ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง หมาหนึ่ง กลับล้อมอยู่หน้าเขาประกายฟ้า สังหารจนมืดฟ้ามัวดิน เลือดหลั่งรินเป็นกระแสน้ำ!

เดิมทีนี่เป็นงานบูชาวิทยราชที่จัดขึ้นพันปีครั้งของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง รวบรวมผู้มาเยือนจากทั่วสารทิศไว้ด้วยกัน อานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกร

แต่ตอนนี้กลับเป็นภาพทำลายล้างนองเลือดที่เหมือนนรก

นี่เป็นสิ่งที่ใครต่างก็คิดไม่ถึง!

ถึงอย่างไรตระกูลข่งก็เป็นเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา ความแข็งแกร่งของรากฐานล้วนนำไปเทียบกับหกเรือนมรรคใหญ่ได้

อิทธิพลที่ตระกูลนี้ครอบครอง ล้วนทำให้ระดับจักรพรรดิพวกนั้นหวาดกลัวและกริ่งเกรงได้ ไม่กล้าล่วงเกินโดยง่าย

แต่วันนี้หลินสวิน ซย่าจื้อ รวมถึงต้าหวงกลับพุ่งสังหารเข้ามาตรงๆ ขวางหน้าประตูภูเขาของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง เปิดฉากฝนโลหิตคาววายุ!

ที่ทำให้คนคาดไม่ถึงที่สุดคือในสถานการณ์ปัจจุบัน เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งมีท่าทีว่าจะถูกกำราบอยู่รางๆ!

อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณทั่วไป ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิที่มาจากทั่วทิศพวกนั้นก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง สั่นสะท้านไปทั้งตัว

การต่อสู้ยังร้อนระอุ พลังโจมตีของหลินสวินดุดันและรวดเร็วรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

ตูม!

แสงสมบัติไหลวน แสงมรรคซัดโหม

หน้าเขาประกายฟ้านี้กลายเป็นภาพฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งมลายสิ้น

ไม่ทันไรเมื่อเสียงร้องโหยหวนหนึ่งดังขึ้น สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่งถูกเงามายาพันหมื่นที่พุ่งออกมาจากน้ำเต้าต้นกำเนิดฉีกกระชาก

เลือดเนื้อและจิตวิญญาณของเขาก็ถูกภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดาราดูดกลืนและหลอมละลายในพริบตา!

“คนที่สี่”

หลินสวินเอ่ยราบเรียบ

นี่ก็เหมือนเสียงเตือนว่าความตายใกล้มาเยือนแล้ว ทำให้คนขวัญหนีดีฝ่อ

แต่เวลานี้เองในเขาประกายฟ้าที่ห่างไกลพลันมีแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีแถบหนึ่งปรากฏ พุ่งทะลวงเหนือเก้าชั้นฟ้า เพียงพริบตาเหมือนย้อมเวิ้งฟ้าแถบนี้เป็นห้าสีจนงามตระการไร้ขอบเขต

ขณะเดียวกันกลิ่นอายน่าสะพรึงอย่างที่สุดก็อบอวลออกมาจากส่วนลึกของเขาประกายฟ้านั่น

ต้าหวงที่กำลังต่อสู้บนเวิ้งฟ้านัยน์ตาพลันหดรัด ตะโกนลั่น “เจ้าหนู นางหนู อันตราย รีบหนีเร็ว!”

เมื่อเสียงดังขึ้น ต้าหวงตะปบอุ้งเท้าคราหนึ่งเหมือนรีบเอาชีวิตเข้าแลก ควบรวมประทับฝ่ามือมหึมาหาใดเปรียบหนึ่งออกมา ภายในแฝงกฎเกณฑ์มหามรรคนับหมื่นพัน สะท้อนลักษณ์ทั่วหล้าหมื่นพิภพ น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต

ปึง!

สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลข่งระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนนั้นต้านทานเต็มกำลัง แต่ศาสตราจักรพรรดิของเขาก็ถูกกระแทกปลิวออกไปโดยตรง ทั้งตัวถูกประทับฝ่ามือนั้นปกคลุมแล้วหิ้วตัวไป

ฟุ่บ!

ส่วนเงาร่างต้าหวงเคลื่อนย้ายแหวกอากาศไปทางหลินสวิน มันกระวนกระวายเหมือนถูกไฟลนก้น ดูรีบร้อนเป็นอย่างยิ่ง

“หนีเร็ว!”

มันพูดพลางคว้าตัวซย่าจื้อที่กำลังต่อสู้ คิดพาหลินสวินหนีไปด้วยวิธีเดียวกัน

ก็เห็น…

แสงประกายที่งามแปลกตาหาใดเปรียบระเบิดออกตรงหน้าหลินสวินเหมือนดวงตะวัน พร่างพรายจนลืมตาไม่ขึ้น

ชั่วขณะนี้ฟ้าดินราวกับหยุดชะงัก ระเบียบโลกโคจรเหมือนหยุดไปในชั่วขณะเดียว

อภินิหารหยุดเวลา!

หลังจากได้ยินคำเตือนของต้าหวง หลินสวินก็สังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีแล้ว แต่เขาไม่ยินยอมจากไปเช่นนี้ ดังนั้นจึงคิดว่าก่อนไปจะมอบบทเรียนที่ยากลืมเลือนชั่วชีวิตให้เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งสักหน่อย

ตูม!

เมื่ออภินิหารหยุดเวลาสำแดงออกมา ยังมีการโจมตีเต็มกำลังที่หลินสวินทุ่มพลังทั้งหมดด้วย

ไปไร้หวน!

เมื่อกระบี่นี้ฟันออกไป ฟ้าดินเหมือนถูกผ่าแหวก

เห็นเพียงปราณกระบี่ที่เจิดจรัสสายหนึ่งตัดผ่านฟ้ากว้าง พาดขวางห่างออกไปพันจั้งในพริบตาเหมือนหลุดจากกาลเวลา เมื่ออยู่ต่อหน้าปราณกระบี่ที่ทรงพลังเกินต้านทานสายนี้ ห้วงอากาศราวกับหายไป ไม่ว่าจะเป็นศาสตราจักรพรรดิพิทักษ์กาย อภินิหารไร้เทียมทาน หรือวิชาลับอัศจรรย์อะไรล้วนเหมือนไม่มีอยู่

ปึง! ปึง! ปึง!

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่งถูกสังหารก่อนเป็นคนแรก ทั้งตัวถูกปราณกระบี่บดขยี้ จิตสิ้นวิญญาณสลาย

จากนั้นปราณกระบี่นั้นกดอัด สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าถูกฉีกร่าง ถูกสังหารเหมือนเนื้อปลาบนเขียง ไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อย!

เพียงแต่ยังไม่รอให้ปราณกระบี่นี้ฟาดฟันจนสิ้นสุด หลินสวินก็ถูกต้าหวงคว้าตัว ทะยานห้วงอากาศจากไป

ถึงตอนท้ายสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่ล้อมโจมตีหลินสวินแปดคนนั้น เหลือเพียงชายวัยกลางคนระดับจักรพรรดิขั้นหกคนเดียวที่โชคดีหนีพ้นเคราะห์ร้ายนี้มาได้

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาถูกทำให้ตกใจแล้ว ยืนอึ้งอยู่กลางอากาศ เหมือนทำอะไรไม่ถูกและไม่กล้าเชื่อ

หนึ่งกระบี่ก่อนหลินสวินจากไปนี้ ชั่วพริบตาก็ฆ่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิได้สี่คน!

เหลือแค่คนเดียว!

ตูม…

ฟ้าดินพลิกตลบ คลื่นพลังจากการต่อสู้ที่โกลาหลและปั่นป่วนยังแผ่กระจาย

ทว่าในที่นั้นกลับไม่มีเงาร่างของหลินสวิน ซย่าจื้อ และต้าหวงแล้ว

และในตอนที่พวกเขาเพิ่งจากไป แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของเขาประกายฟ้านั้นควบรวมเป็นเงาร่างสูงใหญ่หาใดเปรียบสายหนึ่ง ยืนตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีสอดประสาน ราวกับเทพไท้องค์หนึ่ง

เมื่อมองอย่างละเอียด นี่เป็นชายที่ท่าทางเหมือนชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมชุดห้าสี นัยน์ตาเปล่งประกายดั่งดวงตะวันเจิดจ้า ทั้งตัวอบอวลด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั่วหล้าสั่นสะเทือน

แต่บนตัวเขากลับถูกโซ่สีม่วงเหมือนมังกรมากมายพันธนาการ โซ่นั้นมีอักษรระเบียบลึกลับส่องประกายพาให้หวาดหวั่น

“ด้วยมารในใจพันธนาการตัว ทำให้ข้าไม่อาจออกศึกได้ทันที กระทั่งก่อให้เกิดหายนะน่าอนาถเช่นนี้… ข้าข่งเอ้าเทียน… ละอายต่อบรรพชน!”

เงาร่างห้าสีนี้ทอดถอนใจด้วยความคั่งแค้นอย่างที่สุด เสียงดังกึกก้อง พาให้คนอกสั่นขวัญแขวน

ห่างออกไปภูผาธาราทรุดทลาย แผ่นดินแตกระแหง สรรพสิ่งมลายสิ้น กลางอากาศยังอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นบาดจมูก

ภาพต่างๆ นี้ทำให้เขาตาแดงก่ำ เครื่องพันธนาการทั้งตัวลั่นดังครืดคราด กลิ่นอายน่าหวาดกลัวที่เหมือนคงอยู่จริงเคลื่อนกวาดทั่วฟ้าดิน กดอัดจนทำให้คนเกือบหายใจไม่ออก

ปึงๆๆ!

ผู้ฝึกปราณบางคนที่สังเกตการณ์อยู่ไกลๆ ยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกเสียงที่แผ่ออกมานั้นกระเทือนจนจิตวิญญาณแตกซ่าน ร่างระเบิดกระจุย เลือดสาดกระเซ็นทันใด

แค่ชั่วพริบตา อย่างน้อยก็มีคนนับร้อยพันประสบหายนะไม่คาดฝันนี้!

“เรื่องวุ่นวายในเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของข้า ใช่สิ่งที่พวกเจ้าดูได้หรือ”

“ไสหัวไป!”

เสียงของร่างห้าสีข่งเอ้าเทียนนั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชา ฟ้าดินแถบนี้ล้วนสะเทือนปั่นป่วน ภูเขาต้นไม้ที่ห่างไกลยิ่งพังทลายแหลกละเอียด

มีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนเลือดออกเจ็ดทวารทันที ถูกเสียงนั้นสะเทือนจิตใจตายคาที่

มีแค่พวกที่พลังแกร่งกล้าที่โชคดีพ้นเคราะห์มาได้ เวลานี้ล้วนไม่มีใครไม่หนีตายสุดชีวิต

ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิก็ไม่กล้ารั้งอยู่อีก!

“ผู้อาวุโส!”

ห่างออกไป คนเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งที่เหลืออยู่ล้วนใบหน้าเจือความคับแค้น ยืนอยู่หน้าเขาประกายฟ้าที่พังพินาศ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกขมขื่น เดือดดาล อาฆาต

ก่อนหน้านี้หลินสวินกับหญิงหนึ่งหมาหนึ่งสังหารจนพวกเขาแตกพ่ายซ่านเซ็น มีคนสิ้นชีพอย่างต่อเนื่อง การโจมตีนี้รุนแรงเกินไป ตอนนี้ระดับจักรพรรดิที่เหลือรอดในเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของพวกเขา มีไม่ถึงครึ่งของแต่ก่อน!

น่าอนาถเกินไปแล้ว!

ถูกคนบุกสังหารถึงที่ ตอนท้ายอีกฝ่ายยังหนีไปได้อย่างปลอดภัย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่อับอายขายหน้า ยังเป็นไปได้ว่าจะสั่นคลอนรากฐานของพวกเขาเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งด้วย!

ข่งเอ้าเทียนเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยถาม “ชิงเซวียนล่ะ”

มีคนเผยสีหน้าละอายและเดือดดาล ก่อนกล่าวเสียงเบา ที่แท้ ‘ชิงเซวียน’ นี่ก็คือสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นแปดที่ถูกต้าหวงจับไปคนนั้น

“ถูกจับเป็นหรือ…” ข่งเอ้าเทียนโกรธจนตัวสั่น โซ่สีม่วงที่เหมือนพันธนาการทั้งตัวก็ลั่นดังครืดคราด

“เรื่องในวันนี้ไม่มีทางเลิกราแค่นี้แน่ รอเมื่อข้าทำลายพันธะมารในใจได้ ย่อมเป็นวันที่หลินเต้ายวนนั่นถูกสังหาร!”

เนิ่นนานข่งเอ้าเทียนถึงสะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวจากไปกลางอากาศ

เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลข่งที่เหลือรอดนั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ละคนราวสูญพ่อสิ้นแม่ สีหน้าอึมครึมจนประหนึ่งจะมีน้ำหยดออกมา

งานบูชาวิทยราชในวันนี้ เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของพวกเขาต้องขายหน้ายกใหญ่แล้ว!

ศึกนี้เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งสูญเสียระดับจักรพรรดิขั้นหกสี่คน ระดับจักรพรรดิขั้นห้าห้าคน บุคคลต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นสี่รวมทั้งสิ้นเจ็ดคน!

หน้าเขาประกายฟ้า นองเลือดดุจภาพวาด!

ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป โลกใหญ่แดนธรรมปั่นป่วน ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนสั่นสะท้าน

และเมื่อข่าวกระจายไปถึงทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เปิดฉากความโกลาหลอีกครั้ง

ต้องรู้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นในแดนปรินิพพานเมื่อครึ่งเดือนก่อน ยามนี้ยังอื้อฉาวและกระจายทั่วฟ้าดารา ปัจจุบันยังมีข่าวใหญ่เช่นนี้แพร่ออกมาอีก นี่คือการราดน้ำมันบนกองไฟชัดๆ

“จักรพรรดิเต้ายวนยังมีชีวิตอยู่! สวรรค์ นี่ไม่ได้หมายความว่าภายหน้าบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ถูกลิขิตให้ไม่อาจสงบสุขหรอกหรือ”

“เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหกที่ปิดล้อมจักรพรรดิเต้ายวนในแดนปรินิพพานตอนนั้น กลับไม่มีสักคนที่ปรากฏตัวออกมา นี่หมายความว่าพวกเขาถูกจักรพรรดิเต้ายวนฆ่าไปแล้วหรือไม่”

“เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งแข็งแกร่งระดับใด ใครจะคิดว่ากลับถูกจักรพรรดิเต้ายวนเหยียบประตูบ้าน สังหารจนระดับจักรพรรดิร่วงหล่นดุจสายฝน!”

“ทำไมจักรพรรดิเต้ายวนถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”

“ได้ยินว่าข่งเอ้าเทียนบรรพชนรุ่นแรกๆ ที่ควบคุมดูแลตระกูลข่งมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ลงมือ ก็ขวางจักรพรรดิเต้ายวนไว้ไม่ได้!”

…ทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์สะเทือนทั่วฟ้าดาราดุจเขาถล่มสมุทรคำราม ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนสั่นสะท้าน

และทำให้ขุมอำนาจนับไม่ถ้วนอกสั่นขวัญแขวน ว้าวุ่นใจไม่หยุด

โดยเฉพาะสำนักโบราณอย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ หลังรู้เหตุการณ์น่าอนาถที่เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งพบเจอแล้ว แต่ละขุมอำนาจล้วนสะท้านสะเทือน

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลินสวินในตอนนี้ กลายเป็นภัยคุกคามที่สามารถทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ ไม่อาจไม่หวาดกลัวแล้ว

เป็นมหันตภัยที่ทำให้พวกเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ!

ยามข่าวพวกนี้แพร่กระจาย ยานขนส่งอวกาศที่บรรทุกหลินสวิน ซย่าจื้อ และต้าหวงไว้ก็ออกจากโลกใหญ่แดนธรรมไปนานแล้ว พุ่งไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราว่างเปล่า

บนยานสำเภา ทวนยาวหนึ่งจั้งแปดฉื่อด้ามหนึ่งวางอยู่บนกองไฟ บนทวนมีนกยูงห้าสีที่ย่างจนเหลืองเกรียมมันเยิ้มตัวหนึ่งเสียบอยู่

หลินสวินกำลังหยิบแปรงที่ทำจากปีกนกยูงมาจุ่มเครื่องปรุง ทาลงบนเนื้อย่างอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวช่ำชอง เมื่อเริ่มทากลิ่นหอมของเนื้อและเครื่องปรุงหลากชนิดผสมรวมกัน ความเย้ายวนของกลิ่นที่อบอวลออกมาสามารถแทรกซึมเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณได้จริงๆ

ต้าหวงนั่งอยู่ข้างๆ จ้องตาเป็นมัน น้ำลายไหลจากปากเหมือนธารสายเล็ก

หอมเกินไปแล้ว!

ดูเนื้อแวววาวสดใหม่นั่นสิ ภายใต้การย่างด้วยเพลิงมรรคอัศจรรย์ เปลี่ยนเป็นเหลืองเกรียมทีละน้อย ไขมันที่ไหลออกมากลิ้งร่วงดังฉ่าๆ แม้แต่เสียงยังไพเราะเช่นนั้น พาให้คนยากจะทนต่อความกระสันอยากในใจ…

“ปีกและกรงเล็บคู่นี้ยกให้ข้า ยังมีลำคอนั่นด้วย ดูน่ากินไปเสียหมด”

ต้าหวงคาบวัตถุดิบวิญญาณที่รูปร่างคล้ายอ้อยควั่นขึ้นมาแทะอย่างอดไม่ได้ ถือเป็นของหวานก่อนมื้อหลัก ท้องของมันหิวเกินไปแล้ว รู้สึกว่ากินวัวตัวหนึ่งได้ในคำเดียว!

“ข้าเอาตรงนี้ ตรงนี้ ยังมีตรงนี้ด้วย” ซย่าจื้อชี้นิ้วเกลี้ยงเกลาเรียวยาวเหมือนทำจากหยกมันแพะไปที่เนื้อนกยูง นัยน์ตาใสกระจ่างคู่นั้นเหมือนมีเปลวไฟลุกโชน สุกสกาวเปล่งประกายเช่นกัน

ถ้าให้คนรู้ว่าสิ่งที่ถูกย่างนี้คือนกยูงห้าสีที่มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสามตัวหนึ่ง เกรงว่าลูกตาคงถลนออกมาแน่

ถึงอย่างไรก็อยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ใครเคยได้ยินว่ามีคนกล้านำร่างของมหาจักรพรรดิแห่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งมาทำเป็นเนื้อย่างบ้าง

คงได้เสียสติแน่!

………………………..