แสงมรรคดุจสายฝน เลือดนองราวกับกระแสน้ำ
ทันทีที่ซีปรากฏตัวก็ฆ่าจักรพรรดิมังกรปราบสมุทรก่อน จากนั้นค่อยฟันจักรพรรดิมังกรหมอกโลหิต ใช้เวลาแค่ชั่วดีดนิ้วเท่านั้น เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
ฝีไม้ลายมือเช่นนั้นโดดเด่นเหนือใคร งามสง่าเหนือโลก!
เมื่อจักรพรรดิมังกรมายาได้สติกลับมาก็ไปช่วยไม่ทันแล้ว เหตุการณ์นองเลือดต่างๆ นั้นกระตุ้นเขาจนโกรธจัดเช่นกัน สีหน้าล้วนคล้ำเขียวบิดเบี้ยว
แม้ว่ารากฐานพลังของเผ่าเจินหลงจะน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ ครองอำนาจเหนือสิ่งมีชีวิตหมื่นเผ่าในแดนเจินหลง แต่พวกที่บรรลุจักรพรรดิอย่างแท้จริงก็มีจำกัด
บุคคลอย่างจักรพรรดิมังกรปราบสมุทร จักรพรรดิมังกรหมอกโลหิต แน่นอนว่าเป็นแกนหลักของเผ่าเจินหลง การตายของพวกเขาเรียกได้ว่าเป็นความสูญเสียไม่น้อย
“สารเลว! พวกเจ้าล้วนสมควรตาย!” จักรพรรดิมังกรมายาส่งเสียงคำราม สีหน้าคล้ำเขียว น้ำเสียงเจือความคั่งแค้นไร้สิ้นสุด
ตูม!
เขาพุ่งทะยานออกไป เรียกกระบี่มรรคที่เปล่งประกายเจิดจรัสเล่มหนึ่งออกมา ฟาดฟันไปทางซีที่อยู่ห่างไกล
เดิมซีกำลังจะฉวยโอกาสสังหารจักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินนั่น แต่ในพริบตานี้นางเหมือนสัมผัสได้ว่าอันตราย หยุดเท้าลงทันที ทวนไร้สวรรค์ในมือระเบิดไอพลังอำมหิตที่น่ากลัวร้ายกาจออกมาดังวู้ม แทงใส่กระบี่มรรคที่ฟาดฟันมานั้นโดยพลัน
ตูม!
เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น สะเทือนทั่วทิศ ห้วงอากาศสามพันจั้งพังทลาย
พลันเห็นว่าในสนามรบกระบี่กับทวนปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างปะทุกลิ่นอายสังหารน่าหวาดกลัว ปลดปล่อยอานุภาพออกมา ทำให้ตะวันจันทราสั่นสะเทือน ภูผาธาราพังทลาย
ซีอดแปลกใจไม่ได้ “กระบี่ไร้รูป?”
ขณะเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน ก้อนทองแดงที่มาจากเตามารดาหลอมสมบัติแห่งคุนหลุนในร่างตนนั้น เปลี่ยนเป็นร้อนฉ่าขึ้นมา
นี่ทำให้เขาระบุได้ในพริบตา กระบี่มรรคที่เจิดจรัสหาใดเปรียบ มองไม่เห็นรูปลักษณ์ใดเล่มนั้น ต้องเป็นกระบี่ไร้รูปหนึ่งในเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนแน่นอน!
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึง กระบี่มรรคเพียงหนึ่งเดียวในเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนนี้ ถึงกับตกอยู่ในมือของเผ่าเจินหลง!
ห่างออกไปจักรพรรดิมังกรมายาเองก็ตกใจเช่นกัน ด้วยรู้จักทวนมหามรรคไร้สวรรค์
ตูม!
เมื่อซีปลดปล่อยพลัง ทวนไร้สวรรค์ระเบิดแสงไร้ใดเปรียบ ซัดกระบี่มรรคเล่มนั้นจนถอยกรูดอย่างแข็งกร้าว
ถูกจู่โจมเช่นนี้จักรพรรดิมังกรมายาก็ถูกกระเทือนจนร่างซวนเซ พลังขับเคลื่อนรอบตัวพลิกตลบ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
สิ่งที่ทำให้เขาไม่ทันตั้งตัวที่สุดคือ ในชั่วขณะนี้เขาสังเกตเห็นอย่างชัดเจน กระบี่ไร้รูปที่ถูกจิตวิญญาณของเขาควบคุมอย่างแน่นหนามาตลอด เวลานี้กลับมีสัญญาณดิ้นรนอย่างรุนแรง กำลังจะหลุดลอยออกไป!
แย่แล้ว!
จักรพรรดิมังกรมายาทั้งตกใจทั้งโกรธแค้น สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ธงรบสิบแปดผืนพุ่งผ่านห้วงอากาศออกมา ธงรบแต่ละผืนล้วนปกคลุมด้วยลายมังกรลึกลับ ภายในแฝงคลื่นกฎเกณฑ์ปริศนา ทันทีที่ปรากฏฟ้าดินแถบนี้พลันถูกหมอกหนาแถบหนึ่งปกคลุมทันใด
กระบวนค่ายกลเทพหมอกมายา!
เมื่ออยู่ในหมอกหนา ประสาทสัมผัสทั้งหกไม่เพียงถูกบดบัง แม้แต่ความสามารถในการสัมผัสรับรู้ของจิตใจและจิตวิญญาณก็ถูกขวางกั้นอย่างมาก
หลินสวินขมวดคิ้ว สงบจิตสัมผัส หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาพลันซัดหมัดหนึ่งออกไป
ตูม!
กระบวนค่ายกลพลิกตลบ หมอกควันพลันฟุ้งกระจายเหมือนถูกลมกาฬวาตโหมทำลาย ธงกระบวนสิบแปดผืนที่กระจายรอบทิศล้วนระเบิดออกทุกชุ่น
เห็นชัดว่ากระบวนค่ายกลมายาเช่นนี้ไม่อาจกักขังหลินสวินไว้ได้แต่แรก
พอมองไปกลางสนามรบอีกครั้ง นอกจากซีกับตนแล้วกลับไม่มีเงาร่างของจักรพรรดิมังกรทั้งสาม อย่างจักรพรรดิมังกรมายา จักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกิน จักรพรรดิมังกรมารดารานั่นนานแล้ว
“หนีไปแล้ว” นัยน์ตากระจ่างคู่นั้นของซีทอดมองวังมหามรรคหมื่นมังกร
หลินสวินมองตามไป ก็เห็นว่าบนอาคารตรงกำแพงวังที่เก่าแก่สง่างามซึ่งห่างออกไปนั้น จักรพรรดิมังกรมายาในชุดคลุมเขียว จักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินที่ทั้งตัวปกคลุมด้วยเกราะสีเงิน รวมถึงจักรพรรดิมังกรมารดาราที่บาดเจ็บหนักเจียนตายล้วนยืนอยู่บนนั้น
สีหน้าของทั้งสามล้วนคล้ำเขียวหาใดเปรียบ ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้น
“พวกเจ้า… เป็นใครกันแน่!?” จักรพรรดิมังกรมายาตวาดลั่น เสียงสะเทือนชั้นเมฆ
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้เขาตระหนักได้ หลินสวินกับซีต้องไม่ใช่คนทั่วไปแน่ ถึงขั้นไม่มีทางเป็นผู้แข็งแกร่งของแดนเจินหลงเช่นกัน!
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น กล่าวว่า “พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือมาถึงตอนนี้แล้ว หัวหน้าเผ่าเจินหลงที่น่าเกรงขามอย่างอ๋าวฮ่วนไห่ก็ไม่กล้าปรากฏตัว?”
“ฮึ!”
จักรพรรดิมังกรมายาสีหน้าไม่น่าดู หลินสวินยิ่งอยากเจออ๋าวฮ่วนไห่ก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าไม่เข้าที แน่นอนว่าไม่มีทางบอก
ที่ทำให้พวกจักรพรรดิมังกรมายาหนาวเยือกในใจคือที่นี่เป็นแดนวังมังกร แต่อีกฝ่ายกลับโจมตีจนพวกเขาแตกพ่ายซ่านเซ็น เวลานี้ถึงขั้นได้แต่หลบซ่อนอยู่ในวังมหามรรคหมื่นมังกรนั่น
นี่เป็นความอับอายครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
หากแพร่กระจายออกไป หน้าตาและอานุภาพของพวกเขาเผ่าเจินหลงต้องอันตรธานหายไปแน่!
พวกเขาเป็นใคร
อีกทั้งมาด้วยเหตุใด ถึงได้ต้องการเจอหัวหน้าเผ่า
ข้อสงสัยนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในใจพวกจักรพรรดิมังกรมายา แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ครั้งนี้พวกเขาย่อมไม่อาจยอมให้พวกหลินสวินจากไปเช่นนี้แน่!
ห่างออกไปเงาร่างของซย่าจื้อพลันปรากฏ เงาร่างสันโดษ กลิ่นอายเยียบเย็น ทั่วร่างยังอบอวลด้วยไอสังหารดุดันที่ทิ้งร่องรอยไว้
“หลินสวิน นี่ยังกินได้ไหม”
นางมาพร้อมกับถือร่างชุ่มเลือดหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยพรุน เลือดเนื้อแหลกเหลว เมื่อมองอย่างละเอียดจึงรู้ว่าเป็นชายหนุ่มชุดม่วงที่มีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดนั่นเอง
ในที่นั้นเงียบสงัดไปชั่วขณะ ทุกสายตาต่างมองไปยังซย่าจื้อ สีหน้าของพวกจักรพรรดิมังกรมายายิ่งแปรเปลี่ยนหลากสีสัน เดือดดาล เหี้ยมเกรียม ประหลาดใจ ยากจะเชื่อ…
“เสวี่ยถิง…!” จักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินแผดเสียงด้วยความคับแค้นใจแทบคลั่ง ชายหนุ่มผมม่วงที่ถูกซย่าจื้อฆ่าก็คือน้องชายแท้ๆ ของเขา ชื่อว่าอ๋าวเสวี่ยถิง ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดที่มีพรสวรรค์ชวนตะลึงหาใดเปรียบคนหนึ่ง ใช้เวลาไม่นานก็จะก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นแปดแล้ว!
แต่ตอนนี้อ๋าวเสวี่ยถิงกลับถูกฆ่า ทั้งอีกฝ่ายยังมองเขาเป็นอาหารด้วย!
นี่ทำให้เส้นผมของจักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินชี้ตั้ง โกรธจนดวงตาปูดโปนแทบถลน
หลินสวินกล่าว “เก็บไว้ก่อน วันนี้อาจล่าหนอนยักษ์เฒ่าได้อีกมาก”
ซย่าจื้อพยักหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนดูนิ่งสงบและผ่อนคลายหาใดเปรียบ
“ทุกท่าน ศัตรูประชิดบ้านแล้ว ฆ่าคนในเผ่าของพวกเรา หยามศักดิ์ศรีของพวกเรา หากไม่กำจัดพวกเขา เผ่าเจินหลงของพวกเราจะเอาเกียรติภูมิไปไว้ที่ไหน!?”
จักรพรรดิมังกรมารดาราตะโกนลั่น เกรี้ยวกราดแทบคลั่งเช่นกัน
“เหอะๆๆ ตะโกนเสียงดังขนาดนี้ ทำไมพวกเจ้าต้องหลบซ่อนในวังมหามรรคหมื่นมังกรนั่นด้วย มาๆๆ ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ รอหนอนยักษ์หน้าเหม็นอย่างพวกเจ้ามาสู้กัน!”
ห้วงอากาศเกิดคลื่นกระเพื่อมดังสวบ ต้าหวงถือดาบไร้วิชาเจิดจ้าปรากฏตัวในที่นั้น เชิญพวกจักรพรรดิมังกรมายาประลองด้วยท่าทีกำเริบเสิบสาน
ขณะเดียวกันเสียงสื่อจิตของมันก็ดังขึ้นในหูหลินสวิน ‘เฒ่าระยำระดับจักรพรรดิขั้นแปดนั่นถูกข้าสังหารแล้ว แต่พวกเราต้องรีบเคลื่อนไหว ใช้เวลาไม่นานบริเวณใกล้เคียงนี้จะถูกผู้แข็งแกร่งที่รีบเร่งมาจากทั่วทิศปิดล้อม…’
นัยน์ตาดำของหลินสวินล้ำลึก เขาพยักหน้าน้อยๆ
ในเวลานี้เอง…
“เปิดใช้กระบวนค่ายกล!”
จักรพรรดิมังกรมายาส่งเสียงคำรามยาวเหมือนอสนีบาต เผยความเด็ดขาดหาใดเปรียบ
พอมองจักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินและจักรพรรดิมังกรมารดาราอีกครั้ง ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความอำมหิตและคลุ้มคลั่ง
กลางฟ้าดินมีกลิ่นอายอันตรายหาใดเปรียบอบอวลออกมาฉับพลัน กลางภูผาธารากว้างใหญ่ทั่วทิศปรากฏค่ายกลลายมรรคที่เร้นลับแน่นขนัดนับไม่ถ้วนเกือบจะในเวลาเดียวกัน แผ่ออกมาเหมือนบังฟ้าคลุมตะวัน
ส่วนวังมหามรรคหมื่นมังกรที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์เหมือนที่พำนักของทวยเทพนั้น เวลานี้ก็แผ่ละอองแสงพร่างพรายเจิดจรัสไร้สิ้นสุด ประสานเป็นดวงดารานับหมื่นแสน ธารดาราไร้ขอบเขต แค่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในบรรยากาศกดดันและน่ากลัวถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง
โครม ครืน!
แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลบ่า เสียงมรรคแผ่กระจายดุจกระแสน้ำ
ฟ้าดินแถบนี้ล้วนเปลี่ยนไป เหมือนกลายเป็นจักรวาลฟ้าดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ธารดาราไหลวน ก่อให้เกิดแสงมรรคทั่วฟ้า!
พวกหลินสวินสัมผัสได้ถึงอันตรายในพริบตา แต่ไม่มีโอกาสหลบแล้ว ด้วยห้วงอากาศทั่วทิศในฟ้าดินไร้ขอบเขตนั้น ทั้งหมดล้วนถูกปิดผนึกในพริบตา
ไม่ว่าจะหนีไปที่ไหน ไม่ว่าหลบซ่อนอยู่แห่งใด ก็ถูกลิขิตให้ติดอยู่ในกระบวนค่ายกลน่ากลัวที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานแห่งนี้
พร้อมกันนั้นในแต่ละพื้นที่ของแดนวังมังกรล้วนตกใจ!
“กระบวนค่ายกลต้องห้ามของวังมหามรรคหมื่นมังกร! หรือว่าโจรถ่อยนั่นบุกไปถึงแกนกลางสำคัญของเผ่าเราแล้ว แม้แต่เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนั้นก็ขวางไว้ไม่ได้หรือ”
เสียงอึกทึกครึกโครมนับไม่ถ้วนดังขึ้น
กระบวนค่ายกลต้องห้ามของวังมหามรรคหมื่นมังกร ถูกมองเป็นแนวป้องกันชีวิตของเผ่าเจินหลง ความน่ากลัวของอานุภาพ สามารถฆ่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ!
เล่าลือว่าในกระบวนค่ายกลต้องห้ามของวังมหามรรคหมื่นมังกรนั้น ถึงขั้นให้กำเนิด ‘วิญญาณค่ายกลลายมรรค’! ร่างวิญญาณลายมรรคที่มีคลื่นชีวิตอย่างหนึ่ง!
“พวกเราประเมินความน่ากลัวของคู่ต่อสู้ต่ำไป ยังดีที่กระบวนค่ายกลต้องห้ามเปิดใช้งานแล้ว ครั้งนี้ต่อให้คู่ต่อสู้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องถูกสังหารแน่!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจินหลงมากมายที่กำลังรีบเร่งไปวังมหามรรคหมื่นมังกรจากทั่วทิศพวกนั้น หลังจากเห็นภาพนี้สีหน้าล้วนซับซ้อนหาใดเปรียบ
ไม่จำเป็นต้องสงสัย ครั้งนี้พวกเขาประมาทศัตรูจริงๆ บางทีอาจเป็นเพราะอยู่สูงเหนือผู้อื่นมานานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะไม่เคยเจอเรื่องอันตรายเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
ครั้งนี้หลินสวินแฝงตัวเข้ามาในแดนวังมังกร จับตัวองค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ดไปก่อน จากนั้นก็พุ่งสังหารมาวังมหามรรคหมื่นมังกรตลอดทาง นำพาเหตุไม่คาดฝันและการโจมตีมาสู่พวกเขามากเหลือเกิน
จากความไม่กล้าเชื่อในตอนแรก ถึงความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดือดดาลและโกรธจัดในตอนนี้ ทำให้พวกเขารับรู้ได้อย่างแจ่มชัดว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้อันตรายระดับใด!
นี่ต้องเป็นมหันตภัยครั้งประวัติการณ์ที่เผ่าเจินหลงพบเจอนับแต่อดีตถึงปัจจุบันแน่!
ยังดีที่ตอนนี้กระบวนค่ายกลต้องห้ามเปิดใช้งานแล้ว ทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจินหลงที่เดิมทีร้อนใจดั่งไฟเผา ตระหนกขุ่นเคืองหาใดเปรียบพวกนั้นต่างลอบโล่งอก
‘ทำอย่างไรดี!?’
ผู้ติดตามอาวุโสที่มาจากเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่พวกนั้น เวลานี้ในใจเหลือเพียงความหนาวสะท้านและสิ้นหวัง
กระบวนค่ายกลต้องห้ามถูกเปิดใช้งาน เจ้าหลินเต้ายวนนั่น… จะยังรอดชีวิตออกไปจากแดนวังมังกรได้อีกหรือ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้พวกเขาอยากเข้าไปช่วยก็เป็นไปไม่ได้!
โครมครืน…
แดนวังมังกรที่มีวังมหามรรคหมื่นมังกรเป็นศูนย์กลาง กระบวนค่ายกลโบราณขนาดมหึมาส่งเสียงกัมปนาทไม่หยุด แสงมรรคและรัศมีเทพไร้ขอบเขตแผ่คลุมฟ้าดินแถบนั้นจนสิ้น กลางภูผาธาราเต็มไปด้วยความมืดมน ห้วงอากาศและสรรพสิ่งล้วนกลายเป็นจุณ
กระบวนค่ายกลโบราณที่สามารถฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิโคจร ถึงขั้นทำให้โลกแห่งหนึ่งตกอยู่ในแรงสั่นสะเทือนได้ กฎเกณฑ์ฟ้าดินปั่นป่วนและบิดเบี้ยว พังทลายอย่างสมบูรณ์!
ดวงดาวนับหมื่นแสนกลายเป็นธารดารา พลิกตลบหมุนวนกลางห้วงอากาศ นี่คือพลังน่าพรั่นพรึงที่วิวัฒน์จากกระบวนค่ายกลนั้น ราวกับโลกที่แท้จริงใบหนึ่ง
พวกหลินสวินก็ติดอยู่ในนั้นเหมือนถูกฟ้าดินทอดทิ้ง!
“ฮ่าๆๆ ครั้งนี้ข้าอยากดูนักว่าพวกเจ้าจะดิ้นรนได้ถึงเมื่อไหร่!” ในวังมหามรรคหมื่นมังกร เสียงหัวเราะเยียบเย็นที่เจือความคั่งแค้นไร้สิ้นสุดของจักรพรรดิมังกรมายาดังขึ้น