เฉียนหงเย่นคิดไม่ถึงเลยว่า นายหญิงใหญ่เซียวจะมาทะเลาะกับตนในเวลานี้
หล่อนชี้ไปที่ถุงพลาสติกใส่อาหาร และพูดขึ้นด้วยความรู้สึกน้อยใจว่า:“แม่คะ แม่เอาอาหารกลับมาตั้งมากมาย ให้ฉันกินสักสองคำจะเป็นไรไป?ฉันหิวอยู่นานแล้ว…”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“อยากกินข้าวก็ออกไปหางานทำข้างนอกสิ รอแต่ให้คนแก่เลี้ยง หน้าด้านจริงๆ?!”
ทันใดนั้นเฉียนหงเย่นร้อนใจจึงรีบพูดแก้ตัวว่า:“นั้นก็เป็นเพราะถูกเซียวฉางควนหลอก!ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะได้เป็นพนักงานแคชเชียร์ มีรายได้มากกว่าแม่อีก!”
นายหญิงใหญ่เซียวเบะปาก:“คุณจะหาเงินได้มากได้น้อยก็เป็นเรื่องของคุณ คุณหาเงินของคุณ ฉันก็หาเงินของฉัน เราทั้งสองก็อย่าเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ดังนั้นคุณก็อย่ามากินอาหารที่ฉันเอามา ถ้าอยากกินก็ไปทำงานหาเอาเอง!”
ทันใดนั้นเฉียนหงเย่นก็มองเธอด้วยความเศร้า จึงพูดแก้ตัวว่า:“นายหญิงใหญ่ คุณต้องการที่จะซ้ำเติมฉันใช่ไหม?คุณต้องการที่จะบีบฉันใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะหนีออกจากบ้าน!”
นายหญิงใหญ่ยิ้ม ตบมือพลางพูดขึ้นว่า:“ไอหยา งั้นก็ดีเลย คุณรีบไปเถอะ หากคุณไปจริงๆ ฉันก็คงอดไม่ได้ที่จะจุดประทัดฉลอง!หากไม่ได้เป็นเพราะอู๋ตงไห่ขวางเอาไว้ ฉันก็คงไล่ให้คุณไสหัวไปตั้งนานแล้ว จะรั้งคุณไว้ให้ขัดหูขัดตาทำไม?ในเมื่อคุณต้องการไปของคุณเอง ถ้าอย่างนั้นอู๋ตงไห่ก็คงจะไม่โทษฉัน ดีจริงๆเลย!”
เฉียนหงเย่นกัดฟัน:“ได้!ยายแก่นี่ คอยดูก็แล้วกัน !”
ในเวลานี้เองเซียวเวยเวยก็รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย:“คุณย่าคะ คุณย่าอย่าได้ถือสาคุณแม่เลยนะคะ คุณแม่ก็หิวข้าวมานานแล้ว คุณย่าก็ให้คุณแม่ทานสักหน่อยเถอะคะ!”
“ให้หล่อนกิน?”นายหญิงใหญ่เซียวยิ้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ต่อให้ฉันต้องเทให้หมากินทั้งหมด ฉันก็จะไม่ยอมให้หล่อนได้กินแม้แต่คำเดียว!”
เมื่อพูดจบนายหญิงใหญ่เซียวก็พูดขึ้นอีกว่า:“เอาอาหารมาให้ย่า แล้วหนูก็ไปหยิบถ้วยกับตะเกียบมา พวกเราทั้ง4คนจะกินกันตรงนี้ ส่วนหล่อนก็ให้มองดูไปก็แล้วกัน!”
ทันใดนั้น เฉียนหงเย่นก็ร้องไห้โฮออกมา พลางพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า:“นายหญิงใหญ่เซียว ฉันแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลเซียวของพวกคุณ มีลูกให้กับตระกูลเซียวของพวกคุณ ตอนนี้แม้แต่ข้าวคำเดียวคุณก็ไม่ให้ฉันกิน ไม่มีน้ำใจเลยจริงๆ!”
นายหญิงใหญ่เซียว หัวเราะพลางพูดอย่างขำขันว่า:“อยากกินข้าวคุณก็หาวิธีเอาเอง คุณเก่งเรื่องหลอกล่อผู้ชายไม่ใช่เหรอ?ออกไปหลอกล่อข้างนอกอีกสิ!ไม่แน่อาจจะทำให้คุณได้เงินก้อนใหญ่ก็ได้!”
“คุณ…”ทันใดนั้นเฉียนหงเย่นทั้งโกรธทั้งอาย
นายหญิงใหญ่มักเอาเรื่องที่หล่อนอยู่ที่เหมืองถ่านหินดำมาดูถูกหล่อน แต่ว่าหล่อนกลับไม่สามารถหาวิธีการไหนมาต่อกรกับเธอได้เลย
ดังนั้น หล่อนจึงทำได้เพียงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ กัดฟันแน่นพลางพูดขึ้นว่า:“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันเฉียนหงเย่นกับตระกูลเซียวตัดขาดกัน!”
เมื่อพูดจบ หล่อนก็ปิดประตูและเดินกลับไปยังห้องของตนเอง
เซียวฉางเฉียนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อเฉียนหงเย่นตั้งนานแล้ว ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นใดใด ในใจเฝ้ารอให้เฉียนหงเย่นรีบออกไป
แต่เซียวไห่หลงที่อยู่ข้างๆกับไม่อาจฝืนทนต่อไปได้
แม้ว่าเฉียนหงเย่นจะเคยทำเรื่องที่ลบหลู่เกียรติของตระกูลเซียว แต่ว่าถึงจะยังไงก็ตามหล่อนก็เป็นแม่ของเขา
การที่เห็นแม่แท้ๆของตนถูกไล่ออกจากบ้านไปต่อหน้าต่อตา เซียวไห่หลงทำใจไม่ได้จริงๆ ดังนั้นจึงเอ่ยปากพูดขึ้นกับนายหญิงใหญ่เซียวว่า:“คุณย่าครับ แม่ก็มีชีวิตไม่ง่ายเลยนะครับ ผมขอร้องให้คุณย่าให้อภัยท่านสักครั้งได้ไหมครับ!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ใครก็ตามที่เอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้อีก ก็ไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย”
เซียวไห่หลงหิวจนตาลายไปหมด ดังนั้นเรื่องอะไรก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อการกินข้าว แน่นอนว่าเขาจะต้องเลือกที่จะกินข้าว
ดังนั้น เขาจึงรีบหุบปากในทันที ไม่พูดอะไรอีก
ไม่นานเซียวเวยเวยก็รีบหยิบอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารขึ้นมา และช่วยนายหญิงใหญ่เซียวนำเศษอาหารที่เหลือนี้เทลงในภาชนะ เซียวเวยเวยและคนอื่นๆอีก 3 คนซดซุปผักจนหมดแล้วตามด้วยหมั่นโถวหนึ่งลูก และตามด้วยหมั่นโถวอีกหนึ่งลูกยัดเข้าไปจนเต็มท้องในท้อง
นายหญิงใหญ่เซียวเดิมกินมาจนอิ่มแล้ว ดังนั้นจึงถือถ้วยและตะเกียบป้อนเซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงที่นอนอยู่บนเตียง
พ่อลูกทั้งสองคนนี้ ราวกับลูกนกที่กำลังฟักตัวยังไม่ออกจากรัง ต่างอ้าปากรออาหาร ในที่สุดเมื่อทั้งสองได้รับประทานอาหารก็อดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลพรากออกมา
เมื่อนายหญิงใหญ่เห็นท่าทีของทั้งสอง ในใจก็รู้สึกเอ็นดู พลางดูขึ้นด้วยสายตาแดงก่ำว่า:“พรุ่งนี้แม่จะไปทำงานอีกทั้งวัน ตอนเย็นจะซื้อแป้งและเนื้อมานิดหน่อย แล้วพวกเราห่อเกี๊ยวกินกัน!”
เซียวฉางเฉียนร้องไห้พลางถามขึ้นว่า:“แม่ พรุ่งนี้เราจะได้กินเกี๊ยวไส้เนื้อเหรอครับ?”
นายหญิงใหญ่เซียวพยักหน้า:“วางใจเถอะ จะต้องได้กินอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแม่ซื้อกลับมาจะช่วยกันห่อกับเวยเวยแล้วให้พวกนายทั้งสองกินกัน!”