นายหญิงใหญ่เซียวตามแบบฉบับต้องการขอความช่วยเหลือจากคนก็จะไปหาสู่ ไม่ต้องการความช่วยก็ไม่สนใจคนอื่น

ตอนนั้นอยู่ที่สถานที่กักขัง เธอต้องการให้จางกุ้ยเฟินสนับสนุนตัวเอง ดังนั้นในเวลานั้นก็เกรงอกเกรงใจจางกุ้ยเฟินเป็นอย่างมาก และก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนลูกสาวของตัวเอง

แต่ที่จริงแล้ว แต่เดิมเธอก็รังเกียจหญิงสาวชาวบ้านที่หยาบคายอย่างจางกุ้ยเฟินอยู่แล้ว

ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ออกจากสถานที่กักขัง เธอก็ลืมจางกุ้ยเฟินไปจนหมดสิ้น

สำหรับเธอ จางกุ้ยเฟินเป็นเพียงเครื่องมือที่ต้องใช้ในช่วงเวลาพิเศษเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาพิเศษนั้นผ่านไป เธอก็ไม่อยากที่จะพัวพันอะไรทั้งนั้นกับจางกุ้ยเฟินอีก

แต่ว่าคาดไม่ถึงจริงๆว่า จางกุ้ยเฟินจะปรากฏตัวอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างแปลกประหลาด!

จางกุ้ยเฟินก็คาดไม่ถึงว่า นายหญิงใหญ่จะไม่ยอมรับต่อเรื่องราวที่เคยทำเอาดื้อๆ

ในสายตาของเธอ ทั้งๆที่คุณนายผู้หญิงใหญ่เซียวเป็นคนประกันตัวพวกเราออกมา แล้วก็จัดเตรียมคนขับรถให้ไปรับพวกเรามาที่Tomson Riviera ยังป้อนลายนิ้วมือของพวกเราไว้ที่ประตู ทำไมในเวลานี้อยู่ๆก็ไม่ยอมรับแล้ว?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จางกุ้ยเฟินถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า: “นายหญิงใหญ่ คุณเป็นอะไรน่ะ? เรื่องดีๆเหล่านั้นคุณเป็นทำ ทำไมถึงได้ไม่อยากที่จะยอมรับล่ะ?”

“นั่นนะสิ!”หลี่เยว่ฉินและต่งหยู้หลิงก็ทยอยเข้ามา และถามอย่างไม่เข้าใจว่า: “นายหญิงใหญ่ สิ่งเหล่านี้ทั้งๆที่คุณเป็นคนทำ ทำไมถึงได้ไม่ยอมรับ ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้?”

นายหญิงใหญ่เซียวถูกห้อมล้อมด้วยทั้งสามคน รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นที่ติดอยู่บนตัวของพวกเธอ รู้สึกว่าเวียนหัวอย่างฉับพลัน และทำให้เธอสำลักจนไอ

แต่เดิมทั้งสามคนไม่ได้ใส่ใจเรื่องสุขอนามัยส่วนตัวมากนัก รวมทั้งตอนนี้ก็เป็นฤดูหนาว ใสเสื้อผ้าหนามาก ไม่ใส่ใจเรื่องสุขอนามัยไม่ค่อยอาบน้ำและก็ไม่ค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงขนาดที่กลิ่นตัวของพวกเธอสามคนก็แรงมาก

ตอนนี้สามคนล้อมรอบนายหญิงใหญ่ไว้ กลิ่นนั้นก็ยิ่งเหม็นเปรี้ยวเป็นอย่างมาก

นายหญิงใหญ่เซียวปิดจมูกไปด้วย และพูดอย่างลำบากใจไปด้วยว่า: “กุ้ยเฟิน เธอเข้าใจผิดแล้วจริงๆ เรื่องเหล่านี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ…”

จางกุ้ยเฟินยิ้มแฮะๆ เผยให้เห็นฟันเหลือง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “โธ่เอ๊ย นายหญิงใหญ่ ฉันรู้ว่าคุณใจดี บางเรื่องอาจจะไม่อยากพูดออกมา แต่ไม่เป็นไร ความรู้สึกในความสัมพันธ์เพื่อนผู้ต้องขังระหว่างเรานั้นลึกซึ้งเป็นอย่างมาก! ตอนนี้พวกเราทั้งสามคนก็ออกมาแล้ว จากนี้ไป พวกเราจะอยู่เคียงข้างคุณและค่อยดูรีบใช้คุณเป็นอย่างดี”

ต่งหยู้หลิงที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า: “ใช่แล้วนายหญิงใหญ่ ตอนที่พวกคุณไม่กลับมา พวกเราสามคนได้จัดเตรียมห้องไว้เรียบร้อยแล้ว โชคดีที่คฤหาสน์นี้ของคุณใหญ่พอและห้องก็เพียงพอ จากนี้ไปน่ะ พวกเราสามคนก็จะพักอยู่ที่นี่ คุณน่ะ ก็คือแม่แท้ๆของพวกเราสามคน!”

“อะไรนะ?!”เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวได้ยินคำพูดนี้ ก็ลุกเป็นไฟอย่างฉับพลันในทันที และอ้าปากพูดว่า: “พวกแกจัดเตรียมห้องไว้เรียบร้อยแล้วเหรอ? ใครให้สิทธิ์นี้กับพวกแก!”

ต่งหยู้หลิงคาดไม่ถึงว่านายหญิงใหญ่เซียวจะโกรธอย่างกะทันหัน จึงรีบถามว่า: “เป็นอะไรไปนายหญิงใหญ่ คุณให้พวกเรามาอยู่ด้วยกันกับคุณ พวกเราก็คงจะต้องแบ่งห้องนอนกันอย่างแน่นอน!”

นายหญิงใหญ่เซียวโกรธจนตัวสั่นเทา และพูดด้วยความโกรธว่า: “ที่นี่คือบ้านของฉัน พวกแกบุกรุกเข้ามาฉันก็จะไม่เอาเรื่อง แต่ใครให้สิทธิ์พวกแก แบ่งห้องนอนของฉันเหรอ?! รีบออกไปซะ!”

ในเวลานี้เซียวเวยเวยรีบเข้ามา และพูดกระซิบว่า: “คุณย่า ตอนนี้พวกเราขาดกำลังคน ให้พวกเธอช่วยไม่ดีกว่าเหรอ รออาการของพ่อและพี่ชายดีขึ้นค่อยให้พวกเธอไป”

นายหญิงใหญ่เซียวโบกมือ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ขาดกำลังคนก็ให้พวกเธออยู่ที่นี่ไม่ได้ พวกเธอเหม็นจนสภาพทุเรศแบบนี้ ให้พวกเธออยู่ต่อไปหนึ่งนาทีก็จะลดอายุขัยของฉัน! อีกอย่าง ประธานอู๋ได้จัดเตรียมผู้ช่วยไว้ให้พวกเรา คงจะแข็งแกร่งกว่านังแก่ตัวเหม็นสามคนนี้ถึงหนึ่งหมื่นเท่าอย่างแน่นอน!”

พูดแล้ว เธอก็มองไปทางจางกุ้ยเฟินและพูดอย่างเฉียบขาด: “พวกเธอสามคน รีบไสหัวออกไปซะ!”

จางกุ้ยเฟินตกตะลึงจนตาค้างในทันที!