บทที่ 1891 พาลูกสาวมาด้วย

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ฉินสือโอวรับหน้าที่ในการหาสมบัติพวกนี้ ส่วนการกอบกู้ ขายสมบัติและการหาเงินมาจัดการไม่จำเป็นต้องให้ถึงมือเขา

มีเพียงแบรนดอนเท่านั้นที่รู้ความหนาของเงินในกระเป๋าของฉินสือโอว เขาถามคุณชายฉินว่าต้องการลงทุนครั้งใหญ่หรือไม่ ฉินสือโอวไม่สนใจในเรื่องนี้ บนโลกนี้มีเงินอยู่มากมาย เขาใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด ดังนั้นแค่มีเงินใช้เพียงพอก็พอแล้ว

เขามีฟาร์มปลาที่อุดมสมบูรณ์อยู่สี่แห่ง พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ทำให้เขามีฐานะที่สูงขึ้น เมื่อรวมกับปันผลที่ได้ เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาควรพักได้แล้ว หลังจากนี้เขาสามารถมุ่งเน้นไปที่โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรได้ นี่เป็นผลงานที่เป็นจุดเด่นของเขา

หลังจากที่ได้รับหัวใจโพไซดอนมา เขาก็ให้ความสนใจไปกับตำแหน่งเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แน่นอนว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลนี้ไม่ได้เป็นเทพโพไซดอนที่สร้างความโกลาหลโดยการสร้างพายุและสายฟ้าจนเกิดสึนามิเข้าโจมตีชายฝั่งด้วยความโกรธ แต่เป็นการปรับปรุงสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ และปกป้องสายพันธุ์อันหลากหลายทางทะเล

โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรนี้เป็นก้าวแรกที่จะทำให้เขาบรรลุเป้หมาย เขาได้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือก่อน หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังโพไซดอนลงไปในมหาสมุทรเพื่อเพิ่มสายพันธุ์พืชและสัตว์ เช่น ปลา กุ้ง ปู และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทำให้น่านน้ำของทั้งโลกค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงช้าๆ

ปลายเดือนหก หลังจากเสร็จงานเหมาเหว่ยหลงก็พาลูกและภรรยามายังอุทยานแห่งชาติ ลูกชายของเขาอายุหนึ่งชวบครึ่งแล้ว เขาสามารถที่จะเดินโดยไม่จับมือพ่อแม่ได้แล้ว

เถียนกวาไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่กันได้อย่างไร ฉินสือโอวทำเซอร์ไพร์สให้กับเธอ ตอนที่ตั๋วตั่วลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เด็กหญิงก็ดีใจเป็นอย่างมาก เธอโยนเฟอเรทพี่ชายที่อยู่ในมือทิ้งไป และวิ่งไปหาตั๋วตัว

น้องชายของตั๋วตั่วเดินตามมาที่ด้านหลัง เด็กชายหัวโต สวมหมวกคาวบอยใบเล็กหันมองรอบๆ ซ้ายขวา

เถียนกวาวิ่งเข้าไปหาเด็กชาย เธอมองเขาด้วยความรู้สึกเหมือนได้ของขวัญชิ้นใหม่ เธอยื่นมือออกไปแตะแก้มนุ่มนิ่มของเด็กชาย แล้วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ว้าว นิ่มจังเลย!”

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้อย่างใสซื่อ แล้วพูดออกมาด้วยเสียงอ้อแอ้ว่า “พี่ฉาว…”

เถียนหวายิ่งชอบเด็กชายเข้าไปใหญ่ เธออุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นก็โซเซไปมาราวกับตุ๊กตาล้มลุกบนพื้นหญ้า เถียนกวาพูดว่า “หม่าม๊าดูนี่สิ ที่นี่มีน้องชายที่น่าเล่นด้วยอยู่ด้วยล่ะ”

เหมาเหว่ยหลงที่เหงื่อเย็นโฉกไปทั้งตัวอยู่ที่ด้านหลัง เถียนกวากอดลูกชายของเขาราวกับแจกันอันใหญ่ที่กำลังวางอยู่บนแจกันอันเล็ก เธอเดินโซเซไปมา ราวกับพร้อมที่จะล้มได้ในทุกก้าว แต่เธอก็ยังรักษาสมดุลได้อยู่เสมอ ภาพนี้ทให้เหมาเหว่ยหลงที่อยู่ด้านหลังไม่รู้จะเอื้อมมือออกไปเตรียมรับดีหรือไม่

เด็กชายก็หวาดหลัวเช่นเดียวกัน เขากอดคอของเถียนกวาแน่น จากนั้นก็เงยหยน้าแล้วร้องใส่พ่อของตัวเองว่า “ป๊าป๊า ป๊าป๊า ป๊าป๊า…”

“สนุกใช่ไหมล่ะ?” เถียนกวาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา “น้องชาย นายมีความสุขใช่ไหม?”

ฉินสือโอวแอบกลัวว่าเด็กชายและพ่อของเขาจะตกใจจนหัวใจวายตายไปก่อน เขาจึงเข้าไปช่วยเด็กชาย ขาอุ้มเด็กชายออกมาจากแขนของเถียนกวา พลางพูดว่า “เถียนกวา หนูก็มีน้องชาย ทำไมไม่พาพี่ตั๋วตั่วไปดูน้องชายของลูกล่ะ?”

เถียนกวาถูจมูกตัวเองแล้วพูดว่า “หนูไม่ได้มีน้องชาย น้องชายคนนั้นไม่ดี เอาแต่ร้องไห้กับอึอึ หนูอยากได้น้องชายคนนี้ ปาป๊าเอาน้องชายของหม่าม๊าให้พี่ตั๋วตั่วไปเลย พวกเราแลกกันดีไหมคะ?”

แม้ว่าเด็กชายจะยังเด็กอยู่ แต่เขาก็รู้เรื่องอยู่ และเขาก็ฟังคำพูดพวกนั้นออก เมื่อได้ยินเสียงเล็กแหลมของเถียนกวา เขาก็รีบเดินเตาะแตะเข้าไปหาเหมาเหว่ยหลงทันที เขาซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังของเหมาเหว่ยหลงและชะโงกหน้าออกมามองเถียนกวา พี่สาวคนนี้น่ากลัวจริงๆ

เถียนกวาไม่ได้เป็นเด็กหญิงที่อ่อนโยนเหมือนกับตั๋วตั่ว อีกทั้งตั๋วตั่วก็โตกว่า เธอเป็นเด็กสาวแล้ว ปกติแล้วเธอมักจะดูแลน้องชายของเธอในฟาร์ม

แต่ไม่เหมือนกับเถียนกวา ถ้าเถียนกวาและซีกวาอยู่ด้วยกัน มีแต่จะแกล้งกันเท่านั้น จนตอนนี้ซีกวาร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นเธอ

เมื่อเห็นเสี่ยวเหมามาถึง เถียนกวาก็เปลี่ยนความสนใจของตนเอง ซีกวาเป็นอิสระแล้ว ตอนนี้หายนะตกมาอยู่ที่เสี่ยวเหมาแทน

แต่ตั๋วตั่วเป็นคนมีเหตุผล เธอจับมือเถียนกวาให้พาตัวเองไปดูน้องชายของตัวเอง เพราะแบบนั้นเถียนกวาจึงพาเข้าไปในบ้านอย่างไม่เต็มใจ แน่นอนว่าในมือของเธอยังจับเสี่ยวเหมาอยู่ เสี่ยวเหมาพยายามดิ้นอย่างหนัก แต่ก็ไร้ผล เขาจึงถูกเถียนกวาลากเข้าไปด้วย

เมื่อมองตามหลังเถียนกวาไป เหมาเหว่ยหลงก็ตะโกนออกมาว่า “ลูกสาวแกนี่แข็งแกร่งจริงๆ ไม่เจอกันไม่เท่าไหร่ ฉันรู้สึกว่าเธอแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ”

“นั่นน่ะสิ เป็นหญิงแกร่งเลยล่ะ” ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม

หลิวซูเหยียนถือตะกร้าใบหนึ่งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ สุนัขพิตบูลตัวใหญ่เดินตามเธอไปต้อยๆ ท้องของมันใหญ่ และดูตัวหนักเป็นอย่างมาก ทำให้ท่าเดินของมันดูอึดอัดเล็กน้อย

ฉินสือโอวมองดูภาพนั้น พลางถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า​ “พิตบูลของแก ตั้งท้องหรอ?”

เหมาเหว่ยหลงพยักหน้ารอยยิ้ม “ใช่ มันกำลังตั้งท้อง เกือบจะสองเดือนแล้ว ตอนแรกฉันกะจะรอให้มันคลอดลูกก่อน แต่ว่าหลังจากรอมาหลายวันก็ยังไม่คลอดสักที ยังดีที่มาที่นี่ก่อน เลยกะว่าจะให้มันมาคลอดที่นี่”

หู่จือและเป้าจือวิ่งไปมาพร้อมกับส่งเสียงร้องครวญคราง ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ในขณะที่วิ่งมาก็ยังไม่หยุดที่จะเล่นกัน แต่เมื่อพวกเห็นสุนัขพิตบูลแล้ว พวกมันก็หยุดเล่นกันทันที พวกมันมองไปยังพิตบูลด้วยแววตาอันสดใส

สุนัขพิตบูลนั่งลงที่พื้นอย่างรวดเร็ว มันอ้าปากเห่าเสียงดัง แล้วมองไปยังหู่จือและเป้าจือด้วยแววตาดุร้าย

แลบราดอร์ยังคงเดินข้างหน้าอย่างไม่เจอหวาดกลัว ตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้าส่วนอีกตัวอยู่ด้านหลัง หู่จือทำหูลู่และยกมุมปากอย่างถ่อมตัว สายตาของมันยังคงจับจ้องไปยังบั้นท้ายของสุนัขพิตบูล

เหมาเหว่ยหลงรีบไปลากหู่จือออกมา พร้อมด่าออกมาว่า “เจ้าโง่เอ๊ย! ช่างไร้มโนธรรมเสียจริง ไม่เห็นหรือยังไงว่าเธอเตรียมจะเป็นแม่แล้วน่ะ? ยังจะไปเล่นกับคนท้องอีกหรอ? ฉิน รีบพามันไปเดี๋ยวนี้เลย!”

ฉินสือโอวก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน หู่จือและเป้าจือไม่ได้โผล่มาเลยตลอดฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อน เขาเข้าใจว่าพวกมันคงตั้งรกรากอยู่บนภูเขาเสียแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

หลังจากที่วินนี่และหลิวซูเหยียนเจอกัน พวกเธอก็สวมกอดกัน หลังจากนั้นทั้งสองคนก็กระซิบกระซาบกันสองสามประโยค และทิ้งเด็กๆ ให้อยู่กับผู้ชายทั้งสองคน

หลังจากออกไปได้สักพัก วินนี่ก็กลับมาพร้อมกับพาหลัวปอมาด้วย สีหน้าของเธอนั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เธอไปหาฉินสือโอวและพูดว่า ​”หลังจากที่ฉันเห็นท่าทางเดินอย่างลำบากของเสี่ยวฟู่จึงคิดได้ว่าหลัวปอน่าจะท้องล่ะ!”

ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง “จะเป็นไปได้อย่างไร หลัวปอไม่ได้สนใจหมาป่าโชคร้ายเลยนะ….”

แต่เมื่อเขาสังเกตที่ท้องกลมๆ ของหลัวปอชัดๆ เขาก็ยิ้มไม่ออก

อันที่จริงสองสามวันก่อนหน้านี้ เขาและวินนี่รู้สึกว่าท้องของหมาป่าขาวตัวนี้ค่อนข้างใหญ่และหนัก แต่เขาไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน เขาจึงคิดมาตลอดว่าหมาป่าตัวนี้ล่ากระต่ายและไก่ห้ากินเป็นอาหารเยอะจนทำให้ท้องโตขนาดนี้…

หมาป่าโชคร้ายเดินตามที่ด้านหลังด้วยท่าทีเขินอาย หางใหญ่โตที่ปกติมักจะตั้งตรงราวกับธงของมันจุกอยู่ที่ตูด เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวชี้นิ้วมาที่ตัวเอง มันก็รีบวิ่งมาหาทันที จากนั้นก็มันก็อ้าปากงับเข้าที่มือของฉินสือโอวเบาๆ

เหมาเหว่ยหลงมองภาพนั้นพลางพูดออกมาว่า “อาจจะเป็นไปได้นะ หมาป่าสีขาวของพวกแกน่าจะตั้งท้องจริงๆ ถ้าไม่เชื่อฉันจะพิสูจน์ให้ดู”

เขากวักมือเรียกให้หลัวปอมาข้างๆ พวกเขาค่อนข้างคุ้นเคยกัน หลัวปอเดินไปหาเขาด้วยความมั่นใจ

หลังจากนั้น เหมาเหว่ยหลงก็นั่งยองๆ พลางเอื้อมมือไปจับตูดของหลัวปอ และลากมือลงไปจนถึงท้อง

จู่ๆ หมาป่าโชคร้ายก็ตื่นตัวขึ้นมา หางของมันตั้งขึ้นและมันก็เห่า ‘โฮ่ง’ ออกมา มันมองมาด้วยแววตาดุร้ายเป็นประกาย มันแสยะเขี้ยวหมายจะโจมตีเหมาหว่ยหลง เสียงร้องขู่ดังอยู่ในลำคอของมัน

เหมาเหว่ยหลงรีบเก็บมือทันที เขาพยักหน้าและพูดว่า “แน่นอนแล้ว มันท้อง และคงจะเป็นสายพันธุ์ซามอยด์ด้วยล่ะ”

…………………………………………