เสียงของทั้งสอง ดึงดูดความสนใจเซียวฉางควน
เขามองไปที่แม่ของตนเอง ด้วยความประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ออก
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงถามเย่เฉินว่า“ลูกเขย นะ……นั่นคือแม่ของฉันหรอ?ฉันดูไม่ผิดใช่ไหม?”
เย่เฉินยิ้มเบาๆ“คุณพ่อครับ ดูไม่ผิดหรอกครับ คือท่านจริงๆครับ”
เซียวฉางควนพูดอย่างตกใจ“ทะ……ทำไมเธอถึงสวมเสื้อกั๊กของพนักงานล่ะ?หรือเธอมาทำงานที่นี่!?”
เย่เฉินพยักหน้า“ดูท่าน่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”
เซียวฉางควนพูดอย่างแปลกใจ“นี่ไม่ใช่สิ อู๋ตงไห่อัดฉีดเงินให้ตระกูลเซียวไม่ใช่เหรอ?ยังซื้อคฤหาสน์Tomson Rivieraให้พวกเขาหนึ่งหลังอีกด้วย ตามหลักแล้วพวกเขาทั้งตระกูลน่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายถึงจะถูกสิ!”
เซียวฉางควนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหม่าหลันถูกพี่ชายแท้ๆของตนเอง กับหลานชายแท้ๆลักพาตัวไป ยิ่งไม่รู้ว่าอู๋ตงไห่ได้ยอมจำนนนำทรัพย์สินส่วนหนึ่งของตระกูลแบ่งออกไปแล้ว และตกเป็นสุนัขตัวหนึ่งของหงห้า
ดังนั้น จึงไม่รู้ด้วยว่า สถานการณ์ของครอบครัวนายหญิงใหญ่เซียวเลวร้ายลงในช่วงสองวันที่ผ่านมา
เวลานี้เองเย่เฉินพูดขึ้นมาว่า“ผมได้ยินมาว่า เหมือนอู๋ตงไห่จะถอนทุนไปหมดแล้วนะครับ”
“ถอนทุน?”เซียวฉางควนร้องอย่างตกใจ แล้วพูดขึ้นมาว่า“อู๋ตงไห่คนนี้พึ่งพาไม่ได้เลยจริงๆ คิดจะถอนก็ถอนเลยงั้นเหรอ?แล้วทำไมเขาต้องถอนทุนด้วยล่ะ?ฉันเชื่อว่าจากทรัพย์สินของเขาแล้ว คงไม่สนใจเงินเล็กน้อยแค่นั้นที่จะลงทุนกับบริษัทเซียวซื่อหรอกมั้ง?”
เย่เฉินยักไหล่ แล้วพูดอย่างยิ้มๆ“เรื่องนี้เราไม่แน่ใจครับ”
ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ก็เห็นจางกุ้ยเฟินใช้ไม้ถูพื้นถูไปที่ข้อเท้าของหญิงชราหลายครั้ง แล้วพูดอย่างรังเกียจ“นังแก่รีบหลบไปเลยนะ อย่ามัวแต่ขวางฉันถูพื้น!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า“กุ้ยเฟิน งานที่หัวหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตมอบหมายให้ฉัน ก็คือให้ฉันคอยช่วยลูกค้าดึงถุงพลาสติก ถ้าฉันทำงานไม่ดีจะถูกไล่ออก ถือซะว่าฉันขอร้องเธอละ อย่ามีปัญหากับฉันเลย ได้ไหม?”
จางกุ้ยเฟินทำเสียงหึอย่างเย็นชา“เดิมทีฉันก็เกียรติหล่อนอยู่หรอก แต่สุดท้ายหล่อนทำอะไรลงไปบ้าง หล่อนน่าจะรู้ตัวดีนะ นี่เรียกว่าทำตัวเองย่ะ!”
พูดจบ จางกุ้ยเฟินก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน กัดฟันพูดออกมาว่า“ฉันจะบอกอะไรให้นะนังแก่ หล่อนอย่ามองว่าคนอย่างฉันเป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกไร้การศึกษานะ แต่คนอย่างฉันน่ะกระดูกแข็งนะเว้ย!อีกทั้งฉันยังไม่ชอบให้คนอื่นดูถูกฉันด้วย!ถึงหล่อนจะเคยทำร้ายฉันก็ช่างเถอะ แต่หล่อนไม่ควรเหยียดหยามฉัน!”
พูดจบ เธอเก็บไม้ถูพื้นกลับ และในตอนที่เดินผ่านหญิงชราไปนั้น จงใจกระแทกไปที่หล่อนหนึ่งครั้ง จนทำให้นายหญิงใหญ่เซียวกระแทกไปที่ชั้นวางสินค้า เจ็บจนหล่อนร้องด้วยความเจ็บปวด
แต่ทว่า เมื่อจางกุ้ยเฟินชนเธอเสร็จ ก็ไม่ได้ยุ่งกับเธอต่อไป ถือไม้ถูพื้นขึ้นมาแล้วไปจัดการถูพื้นที่อื่นต่อ
นายหญิงใหญ่เซียวยืนอยู่กับที่ ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ
เธอแอบคิดในใจด้วยความเจ็บปวดและโกรธ“ฉันใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลเซียวอย่างอยู่ดีกินดีมานานหลายปีขนาดนี้ ฉันเคยถูกรังแกแบบนี้เมื่อไรกัน?นี่มันไร้เหตุผลซะจริงๆ!!”
“สิ่งที่ยิ่งรับไม่ได้เลยคือ อายุเยอะปูนนี้อย่างฉัน ยังต้องออกมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้อีก!”
“หลายปีมานี้ ฉันอยู่ในตระกูลเซียว ฉันไม่เคยต้องล้างแม้แต่แก้วน้ำชาแก้วเดียว!ตอนนี้ล่ะ กลับต้องมาอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต คอยดึงถุงพลาสติกให้ลูกค้า เพื่อไม่ให้พวกเขาเสียเวลา”
“แต่ว่า ถ้าฉันไม่ทำฉันจะไปทำอะไรได้อีก?”
“ถ้าฉันไม่ทำ ก็จะไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้อิ่มท้อง……”
“ฉันทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ อย่างน้อยหนึ่งวันก็สามารถแลกได้หนึ่งร้อยหยวน ช่วงกลางวันยังมีอาหารให้หนึ่งมื้อ……”
“ถ้าฉันไม่ทำ ไม่ว่าจะเฉียนหงเย่น หรือจางกุ้ยเฟิน ก็จะไม่ให้ฉันกินข้าวแม้แต่คำเดียว……”
“ถึงเวลานั้นก็ต้องหิวตายน่ะสิ?”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นายหญิงใหญ่เซียวก็รู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้น ยืนอยู่ข้างๆชั้นวางสินค้าคนเดียว แล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
เซียวฉางควนที่เห็นแบบนั้น เขารู้สึกทนไม่ได้ จึงเอ่ยปากพูดกับเย่เฉินว่า“เย่เฉิน ฉันว่าย่าของนายดูน่าสงสารจริงๆนะ ถ้าไม่จำใจจริงๆ หล่อนคงไม่มาทำงานในสถานที่แบบนี้หรอก……”