“ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของซูจือเฟยเหรอ?!”

เมื่อคุณท่านเย่ได้ยินคำพูดนี้ ก็ถามด้วยความประหลาดใจในทันทีว่า: “เป็นบุคคลปริศนาที่พูดถึงตอนนั้นหรือเปล่า?”

“ใช่!”เย่ฉางโคงพยักหน้า: “ตอนนั้นก็มีข่าวลือกลับมา บอกว่าตอนที่ซูจือหยูและพี่ชายของเธออยู่ในประเทศญี่ปุ่น ถูกบุคคลปริศนาช่วยไว้”

คุณท่านเย่ก็ถามอีกว่า: “บุคคลปริศนาช่วยพวกเขาสองพี่น้อง ซูจือหยูและตระกูลซูก็กำลังตามหาเบาะแสของเขาภายในประเทศ หรือว่าบุคคลปริศนาคนนี้เป็นคนจีนเหรอ?!”

เย่ฉางโคงพูดว่า: “ดูแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้น! ไม่อย่างนั้นตระกูลซูก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องหาบุคคลปริศนาที่ปรากฏตัวในประเทศญี่ปุ่นภายในประเทศ เป็นไปได้มั้ยว่าจะเป็นการดื้อดึงแก้ปัญหาโดยไม่คำนึงสภาพแวดล้อมเหรอ?”

คุณท่านเย่ก็ตื่นเต้นขึ้นในทันที!

เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า: “ไม่ว่าบุคคลปริศนาคนนั้นจะเป็นใคร อย่างน้อยก็มีอย่างหนึ่งที่แน่นอนคือ ความแข็งแกร่งของบุคคลปริศนานั้น น่าจะทรงพลังจนพวกเราไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ถึงขั้นที่เหลือเชื่อ!”

“นั่นนะสิ!”เย่ฉางโคงก็ถอนหายใจ: “ด้วยพละกำลังของตัวเอง ก็สามารถที่จะฆ่านินจาอิงะได้และช่วยซูจือหยูกับซูจือเฟยออกมาได้ ความแข็งแกร่งของคนนี้ คงจะมากจนทำลายกฎของธรรมชาติอย่างแน่นอน!”

คุณท่านเย่อ้าปากพูดว่า: “ถ้าหากคนมีความสามารถแบบนี้ ตระกูลเย่ของฉันสามารถที่จะใช้งานได้ ต่อไปตระกูลเย่ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก!”

พูดแล้ว เขาก็พูดกับเย่ฉางโคงว่า: “ฉางโคง แกรับออกคำสั่งไปว่า ติดตามความคืบหน้าของตระกูลซูอย่างใกล้ชิด ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ต้องหาบุคคลปริศนาคนนั้นได้เจอก่อนหน้าคนของตระกูลซู ถ้าหากไม่สามารถที่ชิงอยู่หน้าได้ อย่างน้อยก็ต้องทำให้ดีที่สุด ดึงเอาบุคคลปริศนาคนนั้นมาเป็นพวกเดียวกันกับตระกูลเย่ของพวกเรา!”

เย่ฉางโคงพยักหน้า: “ผมรู้แล้วครับพ่อ!”

ในเวลานี้ เย่ฉางหมิ่นที่อยู่ในวิดีโอก็ไม่พูดอะไรมาโดยตลอด ท่าทางก็ค่อนข้างแปลกเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เฉินพูดกับตัวเองก่อนหน้านี้ หรือว่า บุคคลปริศนาที่คนของตระกูลซูจะตามหา ก็คือเขาเหรอ?!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังอย่างฉับพลัน!

ถ้าหากเย่เฉินเป็นบุคคลปริศนาคนนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ยิ่งไม่สามารถที่จะให้เขากลับไปที่ตระกูลเย่ได้!

เดิมทีก็เป็นสายเลือดของตระกูลเย่ แล้วก็มีสัญญาการแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลกู้ ไพ่ใบใหญ่ที่สุดสองใบนี้ ก็เพียงพอที่เย่เฉินจะแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งที่สูงมากในตระกูลเย่แล้ว

หากเขามีตัวตนของยอดฝีมือบุคคลปริศนาคนนี้อีก นั่นก็ไร้คู่ต่อกรชัดๆ ถึงเวลานั้น ตัวเองคงจะถูกเขาขับไล่ออกจากตระกูลเย่!

ขณะที่เย่ฉางหมิ่นกำลังคิดฟุ้งซ่าน เย่โจงฉวนสั่งการเย่ฉางโคงเสร็จ ตอนที่มองไปทางโทรศัพท์ พบว่าท่าทางของเย่ฉางหมิ่นมีท่าทางแปลกๆ จึงถามด้วยความประหลาดใจ: “ฉางหมิ่น แกเป็นอะไร?”

เย่ฉางหมิ่นรีบพูดว่า: “อ๋อ พ่อ หนูไม่เป็นไร เมื่อกี้นี้กำลังคิดอะไรอยู่”

เย่โจงฉวนพยักหน้า และถอนหายใจ: “เอาล่ะฉางหมิ่น แกพักผ่อนเร็วๆหน่อย หลายวันนี้ก็อยู่ที่เมืองจินหลิงดีๆ รอแกกลับมา พ่อจะเลี้ยงต้อนรับแก!”

เย่ฉางหมิ่นรีบพูดว่า: “ขอบคุณค่ะพ่อ หนูรู้แล้วค่ะ!”

หลังจากที่วางสายวิดีโอ เย่ฉางหมิ่นก็อดไม่ได้ที่จะกลัวอยู่พักหนึ่ง

ในเวลานี้ เธอเสียใจจริงๆ

ตัวเองก็ไม่ควรที่จะมาทำเรื่องชั่วร้ายที่ในเมืองจินหลิง ก่อนหน้าที่จะมาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า เย่เฉินจะเป็นคนที่แข็งแกร่งรังแกยากขนาดนี้ ก็ยิ่งคาดไม่ถึงว่า หลานชายคนนี้ของตัวเอง ดูเหมือนว่าจะเป็นยอดฝีมือชั้นนำที่ซ่อนเร้นอย่างสุดซึ้ง!

ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ ตีตัวเองให้ตาย ตัวเองก็ไม่มีทางมา

ก่อนหน้าที่เย่ฉางหมิ่นจะมา ไม่ได้คิดว่าเย่เฉินเป็นศัตรู เธอรู้สึกเพียงแค่ว่า เย่เฉินเป็นเพียงแค่ลูกหลานที่ตระกูลเย่ทิ้งไว้ข้างนอก ให้เขากลับไปที่บ้าน นั่นเป็นพรที่ประทานให้กับเขา

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่คนแบบนี้กลับไป ก็ทำได้เพียงเป็นหมากของตระกูล ไม่มีทางที่จะเป็นภัยคุกคามต่อตัวเองได้

แต่ว่าหลังจากที่มาเมืองจินหลิง เธอถึงได้ตระหนักได้จริงๆว่า หลานชายที่ตัวเองไม่ได้เจอมาหลายปีคนนั้น ความแข็งแกร่งก็แข็งเหมือนกับพี่รอง

ในเวลานี้ เย่ฉางหมิ่นก็คิดในใจว่า: “ถ้าหากเพียงแค่เหมือนพี่รอง นั่นก็ยังดี ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ปีนั้นพี่รองเป็นนักวิชาการ เป็นคนแข็งแกร่ง แต่ว่าหมัดไม่ได้แข็ง”

“แต่เย่เฉินล่ะ?”

“ไม่เพียงเป็นคนแข็งแกร่ง หมัดก็แข็ง!”