แม้ตกใจกับมรดกของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนที่หลินสวินครอบครอง แต่การเคลื่อนไหวของเสวียนไฉ่หนีไม่ช้าเลยสักนิด
“เคราะห์สังหารดาราผันแปร สิบฝั่งทลาย!”
นางโบกมือขาวผ่อง เจตกระบี่น่ากลัวท่วมฟ้าระเบิดออกมา ทลายห้วงอากาศ กำราบออกไปในชั่วพริบตา
ครืนโครม!
ฟ้าดินปั่นป่วน สุริยันจันทราไร้แสง
พลันเห็นในห้วงอากาศ ปราณกระบี่เรืองรองไพศาลประหนึ่งมหาสมุทรกลายเป็นค่ายกลกระบี่มากมาย แน่นขนัดเหมือนกรง มีอานุภาพปิดฟ้าคลุมตะวัน
ไม่ว่าเสวียนไฉ่หนีจะโจมตีอย่างไร ล้วนถูกค่ายกลกระบี่ที่แผ่เต็มฟ้าดินนั่นทำลายทั้งหมด
ถึงขั้นที่ยามนางคิดจะเข้าใกล้หลินสวิน ยังเปลี่ยนเป็นลำบากขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินสวินสำแดงมรรคชักระบี่ ดูคล้ายหมื่นกระบี่คืนสู่หนึ่ง และตอนนี้หลังจากสำแดงคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน กลับเรียกได้ว่าหนึ่งกระบี่เกิดหมื่นวิชา!
มรรคกระบี่ชั้นเลิศทั้งสองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ถูกคนผู้หนึ่งครอบครองนำมาใช้ อานุภาพที่สำแดงออกมาแม้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ล้วนเรียกได้ว่าเป็นมรรคกระบี่ที่ตะลึงหมื่นกาล
นี่ทำให้พวกเฒ่าชราตระกูลเสวียนที่อยู่ในมุมมืดลอบตกใจ ตื่นตะลึงไม่หยุด
และในการต่อสู้ การต่อสู้กับจักรพรรดิกระบี่ที่โดดเด่นแห่งยุคอย่างเสวียนไฉ่หนี ก็ทำให้หลินสวินได้ประโยชน์มากมายเช่นกัน
หลังจากก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิ แม้เขาผ่านการต่อสู้เข่นฆ่ามากมาย แต่พูดอย่างเคร่งครัดแล้วไม่เคยเจอศัตรูที่สามารถประชันกันซึ่งหน้าได้อย่างแท้จริง
สิ่งที่หายากและมีค่าที่สุดคือ การต่อสู้กับเสวียนไฉ่หนีในตอนนี้ พึ่งพลังแห่งตนในการต่อสู้ทั้งหมด การต่อสู้และเคี่ยวกรำเช่นนี้ สำหรับหลินสวินแล้วหายากมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ก็เหมือนสมบัติกระบี่พลิกฟ้าชิ้นหนึ่ง ในที่สุดก็เจอเตาหลอมกระบี่ที่สามารถชักนำการหลอมตีเป็นร้อยพันครั้งมาให้ตนเองได้!
ในการต่อสู้เช่นนี้ หลินสวินเองก็สู้อย่างเต็มที่ ปลดปล่อยอย่างสิ้นเชิง มรรควิถีทั้งหมดสำแดงออกมาเต็มกำลัง
ชั่วขณะเดียวปราณกระบี่แผ่ไพศาล แผ่เต็มภูผาธาราจักรวาล!
เสวียนไฉ่หนีหวั่นไหว ดวงตาคู่งามวาบวาว นางสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจิตต่อสู้และสภาวะจิตของหลินสวิน ในใจตะลึงไม่หยุด
เจ้าหนุ่มที่เพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับสามารถประชันกับตนบนมรรคกระบี่ได้
หายากมาก!
“เช่นนั้นข้าเองก็ไม่เกรงใจแล้ว”
เสวียนไฉ่หนีอานุภาพพลังเปลี่ยนไปอีกครั้ง หากบอกว่าก่อนหน้านี้นางดีใจที่เจอเหยื่อ เหมือนค้นพบสมบัติหายากที่สามารถประมาณนำมาศึกษาและขัดเกลาได้
เช่นนั้นนางในตอนนี้ก็เพิ่งจะมองว่าหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจชั้นเลิศอย่างแท้จริง! เป็นคู่ต่อสู้ที่สามารถทำให้นางต่อสู้เต็มกำลัง!
ครืน!
ชุดหลากสีของนางพลิ้วไหว ผมขาวดั่งหิมะพลิ้วลอย ปราณกระบี่ที่พลุ่งพล่านรอบตัวเปลี่ยนเป็นภาพอันน่าหวาดหวั่นปานภูเขาศพทะเลเลือด กลิ่นอายเข่นฆ่านองเลือดแผ่ออกมา
นางคนเดียวเท่านั้น กลับเหมือนจอมกระบี่ชั้นเลิศที่กำราบเหล่าเทพ!
ในที่มืดมีคนอึ้งงัน “น้องเล็กบ้าไปแล้วหรือ หรือจะสู้สุดชีวิต”
เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นต่างตกใจ ในสามพันปีนี้เสวียนไฉ่หนีเคี่ยวกรำเพียงลำพัง ฟันดวงดาว โจมตีลำแสง แทงอากาศ ยกระดับมรรคกระบี่ของตนถึงขีดสุดนานแล้ว
ตระกูลเสวียนทุกคนต่างเห็นเป็นเอกฉันท์ ว่าตอนที่เสวียนไฉ่หนีไต่ถึงระดับบรรพจารย์กระบี่ มรรคกระบี่ของนางจะต้องกำราบทั่วหล้า เป็นหนึ่งเพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน ปรากฏอานุภาพชั้นเลิศที่สามารถเทียบเคียงจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนแห่งยุคดึกดำบรรพ์ได้
แต่ตอนนี้เพื่อจัดการเจ้าหนุ่มที่เพิ่งก้าวสู้ระดับมกุฎจักรพรรดิคนหนึ่ง นางกลับสู้สุดกำลังแล้ว นี่พิสูจน์ว่าหลินเต้ายวนไม่ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย!
คิดถึงตรงนี้ในใจเฒ่าชราตระกูลเสวียนหลายคนต่างหวั่นไหวเล็กน้อย เพียงเพราะไม่ยอมหักหน้าจักรพรรดิสวรรค์ดำรง จึงปฎิเสธคนรุ่นหลังระดับนี้มาเป็นแขก ดีจริงๆ หรือ
“หนึ่งกระบี่หลังจากนี้ เป็นกระบี่ที่ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจศึกษามรดกมรรคกระบี่โบราณหนึ่งพันหนึ่งร้อยหกสิบสามประเภท ผ่านการฝึกสามพันปีแล้วหยั่งรู้ออกมา”
เสวียนไฉ่หนีเอ่ยปาก บนร่างของนางมีประกายคมยิ่งยวดปรากฏขึ้น ราวกับยักษ์มรรคกระบี่ควบคุมปกครองโลก
และตอนที่พูด ในฝ่ามือของนางปรากฏปราณหนึ่งกระบี่
สะอาด เรียบง่าย ราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง แต่กลับสะท้อนหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า!
“ร้ายกาจ…” ต้าหวงนัยน์ตาหดรัด ตัวตนระดับมันเคยพบเจอพวกโดดเด่นมาไม่รู้เท่าไหร่ ทว่าบนตัวเสวียนไฉ่หนีทำให้มันรู้สึกถึงเหมือนมองเห็นความองอาจของบรรพจารย์กระบี่ชั้นเลิศที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่รางๆ!
ซย่าจื้อขมวดคิ้ว คล้ายนั่งไม่ติดนัก กลับถูกต้าหวงขวางเอาไว้ “กระบี่นี้ให้เจ้าหนูนั่นไปขวาง ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลวล้วนเป็นเรื่องดีที่ยากจะพบเจอ”
สำหรับเสวียนจิ่วอิ้น มองทุกอย่างในการต่อสู้ไม่ชัดนานแล้ว ช่วยไม่ได้ พลังปราณของเขาไม่เพียงพอจริงๆ…
“เชิญ!”
ชั่วขณะนี้หลินสวินเองก็สูดหายใจลึกคราหนึ่ง ดวงตาดำเปล่งประกาย สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั่วร่วงควบรวมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายดุจดั่งเตาหลอม ก่อเกิดหนึ่งเดียวอันสัมบูรณ์
“ดูให้ดี”
ภายใต้เสียงที่ราบเรียบ เสวียนไฉ่หนีฟันหนึ่งกระบี่นี้ออกมา
นี่เป็นหนึ่งกระบี่ที่มีพลังสังหารเป็นรูปธรรมที่สุดเท่าที่นางเคี่ยวกรำมาทั้งชีวิต และเป็นการโจมตีสูงสุดที่นางสามารถควบคุมได้ในตอนนี้ ในคนรุ่นเดียวกัน คนที่สามารถบีบให้นางสำแดงการโจมตีนี้ได้มีไม่กี่คน
ด้านหลินสวินที่เผชิญหน้ากับกระบี่ที่มีเจตจำนงเข่นฆ่าและนองเลือดนี้ประสานมือทั้งคู่ ทุกอย่างในห้วงอากาศเหมือนถูกดูดจนว่างเปล่า ล่มสลายทุกกระเบียด ปราณกระบี่ปานว่างเปล่าพุ่งออกจากความล่มสลาย
ไปไร้หวน!
แตกต่างจากเมื่อก่อน อานุภาพไปไร้หวนที่หลินสวินสำแดงออกมาตอนนี้เพิ่มขึ้นไม่เพียงร้อยเท่า ทันทีที่ปรากฏก็ปั่นป่วนลักษณ์ฟ้า ก่อกวนหยินหยาง ทำให้ฟ้าดินตกอยู่ในบรรยากาศทำลายล้างที่พาให้คนสิ้นหวังไร้ที่พึ่ง
ตอนนั้นจักรพรรดิสงครามอู๋ยางเคยพูดว่า นางยกทัพจับศึกมาทั้งชีวิต สังหารคนมานับไม่ถ้วน แต่กลับทำได้แค่กระบวนท่ากระบี่เดียว นามว่า ‘ไปไร้หวน’!
นี่เป็นเจตกระบี่ที่เฉียบขาดอย่างหนึ่ง อานุภาพพลังยามหนึ่งกระบี่ฟันออกไป ไร้กังวลในแพ้ชนะ ไม่กลัวความเป็นตาย ไร้ซึ่งการขวางกั้น
เมื่อก่อนหลินสวินหยั่งถึงเพียง ‘รูป’ ของกระบวนท่ากระบี่นี้
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ฟัน ‘เจต’ ของกระบี่นี้ออกมาได้แล้ว!
ลืมรูปต่างๆ
ได้ใจที่สุดในโลก!
วู้ม!
กระบี่นั้นที่เสวียนไฉ่หนีฟันออกมาสะท้านไหวรุนแรงกะทันหัน เหมือนสัตว์ที่กระสับกระส่ายตัวหนึ่งเพราะรับรู้ได้ถึงอันตรายถึงชีวิต ถึงกับคล้ายจะหลุดจากการควบคุมของนาง!
เห็นเช่นนี้เสวียนไฉ่หนีนัยน์ตาหดรัดทันที สำแดงพลังทั้งหมด กำราบพลังที่จะสลัดหลุดนี้ไว้โดยพลัน
ตูม!
กระบี่นั้นของหลินสวินฟันออกมาแล้ว ชั่วขณะนั้นรู้สึกได้ถึงเจตจำนงแห่งการดับสูญที่แฝงอยู่ในเจตกระบี่ ทุกคนต่างกลั้นหายใจ ใบหน้าเผยความไม่กล้าเชื่อ
ส่วนบนใบหน้าของเสวียนไฉ่หนีไม่สามารถควบคุมความตะลึงได้แล้ว
จู่ๆ นางก็พบว่าตนไม่สามารถหนีได้ นอกเสียจากจะไม่กำราบกระบี่ที่ฟันออกมาต่อ ไม่เช่นนั้นจะต้องประสบอันตรายจากกระบี่นั้นของหลินสวินอย่างแน่นอน…
แต่ในฐานะจักรพรรดิกระบี่ที่คลั่งไคล้ในกระบี่ จะทนเห็นเจตกระบี่ของตนหลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร
นั่นเท่ากับยอมปล่อยเจตกระบี่ของตน ทิ้งมรรคกระบี่ของตน!
แม้สามารถรอดชีวิต บนจิตมรรคก็จะต้องทิ้งเงามืดที่ไม่สามารถขจัดได้ นั่นเป็นสิ่งที่เสวียนไฉ่หนีไม่ยอมเห็นเด็ดขาด
เพราะฉะนั้น กระบี่นี้ของนาง ไม่มีการถอยและลังเลใดๆ ประชันกับกระบี่นี้ขอหลินสวิน
ครื้นโครม!
กลางฟ้าดินผืนนี้ เหมือนสุริยันดวงโตสองดวงชนเข้าหากัน ระเบิดกระแสมรรคกระบี่ที่น่ากลัวไร้ขอบเขต ฉีกห้วงอากาศ ทะลวงวัวยุทธการ แผ่ทั่วทุกสารทิศ
ปราณกระบี่ที่พลุ่งพล่านนั่น ทำให้ภูผาธาราบริเวณนั้นถูกโกนจนเรียบ ต้นไม้ใบหญ้าภูเขาก้อนหินแหลกละเอียดระเหยไปทั้งหมด บนพื้นดินยิ่งถูกระเบิดออกเป็นร่องขนาดใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และบนท้องฟ้า ชั้นเมฆทรุดทลาย หมู่ดาวสั่นไหว!
ชั่วขณะนี้ ปวงชีวิตที่กระจายอยู่ในโลกลึกลับแห่งนี้ ล้วนได้รับความตื่นตระหนก จิตใจสั่นไหว มองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว
ชั่วขณะนี้ ในสายตาของซย่าจื้อ ต้าหวงรวมทั้งบรรดาเฒ่าชราตระกูลเสวียนในที่มืด ล้วนมองไม่เห็นแล้ว ขาวโพลนทั้งหมด ไม่สามารถมองเห็นความลึกลับได้อย่างละเอียด
ไม่ใช่เพราะพลังปราณของพวกเขาไม่พอ แต่การต่อสู้มรรคกระบี่เช่นนี้ กระบี่ที่ดูเหมือนง่ายดายหนึ่งกระบี่ สิ่งที่สั่งสมอยู่ภายในกลับเป็นเจตจำนง ความองอาจและสันดรของทั้งสอง!
ความลึกลับในนั้น คนนอกไม่สามารถเห็นได้
ตอนที่ฝุ่นควันแผ่
ดุจดั่งภาพภูผาธารา เหมือนถูกมือยักษ์ฉีกและขยี้อย่างรุนแรง ไม่เหลือสภาพเดิมนานแล้ว บาดเจ็บไปทั่ว ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
ตรงกลางสนามรบ หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ ตรงหน้าเป็นแผลจากระบี่ เลือดสดพรูไหล ย้อมเสื้อเป็นสีแดง สีหน้าขาวซีดเหมือนโปร่งแสง
ในระยะพันจั้งฝั่งตรงข้าม ทั่วร่างเสวียนไฉ่หนีไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่สายตากลับเลื่อนลอยเล็กน้อย อึ้งไปครู่หนึ่ง จึงพูดอย่างแฝงความหดหู่ “ไปไร้หวน ได้เจตลืมรูป ความลึกลับแห่งกระบี่นี้ของจักรพรรดิสงครามอู๋ยาง กลับถูกควบคุมทั้งหมด”
พูดถึงสุดท้าย มุมปากของนางมีเลือดไหลออกมา แต่ไม่นานก็หายไป
“ผู้อาวุโส ยอมแพ้แล้ว”
หลินสวินสูดหายใจลึกประสานหมัดพูด สำหรับความสำเร็จบนมรรคกระบี่ของเสวียนไฉ่หนี ก็ทำให้เขารู้สึกนับถือขึ้นมา ชื่นชมไม่หยุด
“ข้าไม่ได้ยอมเจ้าหรอกนะ”
เสวียนไฉ่หนีส่ายหน้า จากนั้นพูดว่า “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือแขกผู้มีเกียรติตระกูลเสวียน ใครขวางเจ้า คนนั้นก็ขัดแย้งกับข้า”
ฉัวะ!
นางหมุนตัวออกไปกลางอากาศ ผมขาวประหนึ่งหิมะ เสื้อผ้าพลิ้วไหว “ก่อนเจ้าจะจากไป หากอยากประลอง สามารถไปหาข้าที่หุบเขาดูดาวได้”
เสียงยังคงกึกก้อง ตัวนางได้หายไปแล้ว
ต้าหวงเอ่ยเสียงถอนทอนใจ “ยัยนี่ สันดรและพลังล้วนเรียกได้ว่าสุดยอดแห่งยุค หากไม่ใช่เพราะเจ้าก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิ ก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
มันเห็นทั้งหมด และได้เห็นความองอาจไร้เทียนบนมรรคกระบี่ของเสวียนไฉ่หนี ในใจย่อมรู้ดีว่า หากสู้อย่างสุดชีวิต หลินสวินไม่ใช่วิธีพิเศษสักหน่อย คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้
“หลินสวิน เจ้าบาดเจ็บหนักหรือไม่” เห็นได้ชัดว่าซย่าจื้อไม่เป็นห่วงอย่างอื่น นางเป็นห่วงเพียงว่าหลินสวินบาดเจ็บรุนแรงหรือไม่
หลินสวินส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรมาก จะว่าไป การต่อสู้ครั้งนี้ถือว่าทำให้ข้าได้ผลประโยชน์มากเลยเชียว”
ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ในใจเขาเกิดความวู่วามที่ไม่สามารถควบคุมได้ นั่นคือหลอมรวมมรรคกระบี่ที่ตนครอบครองให้ลงตัว เปลี่ยนเป็นมรรคกระบี่ที่เป็นของตนอย่างแท้จริง!
เช่นเดียวกัน หากเขาอยากสำเร็จ ‘คัมภีร์เตาหลอมมหามรรค’ ถึงขั้นคัมภีร์จักรพรรดิ ก็ต้องหลอมรวมมรดกต่างๆ ที่ได้รับ
เช่นนี้จึงจะสามารถทำให้คัมภีร์จักรพรรดิคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคกลายเป็นคัมภีร์จักรพรรดิของตนอย่างแท้จริงได้!
“พี่หลิน เจ้าไม่ใช่คน…”
และตอนนี้ เสวียนจิ่วอิ้นที่ตกอยู่ในสภาะตะลึงตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ได้สติ สายตาที่มองไปยังหลินสวิน เหมือนเป็นปีศาจพลิกฟ้าที่มีชีวิตอยู่ตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่า ท่านอาเล็กอย่างเสวียนไฉ่หนีเป็นจักรพรรดิกระบี่หญิงที่น่ากลัวเพียงใด
หากอยู่ในตระกูลเสวียนของพวกเขา อาจจะมีสัตว์ประหลาดเฒ่าที่แข็งแกร่งกว่าเสวียนไฉ่หนีไม่น้อย หากพูดถึงพลังแฝงและรากฐานพลัง เสวียนไฉ่หนีในอนาคต สักวันจะต้องเหนือกว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนี้!
พูดอย่างไม่เกินจริง เสวียนไฉ่หนีเปรียบเสมือนจักรพรรดิกระบี่ที่มีอนาคตที่ดีคนหนึ่งของตระกูลเสวียน ไม่เร็วก็ช้าจะต้องโดดเด่นบนโลก
แต่หลินสวิน กลับเปิดฉากการต่อสู้บนมรรคกระบี่กับเสวียนไฉ่หนีเมื่อครู่นี้ และยังไม่เสียเปรียบ!
……………………….