทอดตำแหน่งทายาทมารแห่งสำนักมาร เริ่มขึ้นแล้ว!”

เมื่อคำพูดของลี่เฉินจบลง สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่หม่าชาว

ต่อไปเป็นพิธีสืบทอดตำแหน่งของทายาทมาร พิธีไม่ซับซ้อน เรียบง่ายมาก ลี่เฉินได้ประกาศแต่งตั้ง หม่าชาขึ้นครองตำแหน่งทายาทมารโดยตรง

นี่ก็คือสำนักมาร ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะทำแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่เหมือนกับกองกำลังอื่นๆ แค่ทำพิธีก็ใช้เวลาไปแล้วครึ่งวัน

ตั้งแต่ที่เกาสงยอมรับว่าพ่ายแพ้ต่อหยางเฉินแล้ว บรรดาคนใหญ่คนโตของสำนักมารที่เคยคัดค้านการสืบทอดบัลลังก์ทายาทมารของหม่าชาว ก็ไม่มีใครคัดค้านอีก

ในตอนกลางคืน ภายในห้องของลี่เฉิน

นอกจากลี่เฉินแล้ว หยางเฉินและหม่าชาวก็อยู่ที่นั่นด้วย

“ตอนนี้ หม่าชาวได้สืบทอดตำแหน่งทายาทมารแล้ว และถึงเวลาที่ผมต้องจากไปแล้ว”

ลี่เฉินกล่าวอย่างกะทันหัน

หลังจากฟังคำพูดของลี่เฉิน หม่าชาวก็ร้อนอกร้อนใจ“อาจารย์ ต้องรีบไปขนาดนี้เลยหรือ?”

แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้อยู่กันนาน แต่ในหนึ่งวันนี้ หม่าชาวก็ได้รับอะไรมากมายแล้ว

เขาไม่เพียงแต่กลายเป็นทายาทมารของสำนักมาร แต่ยังได้ไปที่หอสมุดลับกับลี่เฉิน ซึ่งมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไป

ไม่เพียงเท่านั้น ลี่เฉินยังได้สอนพลังวิชาสายมาร ตำราหัวใจมารของสำนักมารที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้หม่าชาวด้วย ซึ่งมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้

หลังจากฝึกฝนตำราหัวใจมารเสร็จ เขาจึงจะสามารถระงับลูกแก้วดูดเลือดในร่างกายของเขาได้ ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขายังสามารถใช้ตำราหัวใจมาร เพื่อดูดซับพลังในลูกแก้วดูดเลือด

อาจกล่าวได้ว่า หลังจากฝึกฝนตำราหัวใจมารแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของหม่าชาว จะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
ใจเขาใจเรา หม่าชาวรู้สึกถึงความจริงใจของลี่เฉินที่มีต่อเขา ดังนั้นเขาจึงยอมรับลี่เฉินจากใจ

ตอนนี้ ลี่เฉินบอกว่าจะไปจากที่นี่ หม่าชาวไม่อยากให้เขาไปจริงๆ

ลี่เฉินยิ้มเล็กน้อย มองไปที่หม่าชาวแล้วพูดว่า“ผมควรไปจากโลกมนุษย์ไปนานแล้ว ตอนนี้คุณกลายเป็นทายาทมารของสำนักมารแล้ว ผมก็สามารถจากไปอย่างสบายใจได้แล้ว”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขามองไปที่หยางเฉินอีกครั้ง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า“ถ้าวันหนึ่ง หากสำนักมารมีปัญหา หวังว่าน้องหยางจะยื่นมือออกมาช่วยนะ”

“นี่เป็นสิ่งที่คุณเคยรับปากกับผมไว้ เรื่องที่บอกว่าจะทำเพื่อผม”

เมื่อหม่าชาวถูกลูกแก้วดูดเลือดโจมตี เขาเกือบตาย เมื่อลี่เฉินปรากฏตัวและผนึกลูกแก้วดูดเลือดในร่างกายของหม่าชาว

ด้วยเหตุนี้ หยางเฉินจึงรับปากลี่เฉินว่า เขาสามารถทำสิ่งหนึ่งให้ลี่เฉิน ได้ แต่ตอนนั้นลี่เฉินไม่ได้พูดว่าต้องการให้ทำอะไร

หลังจากฟังคำพูดของลี่เฉิน หยางเฉินก็พูดอย่างรวดเร็ว“ถ้าผู้อาวุโสจากไป หม่าชาวก็กลายเป็นท่านเจ้าสำนักของสำนักมาร หากสำนักมารมีปัญหา ผมจะช่วยอย่างแน่นอน”

“ก็ยังถือว่าผมเป็นหนี้บุญคุณของผู้อาวุโสอยู่ หากผู้อาวุโสต้องการให้ผมช่วยอะไรในอนาคต พูดมาได้เลย ผมจะช่วยอย่างสุดกำลังแน่นอน!”

ลี่เฉินเพียงแค่ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก

หยางเฉินถาม“ท่านผู้อาวุโสวางแผนจะไปตอนไหน?”

ดูเหมือนลี่เฉินจะวางแผนเวลาในการจากไปแล้ว และกล่าวว่า”อีกเจ็ดวัน มันจะเป็นงานเฉลิมฉลองที่ 10 ปีจัดหนึ่งครั้งของสำนักมาร ถึงตอนนั้น สำนักมารจะจัดกิจกรรมการแข่งขันบูโด ผู้ฝึกฝนวิชาสายมารทุกคนที่เป็นแดนเหนือ

มนุษย์ ไม่ว่าจะมาจากไหน มาจากกองกำลังใดก็ตาม ล้วนมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน”

“และผู้ชนะสิบคนแรก สามารถเข้าไปในหอสมุดของสำนักมาร เพื่อรับวิชาการฝึกฝนวิชาสายมารได้”

“ผมคิดว่า อีกเจ็ดวัน หลังจากงานเลี้ยงสำนักมารจบลงแล้ว ก็จะไปจากสำนักมาร”

“งานเลี้ยงสำนักมารของเมื่อก่อน มักจะมีผู้แข็งแกร่งที่ไม่รู้ว่าเป็นใครปรากฏ ผมกังวลว่าวันนั้นจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ในวันนั้น หวังว่าน้องหยางจะมาที่สำนักมารหน่อยนะ”

หยางเฉินพยักหน้า“ได้ อีกเจ็ดวัน ผมจะมาที่สำนักมารแน่นอน!”

ในเมื่อลี่เฉินพูดแบบนี้แล้ว เขากังวลว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในวันนั้น และวันนั้นก็จะไม่สงบสุขอย่างแน่นอน

ตอนนี้หม่าชาวเป็นทายาทมารของสำนักมาร หยางเฉินจะช่วยสำนักมารอย่างแน่นอน