ทุกหนแห่งที่หลินสวินเคลื่อนผ่าน ไม่มีผู้ใดอาจหาญขัดขวาง
“แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงตื่นเต้นจนตะโกนออกมา ในแววตาเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ราวกับผันตัวเป็นผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์
กร้วมๆ… ซย่าจื้อกินแตงเงียบๆ นางพลันว้าวุ่นใจอยู่บ้าง เหมือนว่านับจากนี้ไปคงไม่อาจปกป้องหลินสวินได้เหมือนก่อนหน้านี้อีก ความรู้สึกนี้ทำให้นางไม่ชอบใจนัก
ในการต่อสู้อานุภาพของหลินสวินราวจักรพรรดิสวรรค์ออกศึก ควบคุมอานุภาพยิ่งใหญ่แห่งวัฏจักรฟ้าดิน ร่างกายประหนึ่งเหวลึก หมายกลืนกินศัตรูทั่วทิศ
เขาพุ่งไปทางจักรพรรดิสงครามฉางหลิว
ฟุ่บ!
ปราณกระบี่สายหนึ่งเคลื่อนขวางเข้าไป
มรรคชักกระบี่ เก้าชุ่นมอดม้วย!
“ทะยาน!”
จักรพรรดิสงครามฉางหลิวสมเป็นบุคคลร้ายกาจรุ่นอาวุโสที่กรำศึกมาหลายปีคนหนึ่ง ในชั่วพริบตานั้นยังตอบสนองทันควัน เบื้องหน้าควบรวมแผนภาพลับมหามรรคออกมาสิบสองภาพ ในแผนภาพลับแต่ละภาพล้วนสลักวิชามรรคจักรพรรดิชั้นสูงไว้อย่างหนึ่ง สามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของคนที่อยู่ระดับเดียวกันได้สิบสองคน!
แต่พลังของหลินสวินในตอนนี้น่าหวาดกลัวระดับใด
อย่างน้อยในแดนปรินิพพานนี้ก็มองข้ามศัตรูทั้งมวลได้!
ตูม…
เห็นเพียงแผนภาพลับมหามรรคสิบสองภาพแผ่แสงมรรคพร่างพรายบาดตา ฉีกขาดจากตรงกลาง ราวกับถูกกรรไกรเฉือนตัดจนกระจายเหมือนเศษผ้า
สีหน้าจักรพรรดิสงครามฉางหลิวเผยแววงุนงงเสี้ยวหนึ่ง คล้ายยากจะเชื่อ ทั้งเหมือนไม่ยินยอมยิ่งยวด…
จากนั้นตรงหัวคิ้วเขาก็ปรากฏรอยเลือดเส้นหนึ่ง
รอยเลือดเส้นนี้เริ่มจากหัวคิ้ว ไล่ยาวมาถึงจมูก คาง คอ หน้าอก จากนั้นก็แบ่งเป็นสองซีกกลางอากาศ!
ระดับจักรพรรดิขั้นหกแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่น่าเกรงขาม เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดินคนหนึ่ง ถึงกับถูกหลินสวินฟันผ่าเป็นสองซีก
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนอื่นเห็นดังนี้ก็ดวงตาแทบถลน
การโจมตีของพวกเขาแทบทำอะไรหลินสวินไม่ได้ กลับถูกหลินสวินบดขยี้ลบล้างไปทีละอย่าง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเพียงไม่กี่ดีดนิ้วพวกเขาในที่นี้คงถูกหลินสวินฆ่าตายหมดแน่
“หนี!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าบางคนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หันหลังหนีกระเจิดกระเจิง!
ก่อนหน้านี้ยามผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสามพวกนั้นหนีเตลิด พวกเขายังดูถูกเหยียดหยาม เห็นว่าเจ้าเฒ่าพวกนั้นไร้ปณิธานเกินไป
แต่ตอนนี้พวกเขาก็หนีแล้ว!
นี่ก็เหมือนการตบหน้าตัวเอง แต่พวกเขาไม่อาจไปสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว
หลินสวินในตอนนี้น่ากลัวเกินไป แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ไม่รู้เท่าไหร่ สาเหตุอยู่ที่พลังระเบียบต้นกำเนิดที่ปกคลุมในแดนปรินิพพานนี้ถึงกับถูกเขาครอบครองและใช้งานได้!
นี่ไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่ควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามได้!
ฟุ่บ!
ความเร็วของหลินสวินว่องไวเพียงใด เห็นแค่กลางอากาศถูกดึงเป็นรอยขาวจางๆ แม้แต่ห้วงอากาศยังถูกฉีกกระชากโดยไม่ทันตั้งตัว
นี่คือมรรคเคลื่อนย้ายที่ราวกับมองข้ามพันธนาการแห่งห้วงอากาศว่างเปล่า!
ฟุ่บๆๆ!
เกือบจะในชั่วดีดนิ้ว
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าอีกสี่คนถูกหลินสวินสังหาร ทุกการโจมตีของเขาล้วนชักนำให้เกิดพลังแห่งวัฏจักรฟ้าดิน แข็งแกร่งจนน่ากลัว มีท่าทีว่ากำราบได้ตลอดทาง ไม่อาจทัดเทียม
“ตาย!”
เวลานี้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งสบโอกาส ฟันปราณกระบี่เข้าใส่
ปราณกระบี่ที่รัดพันด้วยอสนีม่วงตัดทำลายแหวกอากาศ แสงสายฟ้าปั่นป่วน ปราณกระบี่กลายเป็นมังกรอสนีที่ยาวประมาณสิบจั้ง คล้ายว่าไม่อาจทัดเทียม
ตึง!
หลินสวินไม่หลบหลีก ใช้กำปั้นต้านการโจมตีนี้โดยตรง พลังหมัดที่มีกลิ่นอายแรกกำเนิดเปล่งประกายของเขาปะทะกับปราณกระบี่อสนีม่วง ส่งเสียงโลหะกระทบชัดกระจ่าง
ภายใต้แววตาตื่นตระหนกของสัตว์ประหลาดเฒ่าคนนั้น ปราณกระบี่ที่กลั่นจากเลือดหัวใจทั้งชีวิตของเขาสายนี้ถูกบดขยี้ระเบิดกระจุยทุกกระเบียด ตัวเขายังถูกกำลังมหาศาลที่ส่งผ่านมือมาซัดกระเด็นไปข้างหลังราวกับดาวตก
พอถึงกลางทางร่างกายของเขาก็ระเบิดออก ไม่อาจแบกรับการโจมตีที่น่าหวาดกลัวนั้นได้อย่างสิ้นเชิง
“รีบหนีเร็ว!”
“ในฟ้าดินแถบนี้เจ้าหมอนี่มีอานุภาพไร้คู่ต่อกร ไม่อาจสู้ได้!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ยังลังเลพวกนั้นเห็นภาพนี้ก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ขวัญหนีดีฝ่อ ล้วนหนีเตลิดไปไกลเช่นกัน
“เปล่าประโยชน์ ในฟ้าดินแถบนี้พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก”
เสียงที่ราบเรียบของหลินสวินยังดังก้อง เงาร่างเขาหายไปจากจุดเดิมนานแล้ว
ฟุ่บ!
เขาเคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศจนเป็นรอยสีขาวกลางเวิ้งฟ้าพร้อมพลังที่ไม่อาจทัดเทียม พุ่งตรงไปอยู่เบื้องหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งในพริบตา สัตว์ประหลาดเฒ่าคนนั้นได้แต่หวีดร้องเสียงแหลม เมื่อซัดประทับกฎเกณฑ์หนึ่งออกไปก็ถูกฝ่ามือของหลินสวินตบแหลก แม้แต่จิตวิญญาณยังถูกบดขยี้ไปจนหมด
ต่อมาเงาร่างของหลินสวินทยอยพริบไหว เปิดฉากการไล่ล่านองเลือด
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ถูกเขาไล่ตามพวกนั้น บ้างเดือดดาล เพลิงโทสะบนตัวแผ่ซ่านแทบกลายเป็นรุ้งสีดำ บ้างสู้ตายไม่คิดชีวิต ทุกการโจมตีล้วนเจือพลังน่าหวาดกลัวเหมือนหมายจะดับสิ้นไปด้วยกัน ม้วนกลืนไปทั่วทิศ บ้างผลาญมรรควิถีแห่งตนถึงขีดสุด แสงมรรคราวกับภูเขาไฟปะทุพล่าน…
เพื่อมีชีวิตรอด พวกเขาแทบลงมือเต็มกำลัง ต่อสู้อย่างถึงที่สุด!
น่าเสียดายที่การโจมตีของพวกเขายังไม่ถึงตัวหลินสวินก็ถูกสลายไปสิ้น ไม่ต่างอะไรกับการเอาไข่ไปกระทบหิน
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ผลลัพธ์ไม่ได้เกินคาดหมาย สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ถูกไล่ตามพวกนี้ล้วนถูกฆ่าตายไปทีละคน
เพียงแต่สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นกลับหนีไปทั่ว ยามหลินสวินคิดไล่ตามไปอีกก็ทำให้คนอื่นหนีเตลิด
ในเวลานี้เองหลินสวินสูดหายใจลึก นัยน์ตาดำล้ำลึกเฉยชา กล่าวอย่างราบเรียบ
“ในแดนปรินิพพานนี้ พวกเจ้าจะหนีไปไหนได้”
ด้วยยึดกุมพลังระเบียบของแดนปรินิพพาน ทำให้หลินสวินเหมือนนายเหนือหัวของเวิ้งฟ้าแถบนี้ อานุภาพที่เขาใช้เมื่อครู่เป็นแค่ยอดเขาน้ำแข็งเท่านั้น บีบกดสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นให้หายใจไม่สะดวก
“กลืน!”
หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ สองแขนเหยียดออก เหวลึกแรกกำเนิดที่มหึมาหาใดเปรียบพลันปรากฏใต้ท้องนภา
เวลานี้หลินสวินก็เผยพลังต่อสู้ถึงขีดสุดหลังจากก้าวสู่ระดับจักรพรรดิต่อหน้าผู้คนเช่นกัน
มรรควิถีทั้งตัวกลายเป็นเหวลึกกลืนท้องฟ้า ต่อให้เจ้ามีวิชานับพัน อภินิหารนับหมื่น ข้าย่อมดูดกลืนจนสิ้น!
โครมครืน!
ท้องฟ้าแถบนี้ปั่นป่วน พลังระเบียบของแดนปรินิพพานราวกับถูกปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์ ก่อตัวจากทั่วสารทิศ ม้วนโจมตีไปรอบด้านพร้อมเหวลึกที่เหมือนแดนแรกกำเนิดนั้น
ซย่าจื้อและจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงต่างหยุดกินแตง แววตาไหววูบ การโจมตีนี้… ราวประสานเข้ากับฟ้าดิน นำอานุภาพยิ่งใหญ่แห่งวัฏจักรมาใช้งาน!
พาให้คนรู้สึกว่าเหมือนสวรรค์กำลังลงมือ!
“แย่แล้ว ถอยเร็ว!”
เมื่อเห็นเหวลึกปรากฏ เงาร่างที่หนีไปทั่วทิศพวกนั้นแต่ละคนตกใจจนหน้าซีดเผือด วิญญาณเกือบหลุดลอยออกมา
พลังที่เหมือนอานุภาพสวรรค์นี้แน่นอนว่าไม่ใช่ของหลินสวิน แต่ตอนนี้กลับถูกเขาควบคุม!
“ไม่…!”
เสียงคำรามอย่างตื่นตระหนกดังก้องขึ้น พลันเห็นร่างของสัตว์ประหลาดเฒ่าที่วิ่งหนีคนหนึ่งเหมือนหนอนที่ถูกม้วนกลืนเข้าไปในพายุ เพียงพริบตาก็ถูกฉีกทึ้งกลืนกินแล้วหายลับจากไป
จากนั้นในพื้นที่ต่างบริเวณทั่วทิศ ทุกหนแห่งล้วนมีเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก เดือดดาล ไม่ยินยอม และอาฆาตสะท้อนก้อง
แต่เพียงพริบตาเจ้าของเงาร่างพวกนั้นก็ถูกเหวลึกที่แผ่คลุมม้วนกลืน ร่างกายระเบิดกระจุยอยู่ภายในเหมือนทำจากกระดาษเปื่อย จิตสิ้นวิญญาณสลายอย่างสมบูรณ์
เพียงไม่กี่ชั่วดีดนิ้ว
เหลือแค่จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงและซย่าจื้อยืนถือแตงอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเชื่อในเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ท้องฟ้าแถบนี้ราวจมสู่ราตรีนิรันดร์ ถูกเหวลึกที่เหมือนไร้ขอบเขตนั้นปกคลุมไว้ภายใน ส่วนสัตว์ประหลาดเฒ่าที่วิ่งหนีพวกนั้น เกือบทั้งหมดล้วนถูกกลืนไปจนสิ้น!
คาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะสู้กับเหล่าศัตรูด้วยตัวคนเดียว กวาดล้างคู่ต่อสู้ทั้งหมดในฟ้าดินแถบนี้!
ไม่เห็นอะไรแล้ว กลางฟ้าดินว่างเปล่า กระแสพลังน่ากลัวที่เหมือนลมมรสุมโหมกระหน่ำ ห้วงอากาศตกอยู่ในความโกลาหลไร้สิ้นสุด
เงาร่างหลินสวินยืนสันโดษ ร่างส่องประกายสว่างไสวไร้ขอบเขต อานุภาพจักรพรรดิแผ่ไพศาล ประหนึ่งกลายเป็นนายเหนือหัวเพียงคนเดียวของฟ้าดินแถบนี้!
“ตายแล้ว ถึงกับตายหมดแล้ว…” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงตกตะลึงจนอกสั่นขวัญหาย
ในหมู่สัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้น มีเฒ่าชราระดับจักรพรรดิขั้นหกที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน กรำศึกบนฟ้าดารามาหลายปีอย่างจักรพรรดิสงครามฉางหลิว มีจักรพรรดิกระบี่อวิ๋นกวงที่มรรคกระบี่เทียมฟ้า ชวนตะลึงหาใดเปรียบ อานุภาพจักรพรรดิสะเทือนใต้หล้า มี…
บุคคลที่มาจากทั่วฟ้าดาราพวกนี้ บนโลกปัจจุบันแน่นอนว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า เป็นคนของยอดสำนักโบราณมากมาย
แต่ตอนนี้กลับถูกม้วนกลืนไปหมด!
นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงคิดไม่ถึงแต่แรก
ฮูม…
เห็นเพียงไอขุ่นมัวอบอวลไปโดยรอบ กลิ่นอายรอบตัวหลินสวินเก็บงำ พลังระเบียบน่ากลัวที่ปกคลุมเวิ้งฟ้าทั่วทิศก็สลายไปเช่นกัน หวนคืนสู่ความสงบ
ในเวลานี้เองใบหน้าหลินสวินพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด กระอักเลือดออกมาอย่างอดไม่ได้ พลังขับเคลื่อนรอบกายเผยสัญญาณปั่นป่วน
“หลินสวิน!” ซย่าจื้อพุ่งเข้ามาทันที แววตาเจือความกังวล หลินสวินที่สำแดงอานุภาพพลันกระอักเลือด นี่ทำให้นางไม่ทันตั้งตัว
“ไม่เป็นไร พักสักหน่อยก็หาย”
หลินสวินสูดหายใจลึก ข่มพลังขับเคลื่อนที่ปั่นป่วนโหมซัดในกายไว้
ก่อนหน้านี้หลังจากใช้อภินิหารหยุดเวลา อันที่จริงก็ทำให้เขาเสียพลังกายไปมาก ประกอบกับการกรำศึกฆ่าฟันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาที่เพิ่งเหยียบระดับมกุฎจักรพรรดิเริ่มจะทนไม่ไหวเช่นกัน
กระทั่งต่อมาหากไม่ได้หยั่งรู้และยึดกุมพลังระเบียบของแดนปรินิพพานในการต่อสู้ การห้ำหั่นนี้คงไม่ได้เห็นฉากจบที่ง่ายดายเช่นนี้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาบาดเจ็บ ก็เป็นเพราะยามควบคุมและใช้พลังระเบียบของแดนปรินิพพานได้ผลาญพลังมากเกินไป
“ไป ไปรักษาบาดแผลก่อน”
ซย่าจื้อยื่นมือไปคว้าฝ่ามือของหลินสวินโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ พาเขามุ่งหน้าไปยังจุดที่กำแพงเมืองหมื่นมรรคตั้งอยู่
หลินสวินไม่ปฏิเสธ ในการต่อสู้นองเลือดที่เอิกเกริกนี้ แม้จะทำให้เฒ่าชราที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสี่บางส่วนหนีไปได้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรนัก
“ใช่ รักษาบาดแผลก่อน!” จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงรีบร้อนตามไป
…
“เมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เหมือนว่าพลังระเบียบของแดนปรินิพพานจะปั่นป่วน เกิดอานุภาพปานทำลายล้าง เข้าปกคลุมสนามรบแถบนั้น”
ไกลออกไปสัตว์ประหลาดเฒ่าซึ่งต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสี่ที่หนีไปนานแล้วพวกนั้น เวลานี้ต่างสีหน้าปรวนแปรไม่หยุดราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ก่อนหน้านี้แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ยามพลังระเบียบของแดนปรินิพพานนี้สั่นสะเทือน พวกเขายังสังเกตเห็นตั้งแต่พริบตาแรกทันที
และในตอนนั้น พวกเขาก็ยังเห็นพลังระเบียบที่น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตพวกนั้นกลายเป็นเหวลึก ม้วนกลืนบริเวณสนามรบนั้นไปในคราเดียว!
ภาพที่น่าหวาดกลัวและแปลกประหลาดนั้น ทำให้พวกเขาไม่มีใครไม่ตื่นตระหนกสั่นสะท้าน
“นี่ไม่ได้หมายความว่า… ไม่ว่าจะเป็นเศษเดนคีรีดวงกมลนั่นหรือคนอื่น ล้วนเป็นไปได้สูงว่าจะประสบเคราะห์แล้วหรอกรึ”
มีคนกล่าวด้วยเสียงคลุมเครือ
ประโยคเดียวทำให้คนอื่นสั่นไปทั้งตัวอีกครั้ง พวกเขาก็คาดเดาจุดนี้ได้ แต่กลับไม่กล้าเชื่อ