หม่าหลันกำลังทำอาหารอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เมื่อได้ยินว่านายหญิงใหญ่เซียวตะโกนด่าตั้งแต่เช้า เธอก็รีบเดินออกไปด้วยไม้เท้าเพื่อไปดูเรื่องสนุก

ทางด้านนี้ เย่เฉินและเซียวชูหรันก็กำลังลงไปชั้นล่างเช่นกัน และเห็นหม่าหลันที่เดินออกมาด้วยไม้เท้าพอดี

หม่าหลันรีบถามอย่างตื่นเต้นว่า “เฮ้ พวกคุณได้ยินเสียงตะโกนด่าของยัยแก่บ้านั่นหรือไม่?”

เย่เฉินและเซียวชูหรันพยักหน้า เซียวชูหรันกล่าวอย่างอักอ่วนเล็กน้อยว่า “ไม่รู้ว่าคุณย่าเป็นอะไรเหมือนกัน ตะโกนด่าอยู่บนระเบียงชั้นสองตั้งแต่เช้าเลย”

เมื่อหม่าหลันได้ยินดังนั้น เธอก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ชูหรัน เร็วเข้า! ช่วยประคองฉันขึ้นไปดูที่ข้างบนสักหน่อย!”

เซียวชูหรันพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “คุณแม่ นี่มันมีอะไรที่น่าไปดูเหรอ…….”

แขนขวาของหม่าหลันแนบกับไม้เท้าอยู่ แขนซ้ายตบที่ขาซ้ายทีหนึ่ง แล้วพูดโพล่งออกมาว่า “ยังจะมีเรื่องอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่านี้อีกเหรอ? รีบช่วยประคองฉันไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นถ้าเกิดช้าไปก็ไม่มีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้ว!”

เซียวชูหรันทำได้เพียงต้องถอนหายใจ และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะประคองคุณขึ้นไป”

เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เฉินก็ช่วยประคองหม่าหลันลุกขึ้นมาก่อน และพูดว่า “ภรรยา ให้ผมช่วยประคองแม่เถอะ”

เซียวชูหรันพยักหน้า และพูดว่า “งั้นฉันจะไปกดลิฟต์”

ทั้งคู่ก็ช่วยกันประคองหม่าหลันขึ้นไปถึงบนชั้นสามตลอดทาง หม่าหลันมาถึงที่ระเบียงและมองลงไปด้านล่าง เห็นนายหญิงใหญ่เซียวที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นระเบียงชั้นสองและกำลังตะโกนด่าอยู่อย่างโกรธเคือง

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในบ้าน ก็ได้ยินเพียงแค่เสียงของนายหญิงใหญ่เซียวที่ตะโกนด่าลั่น แต่ไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดอย่างชัดเจน หลังจากออกมาแล้ว เสียงมันก็ชัดเจนขึ้นมาในทันที

นายหญิงใหญ่เซียวยังคงตะโกนด่าว่าอย่างเมามันในเวลานี้ “เฉียนหงเย่นไอ้ชิงหมาเกิด! แม้แต่เงินที่ข้าหามาอย่างยากลำบากคุณก็กล้าขโมยไปงั้นเหรอ! คุณยังมีจิตมโนธรรมอยู่หรือไม่! ข้าขอสาปแช่งให้คุณถูกรถชนตายทันทีที่ออกจากบ้าน!”

เมื่อหม่าหลันได้ยินคำพูดนี้ เธอก็หัวเราะเบาๆ และตะโกนด้วยเสียงดังว่า “เฮ้ นายหญิงใหญ่ นี่เป็นอะไรไปเหรอ? ลูกสะใภ้คนโตของคุณไม่ใช่คนที่กตัญญูต่อคุณ และถูกใจคุณมากที่สุดเหรอ? ทำไมในช่วงเวลาปีใหม่แบบนี้ ยังขโมยเงินที่หามาอย่างยากลำบากของคุณไปได้ล่ะ? ”

ทันใดนั้นนายหญิงใหญ่เซียวก็ได้ยินเสียงของหม่าหลัน และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหม่าหลัน เธอก็รู้สึกโกรธเคืองจากใจขึ้นมาทันที และก็กัดฟันและตะโกนด่าว่า “หม่าหลัน เรื่องในครอบครัวของเรามันไม่เกี่ยวกับแม่นางปากตลาดอย่างคุณ! แกอย่ามาพูดจาเยาะเย้ยอยู่ที่นี่นะ!”

หม่าหลันขดริมฝีปากเล็กน้อย “โอ้ย คุณเองก็อายุเกือบเจ็ดแปดสิบปีแล้ว และตะโกนด่าอยู่ที่ระเบียงในตอนเช้าแบบนี้ ทำไมถึงยังมีหน้ามาหาว่าฉันเป็นแม่นางปากตลาด? คุณมันช่างหน้าด้านเหลือเกิน!”

นายเญิงใหญ่เซียวพูดอย่างโกรธเคืองว่า “พูดจาเหลวไหล! แม่นางปากตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือคุณหม่าหลัน คุณยังคิดว่าตอนนี้คุณสามารถเข้ามาอาศัยอยู่ใน Tomson Riviera และการแต่งตัวดูดีเล็กน้อยก็จะสามารถแกล้งทำเป็นคนดีได้แล้วงั้นเหรอ? ”

หม่าหลันก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้ย นายหญิงใหญ่ คุณเองก็พูดแล้วว่า ตอนนี้ฉันก็เป็นคนที่อาศัยอยู่ใน Tomson Riviera แล้ว และอัธยาศัยก็ต้องปรับระดับขึ้นไปด้วยถึงจะพอดี คงจะเป็นเหมือนคุณไม่ได้หรอก เข้ามาอาศัยอยู่ที่ Tomson Riviera แล้ว ยังจะแอบหนีเข้าไปขโมยผักของในบ้านคนอื่นกิน คุณยังรู้จักกับคำว่าไร้ยางอายหรือไม่? ”

หลังจากพูดแล้ว หม่าหลันก็รีบพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “โอ้ใช่แล้ว! กุ้ยช่ายที่ขโมยไปจากบ้านเราไปในครั้งที่แล้ว ทั้งครอบครัวของพวกคุณได้กินอย่างมีความสุขกันหรือไม่? ”

“คุณ……คุณ……” นายหญิงใหญ่เซียวตัวสั่นด้วยความโกรธ กัดฟันแล้วพูดว่า “หม่าหลัน! เรื่องที่คุณใช้ดอกแดฟโฟดิลทำร้ายฉัน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลย! มึงแม่งยังกล้าที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีกเหรอ?!”

หม่าหลันยิ้มแล้วพูดว่า “คุณเป็นคนที่ขโมยกุ้ยช่ายจากบ้านเราไปเอง ทำไมฉันถึงพูดไม่ได้ล่ะ? ฉันยังได้ยินมาว่า ก็เพราะว่ากินกุ้ยช่ายของบ้านเราแล้ว ลูกสะใภ้คนโตของคุณถึงตรวจพบว่าเธอมีครรภ์ไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นสรุปแล้วก็คือ ในเรื่องนี้คุณต้องขอบคุณกุ้ยช่ายจากบ้านเรา! ถ้าไม่ใช่เพราะกุ้ยช่ายของบ้านเรา ลูกชายของคุณก็สุขจะได้เป็นพ่อแล้ว!”

นายหญิงใหญ่เซียวโกรธเคืองขึ้นมาทันที เหตุการณ์ที่กินดอกแดฟโฟดิลแล้วเป็นพิษ และทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่ในที่บ้าน นั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกหดหู่มากที่สุดในชีวิตของเธอ ทุกครั้งที่เธอคิดถึงเรื่องนี้ ก็จะรู้สึกเหมือนมีดทิ่มแทงที่หัวใจของเธอ

บวกกับเธอที่กำลังจมอยู่กับความเจ็บปวดที่ถูกขโมยเงินที่หามาอย่างยากลำบากของเธอไป และตอนนี้ก็ถูกหม่าหลันเย้ยหยันในเรื่องราวเก่าอีกครั้ง ดังนั้นไฟที่อยู่ในหัวใจของเธอก็ลุกขึ้นมาอย่างรุนแรง เกือบจะสามารถเผาวิลล่าทั้งหลังนี้ทิ้งได้แล้ว!

ในตอนที่เธออยากจะก่นด่าหม่าหลัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหนก่อน รถตำรวจคันหนึ่งก็ได้ขับเข้ามาข้างล่างอาคารอย่างเร่งรีบ

เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนก็ลงจากรถ และเซียวเวยเวยก็รีบเปิดประตู จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งในนั้นจึงถามเซียวเวยเวยว่า “คนที่แจ้งตำรวจคือคนในครอบครัวคุณหรือเปล่า?”

เซียวเวยเวยรีบพูดว่า “ใช่ค่ะใช่ค่ะ คุณย่าของฉันขอให้ฉันโทรแจ้งตำรวจเอง……..”

เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวได้ยินคำพูดนี้ นางก็รีบลุกขึ้นจากพื้น และเกาะอยู่บนราวระเบียง และร้องไห้อย่างขมขื่นและตะโกนออกมาว่า “คุณตำรวจ ได้โปรดพวกคุณช่วยคืนความเป็นธรรมให้พวกเราด้วย! บ้านของเราโดนขโมย! เงินที่หามาอย่างยากลำบากหายไปหมดแล้ว อยู่ไม่ได้แล้ว!”