ตอนที่ 2238 แผนการของจักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ระหว่างที่พูดคุย ไม่นานภูเขาสีดำสูงตระหง่านลูกหนึ่งทอดยาวให้เห็นแต่ไกล บนตัวภูเขาที่มหึมาหาใดเปรียบปกคลุมด้วยโซ่มหามรรคสีเลือดที่หนาราวถังน้ำมากมาย ทิ้งตัวลงมาเหมือนน้ำตก คลื่นผนึกที่พาให้ใจคนหวาดหวั่นแผ่ออกมา

“นี่คือเขาผนึกฟ้า ขอเพียงเป็นคนในเผ่าที่ทำผิดมหันต์ บ้างจะถูกขังอยู่ที่นี่ บ้างจะถูกกักบริเวณไว้ในนี้ และบ้างจะถูกกำราบอยู่ที่นี่”

อ๋าวเสวียนเฟิงเอ่ยราบเรียบ “ปีนั้นด้วยน้องเจ็ดตกหลุมรักหญิงเผ่ามนุษย์ชั้นต่ำคนหนึ่ง ถือว่าทำผิดมหันต์จึงถูกบิดาข้ากักบริเวณ เมื่อคำนวณดูก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาหลายสิบปีแล้ว”

หลินสวินรู้ว่าคนที่อ๋าวเสวียนเฟิงพูดถึงคืออิ๋นฮวน!

“ตามข้ามาเถอะ”

อ๋าวเสวียนเฟิงมุ่งไปยังเขาผนึกฟ้าที่ห่างไกล

หลินสวินตามหลังเขาไป มองเขาผนึกฟ้าที่อยู่ห่างออกไปนั้น เพียงพริบตาก็สัมผัสได้ว่าส่วนลึกของภูเขาลูกนั้นมืดมนและกวดขัน ปกคลุมด้วยพลังผนึกชั้นแล้วชั้นเล่า หลายสถานที่ในนั้นกักขังกลิ่นอายอำมหิตแข็งแกร่งไว้มากมาย

ณ เชิงเขาผนึกฟ้ามีสิ่งปลูกสร้างตั้งอยู่รวมกัน ข้ารับใช้และบ่าวมากมายเดินอยู่ในนั้น ต่างคนต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง

“องค์ชายสี่ ท่านมาได้อย่างไร”

เมื่อเห็นอ๋าวเสวียนเฟิงเดินมา ชายชราที่สวมชุดนักพรตสีดำ ผมเผ้าหนวดเคราสีดอกเลาคนหนึ่งรุดหน้ามาต้อนรับทันที

นี่คือบุคคลระดับจักรพรรดิที่มาจากเผ่าจักรพรรดิผูเหลาคนหนึ่ง มีนามว่า ‘จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ย’ ทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามอาวุโสในแดนวังมังกรนี้ ควบคุมดูแลที่นี่มานานปี คอยดูแลทุกเรื่องในเขาผนึกฟ้า

แม้จะเป็นระดับจักรพรรดิ ยามเผชิญหน้ากับอ๋าวเสวียนเฟิง จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยก็แสดงความเคารพนบนอบ

หลินสวินพลันนึกอะไรขึ้นได้ นี่น่าจะเป็นฉากจบของคนที่ลงนามใน ‘ยันต์บริสุทธิ์’ มอบชีวิตให้อยู่ในการควบคุมของเผ่าเจินหลงหลังจากบรรลุจักรพรรดิ

ระดับจักรพรรดิที่น่าเกรงขาม หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราย่อมสามารถข่มขวัญสิ่งมีชีวิตทั่วหล้า แต่ยามนี้กลับกลายมาเป็น ‘พัศดี’ ในพื้นที่หนึ่งของเผ่าเจินหลง

“ข้าพาสหายเผ่าเจินโห่วคนนี้มาเยี่ยมน้องเจ็ด เจ้ามานำทางไปที” อ๋าวเสวียนเฟิงสั่งความลวกๆ

“เชิญองค์ชายสี่” จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยพูดพลางนำทางไป

วู้ม…

เขาหยิบจานกระบวนสีทองใบหนึ่งออกมา แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองสายหนึ่งเปล่งประกาย เปิดช่องทางมุ่งสู่เขาผนึกฟ้าทันที ทุกคนเร่งเดินตามเข้าไปในนั้น

ในเขาผนึกฟ้ามืดมนและกดดัน ทุกหนแห่งอบอวลด้วยคลื่นพลังต้องห้าม แค่เดินอยู่ในนั้นก็พาให้อกสั่นขวัญแขวน

“องค์ชายสี่ องค์ชายเจ็ดถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนตรงส่วนลึกสุดของทางภูเขานี้ขอรับ”

กระทั่งมาถึงปากถ้ำมหึมาแห่งหนึ่ง จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยจึงเอ่ยปาก “แต่ในถ้ำนี้มืดและแคบยิ่งนัก เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและสิ่งปฏิกูลนานปี หรือให้ข้าไปเชิญองค์ชายเจ็ดออกมาไหมขอรับ”

อ๋าวเสวียนเฟิงขมวดคิ้วพลางกล่าว “ไม่จำเป็น ครั้งนี้ข้าแค่นำทางสหายคนนี้มา ตอนนี้ไม่มีเรื่องของข้าแล้ว คิดจะจากไปพอดี เจ้าพาสหายคนนี้เข้าไปเถอะ”

เขาพลันชี้หลินสวิน

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยพยักหน้าแล้วมองไปยังหลินสวิน “สหาย เชิญตามข้ามา”

เขาพูดพลางเดินเข้าไปในถ้ำที่มืดมิดล้ำลึกนั้น

“ขอบคุณองค์ชายสี่ที่ดูแลมาตลอดทาง” หลินสวินประสานมือไปทางอ๋าวเสวียนเฟิง ก่อนเดินตามจักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยเข้าไปในถ้ำนั้นพร้อมกัน

มองส่งเงาร่างเขาจนหายลับไป อ๋าวเสวียนเฟิงยิ้ม แววตาเจือความนึกสนุก สื่อจิตบอกคนอื่นที่อยู่ข้างกายเขา ‘ประเดี๋ยวข้าจะให้พวกเจ้าได้ดูเรื่องสนุก!’

ผู้ติดตามพวกนั้นล้วนอึ้งไป ตอนนี้ถึงรับรู้ได้ทันทีว่าอ๋าวเสวียนเฟิงที่เย่อหยิ่งอวดดีเสมอ ยอมพาคนของเผ่าเจินโห่วนั่นมาเพราะมีจุดประสงค์อื่น!

“องค์ชายสี่ เจ้าหมอนี่มีปัญหาหรือ” ผู้ติดตามคนหนึ่งอดถามไม่ได้

“โง่”

มีคนชิงเอ่ยปากก่อน “ในเผ่าใครต่างก็รู้ว่าคนที่ใต้เท้าจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรรังเกียจที่สุดก็คือองค์ชายเจ็ด มีหรือจะรับปากให้คนของเผ่าเจินโห่วนั่นมาพบองค์ชายเจ็ด นี่คือประเด็นแรก”

“ประเด็นที่สองก็คือหลายสิบปีนี้ใครบ้างไม่รู้ว่าองค์ชายเจ็ดถูกกักบริเวณ กลายเป็นหมาหัวเน่านานแล้ว แต่คนของเผ่าเจินโห่วนั่นกลับมาอย่างกะทันหัน ขานชื่อว่าอยากพบองค์ชายเจ็ด ถือว่าแปลกเกินไปแล้ว”

เมื่อพูดจบผู้ติดตามพวกนั้นก็เหมือนคิดอะไรได้

อ๋าวเสวียนเฟิงกล่าวเสียงเรียบ “รอก่อนเถอะ ข้าสื่อจิตกำชับจักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยไว้แล้ว ขอแค่เจ้าหมอนี่เข้าไปในถ้ำก็เหมือนหมูในอวย ไม่อาจหลุดพ้นได้อีก ถึงตอนนั้นข้าจะให้เขาสารภาพโดยดีว่ามาทำไม!”

กล่าวถึงตอนท้าย ส่วนลึกในนัยน์ตาเขาฉายแววเหี้ยมเกรียมวูบหนึ่ง

คิดว่าเวลาของเขาอ๋าวเสวียนเฟิงไร้ค่าจริงหรือ

หากไม่ใช่ว่าครั้งนี้สังเกตเห็นจุดน่าสงสัยอยู่บ้าง ด้วยฐานะของเขาคงคร้านจะใส่ใจเจ้าตัวเล็กของเผ่าเจินโห่วนี้แต่แรก

ในถ้ำมืดสนิท กระแสลมที่ชื้นแฉะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสิ่งปฏิกูลและคาวเลือดที่ชวนสำรอก นอกจากนี้ยังมีพลังต้องห้ามน่าหวาดกลัวที่คล้ายมีคล้ายไม่มีอบอวลอยู่ด้วย

หลินสวินเป็นคนระดับใด เพียงพริบตาก็สังเกตเห็นว่าพลังต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่ในถ้ำนี้ล้วนคุกคามระดับจักรพรรดิทั่วไปได้!

หลินสวินเอ่ยถาม “สหายยุทธ์ องค์ชายเจ็ดเป็นบุคคลระดับใด ทำไมถึงถูกกักบริเวณอยู่ในแดนผีสิงที่มืดมิดเช่นนี้”

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยกล่าวโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “ข้าเป็นแค่คนนำทาง เรื่องที่อยากถามนี้ข้าไม่รู้มากนัก”

หลินสวินขานรับว่าอ้อแล้วพลันกล่าว “เหมือนว่าองค์ชายเจ็ดจะยังไม่บรรลุจักรพรรดิกระมัง”

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยอึ้งไป ปิดปากไม่พูดจา ท่าทางเหมือนไม่คิดจะคุยกับหลินสวินอีก

หลินสวินยิ้มพลางกล่าว “แปลกจริง องค์ชายเจ็ดเป็นทายาทสายตรงของเผ่าเจินหลง ยังไม่บรรลุจักรพรรดิ แต่ถูกกักบริเวณอยู่ในสถานที่ซึ่งใช้กักขังบุคคลระดับจักรพรรดิแห่งนี้ หรือว่า… ทำความผิดร้ายแรงอะไร”

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยยังคงไม่พูดจา เดินไปโดยไม่สนใจ

หลินสวินขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไร ข้างหูพลันมีเสียงสื่อจิตหนึ่งดังขึ้น ‘เจ้าเคยได้ยินชื่อหลินเต้ายวนหรือไม่’

หลินสวินใจกระตุกวูบ เกือบลงมือฆ่าคนผู้นี้ตามจิตใต้สำนึก

ต้องรู้ว่าบางทีเผ่าเจินหลงอาจรู้ว่าเขาชื่อหลินสวิน แต่ไม่มีทางรู้ว่าเขาชื่อ ‘หลินเต้ายวน’ แน่!

ส่วนแดนเจินหลงนี้ ปัจจุบันคนที่รู้จักชื่อนี้ก็มีแค่พวกอันเจิง อันเสวี่ย อันเทียนสุ่ยแห่งเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นเท่านั้น

‘ไม่ปิดบังสหายยุทธ์ ข้าก็คือหลินเต้ายวน’ สุดท้ายหลินสวินควบคุมไอสังหารภายในใจแล้วสื่อจิตกล่าว เขาคิดจะหยั่งเชิงดู

ขอแค่สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลเสี้ยวหนึ่งก็จะลงมือทันที!

กลับเห็นจังหวะการเดินของจักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยพลันชะลอลง แต่ยังไม่ได้หันกลับมา สื่อจิตกล่าว ‘ขอเพียงเจ้าพิสูจน์ได้ว่าเจ้าคือหลินเต้ายวน เรื่องบางเรื่องพวกเราก็คุยกันได้’

‘ข้าเคยอยู่บนเกาะเทพรุ้งมรกตของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นหลายวัน…’ หลินสวินตรองดูครู่หนึ่งแล้วกล่าวหยั่งเชิง ‘หากข้าจำไม่ผิด เหมือนจะมีแค่เผ่าจักรพรรดิปี้อั้นที่รู้ชื่อของข้า’

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยพลันหยุดเท้า หันกลับมามองหลินสวินแล้วสื่อจิตกล่าว ‘จักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรถูกเจ้าลักพาตัวไปใช่หรือไม่’

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา นัยน์ตาหลินสวินพลันหรี่ลง รับรู้ได้ทันทีว่าข่าวนี้มีโอกาสสูงที่พวกอันเทียนสุ่ยและอันเทียนหลินจะเป็นคนแพร่งพราย!

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าทำไมข่าวแพร่ไปเร็วเช่นนี้ ถึงขั้นที่ว่าผู้ติดตามอาวุโสคนหนึ่งซึ่งเฝ้าเขาผนึกฟ้านี้ยังเคยได้ยินเรื่องนี้!

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

เห็นชัดว่าหลังเขาออกจากเกาะเทพรุ้งมรกต ต้องเกิดเรื่องบางอย่างที่เขาไม่อาจคาดเดาได้

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง สบตาจักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยแล้วพยักหน้าสื่อจิต ‘ไม่ผิด’

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยเหมือนยกภูเขาออกจากอกเช่นกัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมา พลางสื่อจิตกล่าว ‘สหายยุทธ์หลิน ข้ายืนยันฐานะของเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวล’

‘ส่วนเรื่องที่เจ้ามาวังมังกรครานี้ บุคคลแกนหลักแห่งเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ของพวกข้าล้วนรู้เห็นอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังส่งข่าวว่าหากมีโอกาสจะให้พวกข้าช่วยสหายยุทธ์ด้วย’

หลินสวินตะลึงงัน เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยวาจา ‘เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ล้วนรู้แล้วหรือ’

‘ไม่ผิด สหายยุทธ์ เจ้าครองมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกข้าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ได้ เรื่องใหญ่เช่นนี้พวกเราจะไม่ช่วยได้อย่างไร’

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยเดินหน้าต่อ ‘บอกสหายยุทธ์เลยว่าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ของพวกข้าลอบเป็นพันธมิตรกันแล้ว ทั้งยังถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้ติดตามอาวุโสของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ในแดนวังมังกรนี้ เพียงเจอสหายยุทธ์หลินล้วนต้องยื่นมือช่วยเหลือ’

‘แน่นอนว่าได้แค่ช่วยในที่ลับ ทันทีที่ถูกเปิดเผยพวกข้าย่อมถูกบีบให้จนปัญญา ทำได้แค่เก็บมือเฝ้ามอง สหายยุทธ์โปรดเข้าใจ’

ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจกระจ่าง ที่แท้ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร!

เขาสังเกตเห็นนานแล้ว มรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรก็เหมือนพลังข่มขวัญที่เผ่าเจินหลงครอบครอง ค้ำคอเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่อย่างแน่นหนามาตลอด ทำให้คนในเผ่าของพวกเขาไม่อาจไม่ยอมมอบชีวิตให้เผ่าเจินหลงควบคุมยามบรรลุจักรพรรดิ

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ก็ไม่อาจไม่ติดตามและเชื่อฟังเผ่าเจินหลง!

แต่การปรากฏตัวของตน กลับทำให้เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่นั้นเห็นโอกาสทำลายพันธนาการทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนลิขิตชะตาของเผ่าพันธุ์!

‘ที่แท้เป็นเช่นนี้ การเดินทางมาวังมังกรครั้งนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ขอเพียงข้าคนแซ่หลินจากไปได้อย่างราบรื่น ย่อมไม่มีทางลืมบุญคุณของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่แน่’

หลินสวินสื่อจิต น้ำเสียงจริงจังเคร่งขรึม

เหตุไม่คาดฝันนี้มาอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องประเสริฐอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีทางปฏิเสธความปรารถนาดีและการช่วยเหลือที่มาจากเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่

สิ่งที่จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยต้องการก็คือประโยคนี้ เขามองไปยังทางเข้าถ้ำแล้วสื่อจิตเสียงเบา

‘สหายยุทธ์หลินอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป ตั้งแต่เจ้าเข้ามาในแดนวังมังกรนี้ก็ทำให้องค์ชายสี่อ๋าวเสวียนเฟิงสงสัยแล้ว ซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ยังล่อแหลมอันตรายด้วย!’

หลินสวินพลันเลิกคิ้ว ก็เห็นจักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยกล่าวต่อ ‘ข้อสงสัยของเจ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ผิด ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เผ่าเจินหลงใช้กำราบนักโทษระดับจักรพรรดิโดยเฉพาะ ส่วนองค์ชายเจ็ดที่เจ้าอยากเจอ แม้จะถูกกักบริเวณแต่ถึงอย่างไรก็เป็นองค์ชายสายตรง ฐานะสูงส่งระดับใด มีหรือจะถูกกักบริเวณอยู่ในสถานที่เช่นนี้’

‘ดูท่าว่านี่คงเป็นสถานที่ที่อ๋าวเสวียนเฟิงจะใช้จัดการข้าแล้ว…’

นัยน์ตาดำหลินสวินล้ำลึก เขารู้สึกว่าไม่เข้าทีอยู่ก่อนแล้ว หากไม่ได้จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยเปิดเผยความจริง เขาก็มีโอกาสสูงที่จะตกหลุมพรางของอ๋าวเสวียนเฟิงแล้ว!

‘เขาคิดจะทำอะไร’ หลินสวินเอ่ยถาม

จักรพรรดิสงครามหุนเซวี่ยกล่าว ‘ก่อนหน้านี้องค์ชายสี่บอกว่าฐานะของสหายยุทธ์น่าสงสัย ให้ข้าพาเจ้าเข้ามาในถ้ำนี้ ใช้พลังต้องห้ามของที่นี่กำราบเจ้าไว้’

‘จากนั้นเขาจะมาไต่สวนเจ้าด้วยตัวเอง!’

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้หลินสวินอดขมวดคิ้วไม่ได้ มีช่องโหว่ตรงไหนกันแน่ ถึงทำให้เจ้าหนอนน้อยตัวยาวอ๋าวเสวียนเฟิงนี่มองออก ซ้ำตนยังเกือบโดนหลอกด้วย

………………………….