จ้าวเห้ารีบเอ่ย “ตอบกลับอาจารย์เย่ ช่วงนี้ผมทุกอย่างต่างก็ดีมาก!โชคดีที่คุณและประธานหลี่ดูแล!”

เย่เฉินได้ฟังคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “เห้าจื่อ ทุกคนในงานต่างก็สามารถเรียกฉันว่าอาจารย์เย่ได้ มีเพียงแต่แกเท่านั้นที่ไม่ได้!”

จ้าวเห้าเอ่ยขึ้นอย่างค่อนข้างที่จะไม่เป็นธรรมชาติ “เย่…ฉัน…โอ๊ย…รวมไปถึงประธานหลี่ที่อยู่ในนั้น คนมากมายขนาดนี้ต่างก็ให้ความเคารพนายขนาดนี้ ฉันจะอยู่นอกเหนือได้ยังไงกันล่ะ…”

เย่เฉินเดินไปถึงด้านหน้าเขา ตบที่ไหล่ของเขา เอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจังอย่างหาใดเปรียบ “เห้าจื่อ พวกเขาเรียกฉันว่าอาจารย์เย่ เป็นเพราะฉันเคยช่วยพวกเขาได้ไม่มากก็น้อย แต่แกจ้าวเห้าน่ะไม่เหมือนกัน!”

จ้าวเห้ารีบเอ่ย “ผม…ผมก็โชคดีที่มีคุณช่วยถึงได้มีวันนี้ไง…ความช่วยเหลือที่คุณนำมาให้กับผม คือสิ่งที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ผมต้องเคารพคุณมากยิ่งกว่าคนอื่นถึงจะถูก…”

เย่เฉินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะไม่สบอารมณ์ “แกพูดจาเหลวไหลกับฉันอยู่ที่นี่น้อยๆหน่อย!พวกเราสองคนโตมาด้วยกันในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม้ว่าพวกเราไม่ใช่แม่คนเดียวกันที่ให้กำเนิด แต่หลายปีเหล่านั้นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พวกเราสองคนไม่มีอะไรแตกต่างไปจากพี่น้องกันแท้ๆ!”

“ต่อมาหลายปีมานี้ แกฉันประคับประคองซึ่งกันและกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ฟันฝ่าความทุกข์ยากมาด้วยกัน ฉันช่วยแก คือการช่วยดึงซึ่งกันและกันระหว่างพี่น้อง ทำไมแกถึงได้ยังเกรงใจกับฉันได้?”

จ้าวเห้าได้ฟังคำพูดท่อนนี้ ในขณะเดียวกับที่ซาบซึ้งใจ ในใจก็ละอายใจเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในใจของเขาแอบคิด “ฉันมักจะกลัวว่าตัวเองจะปีนป่ายไปไม่ถึงเย่เฉิน ดังนั้นอยู่ต่อหน้าของเขาก็ยิ่งแสดงออกถึงความระมัดระวังถึงขั้นเกรงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ฉันกับเขาก็ยิ่งเหินห่าง แต่เย่เฉินเห็นฉันเป็นพี่น้องมาโดยตลอด หากต่อไปฉันเคารพนบนอบเขาเป็นอย่างยิ่งราวกับลูกน้องก็ไม่ปาน ในใจของเขาก็จะต้องรู้สึกแย่อย่างแน่นอน…”

คิดถึงตรงนี้ จ้าวเห้าก็เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “เย่เฉิน ความหมายของนายฉันเข้าใจแล้ว ขอบใจนายมาก!”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “นี่แม่งถึงจะเป็นพี่น้องของฉันเย่เฉิน คราวหน้าเรียกฉันว่าอาจารย์เย่อะไรอีก ฉันเลิกคบแกเลย!”

จ้าวเห้ารีบเอ่ย “เย่เฉินนายวางใจ ฉันไม่มีทางเรียกนายว่าอาจารย์เย่อีกอย่างแน่นอน นายแย่เฉินอยู่ต่อหน้าของฉันไม่ใช่อาจารย์เย่อะไร ก็คือพี่น้องของฉันจ้าวเห้า พี่น้องตลอดชีวิตของฉันจ้าวเห้า!”

เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ เอ่ยขึ้นอย่างปลื้มปริ่มว่า “มีประโยคนี้ของแก ฉันดีใจเหลือเกินจริงๆ!”

เวลานี้ เซียวฉางควนกับเซียวชูหรันก็เดินออกมา

ทั้งสองคนคิดว่า ลูกค้าของเย่เฉินมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน พวกเขาแน่นอนว่าก็ต้องทำการต้อนรับขับสู้ ดังนั้นจึงรีบเก็บกวาดห้องรับแขกภายในบ้านอย่างง่ายๆ จากนั้นก็ออกมาเตรียมเชิญลูกค้าเข้าไปนั่งข้างในเสียหน่อย

ทว่าหลังจากที่ออกมา ทั้งสองคนถึงพบว่า ที่แท้คนที่อยู่ด้านนอก มากกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้มากอย่างเห็นได้ชัด!

ยิ่งน่าตกใจก็คือ คนเหล่านี้ ทั้งหมดแทบจะเป็นเซ็ตนั้นที่มีหน้ามีตาที่สุดของเมืองจินหลิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอเห็นซ่งหวั่นถิง เซียวชูหรันก็รู้สึกตนเองต่ำต้อยขึ้นมาเล็กน้อยอย่างกะทันหัน หากรู้แต่แรกว่าซ่งหวั่นถิงก็อยู่ที่ด้านนอกเช่นเดียวกัน ตนเองจะพูดยังไงก็ต้องแต่งหน้าค่อยออกมา

ปกติ เซียวชูหรันต่างก็ออกจากบ้านหน้าสด น้อยมากที่จะแต่งหน้า ด้านการแต่งตัวก็ไม่ได้พิถีพิถันเป็นพิเศษขนาดนั้น วันนี้ก็ไม่แตกต่าง

ดังนั้น อยู่ต่อหน้าของซ่งหวั่นถิงที่แต่งตัวหรูหราเป็นทางการ เพียงครู่เดียวก็แสดงให้เห็นถึงความค่อนข้างที่จะหม่นหมองแล้ว

เซียวฉางควนรู้ว่าลูกเขยคนนี้ของตนเองตอนนี้ความสามารถยิ่งใหญ่มาก ลูกค้าล้วนเป็นคนใหญ่คนโต ดังนั้นเห็นคนใหญ่คนโตมากมายขนาดนี้ กลับไม่ได้มีความรู้สึกอะไร

เพียงแต่ ตอนที่เห็นซือเทียนฉีนั้น เซียวฉางควนรีบร้อนเข้าไปต้อนรับในทันที เอ่ยอย่างเคารพนบนอบว่า “โอ๊ย หมอเทพซือ ท่านก็มาด้วย!ท่านคือผู้มีพระคุณของผู้น้อย ควรจะเป็นผู้น้อยที่ไปคารวะอวยพรวันตรุษจีนท่าน…”

ซือเทียนฉีทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเขาชัดเจนดีว่า เซียวฉางควนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้เกิดอัมพาตครึ่งท่อนในคราวนั้น คือเย่เฉินที่ใช้ยาวิเศษรักษาให้หาย ที่จริงแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเขาเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้น เซียวฉางควนแสดงความเคารพต่อเขาขนาดนี้ ทำให้เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกละอายใจ รับเอาไว้ไม่ไหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รีบเอ่ยขึ้นว่า “คุณเซียวคุณเกรงใจเกินไปแล้ว อาจารย์เย่มีบุญคุณอันใหญ่หลวงราวกับชุบชีวิตใหม่ต่อกระผม ควรจะเป็นผู้น้อยมาคารวะอวยพรวันตรุษจีน!”

เวลานี้ หงห้าเดินเข้ามา ยกมือคารวะให้กับเซียวฉางควน โค้งตัวเล็กน้อย เอ่ยขึ้นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นอย่างยิ่งว่า “คุณเซียวสวัสดีครับ !กระผมอยู่ที่นี่ อวยพรให้คุณประสบพบมหามงคลในปีใหม่นี้!”

เซียวฉางควนอยู่ที่เทียนเซียงฝู่เคยสัมผัสกับหงห้ามาหลายครั้ง เปลี่ยนเป็นคุ้นเคยกันเป็นอย่างมากมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นก็เลยเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหัวเราะว่า “คุณหงท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ก็ขอให้ท่านมีความสุขในวันปีใหม่เช่นเดียวกันครับ!”

หงห้ารีบเอ่ยขึ้นอย่างได้รับความโปรดปรานโดยไม่คาดฝันจนรู้สึกทั้งดีใจและไม่สบายใจว่า “ไม่ได้ครับไม่ได้ คุณเซียวคุณเรียกผมว่าหงห้าก็พอ พูดคุยกับผม อย่าใช้ท่านคำเรียกนี้อย่างเด็ดขาด หงห้ารู้สึกละอายใจ รับเอาไว้ไม่ไหว!”

ในใจของเซียวฉางควนได้ใจสุดๆ แอบเอ่ยในใจว่า “อัยยะ ฉันเหล่าเซียวตอนนี้ก็มีหน้ามีตาขนาดนี้เลย?!แม้แต่หงห้าราชาใต้ดินแห่งเมืองจินหลิงนี้ อยู่ต่อหน้าฉันเหล่าเซียว ต่างเคารพนบนอบ นี่จะได้ยังไงกัน?!อีกทั้ง เรื่องที่คนใหญ่คนโตมากมายขนาดนี้มาอวยพรวันตรุษจีนถึงบ้าน หากกระจายออกไป ยังไม่รู้ว่าคนจำนวนเท่าไรต้องตกใจจนอ้าปากค้าง!”