The king of War บทที่ 2021 ควรต้องโทษประหาร
ลี่เฉินค่อย ๆ ตอบกลับอย่างผ่อนคลาย: “สำนักบู๊ภูเขามาร หอบรรพบุรุษเทพบู๊!”
หยางเฉินรู้จักหอบรรพบุรุษเทพบู๊ตั้งนานแล้ว ตู้ป๋อยังช่วงชิงโอกาสในการเข้าร่วมหอบรรพบุรุษเทพบู๊เพื่อเขาอีกด้วย หากไม่ใช่เพราะเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เกรงว่าเขาคงเข้าร่วมหอบรรพบุรุษเทพบู๊ไปแล้ว
ปัจจุบัน ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหอบรรพบุรุษเทพบู๊ของสำนักบู๊เคยเปิดแล้วหรือยัง
หยางเฉินถาม: “ท่านหมายความว่าขอเพียงข้าเข้าร่วมหอบรรพบุรุษเทพบู๊ ก็สามารถรับมือกับปัญหาที่กำลังจะมาเยือนได้อย่างนั้นหรือ?”
ลี่เฉินพยักหน้าแล้วตอบกลับ: “ในบรรดากองกำลังชั้นยอดทั้งห้าของภูเขามาร มีเพียงสำนักบู๊เท่านั้นที่มีตราประทับแห่งเทพ ขอเพียงสามารถอัญเชิญวิญญาณแห่งเทพบู๊ออกมาได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดก็สามารถถูกสังหารในสำนักบู๊ได้เช่นกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของลี่เฉิน ใบหน้าหยางเฉินก็เต็มไปด้วยความตะลึง
ในสำนักบู๊ มีกระบวนท่าสังหารที่โหดร้ายเช่นนี้ซ่อนเร้นอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอด ยังสามารถถูกสังหารได้ง่าย ๆ
ต้องท้าวความก่อนว่าในโลกบู๊โบราณล่าง นักบูโดที่ศักยภาพแข็งแกร่งมากที่สุด ก็มีศักยภาพอยู่เพียงแดนนภาขั้นสามชั้นยอดเท่านั้น
ส่วนวิญญาณแห่งเทพบู๊ในสำนักบู๊ กลับสามารถสร้างวีรกรรมที่สังหารผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดได้ในวินาทีเดียว
หยางเฉินถามอย่างรู้สึกสงสัย: “ตราประทับแห่งเทพที่ท่านหมายถึงนั้นคืออะไรหรือ?”
ลี่เฉินอธิบาย: “ตราประทับแห่งเทพ หรือจะเรียกว่าเป็นร่างแยกหนึ่งที่เทพทิ้งไว้ก็ได้ ในกองกำลังใหญ่ชั้นยอดทั้งห้าบนภูเขามาร เดิมทีทุกกองกำลังล้วนมีตราประทับแห่งเทพคงอยู่ แต่ทว่าในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ นอกเหนือจากสำนักบู๊แล้ว ตราประทับแห่งเทพของสี่กองกำลังใหญ่ที่เหลือต่างถูกเรียกใช้แล้ว ปัจจุบันก็มีเพียงสำนักบู๊เท่านั้นที่ตราประทับแห่งเทพยังคงอยู่”
“ไม่เพียงกองกำลังใหญ่ชั้นยอดทั้งห้าบนภูเขามารเท่านั้น เชกเช่นกองกำลังชั้นยอดทั้งหลายในโลกบู๊โบราณทั้งสามโลก ล้วนมีการถ่ายทอดสืบสานมานานหลายร้อยปี ยิ่งกว่านั้นคือมีกองกำลังที่มีการถ่ายทอดสืบสานนานเป็นพันปีด้วย ซึ่งกองกำลังเหล่านี้ล้วนมีตราประทับแห่งเทพอยู่ในกองกำลังของตัวเองทั้งนั้น”
“เมื่อกองกำลังนั้น ๆ ประสบพบเจอกับหายนะแห่งการล้มล้าง ขอเพียงอัญเชิญร่างแยกเทพออกมา ก็จะสามารถจัดการปัญหาตรงหน้าได้”
“แน่นอนอยู่แล้วว่าศักยภาพของร่างแยกเทพที่แต่ละกองกำลังอัญเชิญออกมานั้น ก็แตกต่างกันเช่นกัน”
คำพูดของลี่เฉินทำให้หยางเฉินได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่
หยางเฉินไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าแค่ร่างแยกร่างหนึ่ง ก็สามารถระเบิดศักยภาพที่แข็งแกร่งเช่นนั้นออกมาได้ แล้วร่างแท้ของเทพเหล่านั้นจะแข็งแกร่งถึงระดับใดกันนะ?
หยางเฉินถาม: “ท่านบอกว่าเป็นร่างแยกของเทพ แล้วบัดนี้พวกเขาอยู่ที่แห่งใด? สวรรคตหรือยัง?”
ลี่เฉินส่ายหน้า บนใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความเคารพนับถือ แล้วตอบกลับเสียงต่ำ: “เล่ากันว่าเมื่อศักยภาพของนักบูโดอยู่เหนือแดนนภาแล้ว ก็จะบรรลุถึงระดับเทพ ส่วนโลกบู๊โบราณทั้งสามโลกในปัจจุบัน ผู้มีอิทธิพลที่ศักยภาพแข็งแกร่งมากที่สุดอยู่ที่แดนนภาขั้นเก้าชั้นยอด ทันทีที่บรรลุถึงระดับเทพ ก็จะหลุดพ้นจากทั้งสามโลก ในส่วนของเรื่องที่ว่าคนเหล่านั้นจะไปยังสถานที่แห่งใดต่อนั้น เกรงว่าแม้แต่ผู้มีอิทธิพลชั้นยอดในโลกบู๊โบราณก็คงไม่ชัดเจนเช่นกัน”
“ในส่วนของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เราเรียกกันว่าเทพนั้น ตกลงพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือสวรรคตไปแล้ว ปัจจุบันพวกเขาอยู่ที่แห่งใด กลับไม่มีผู้ใดทราบเลย”
“ตราประทับแห่งเทพที่ทิ้งไว้ในกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ในปัจจุบัน มาตรแม้นว่าสามารถอัญเชิญร่างแยกเทพออกมาได้อย่างราบรื่น แต่ศักยภาพของร่างแยกเทพก็มีเพียงครึ่งหนึ่งของเทพครั้นเมื่อทิ้งตราประทับไว้”
เมื่อได้ยินทั้งหมดที่ลี่เฉินเล่ามา สติหยางเฉินก็ล่องลอยอยู่นานมาก
เขารู้อยู่ว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่มาก ๆ และรู้เช่นกันว่าวิถีบู๊ที่เขาได้สัมผัสในปัจจุบัน เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งบนวิถีบู๊ ยังมีเรื่องราวและสิ่งของอีกมากมายที่ตนไม่เคยสัมผัส
ปัจจุบันข่าวคราวที่เขาได้ทราบอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เขารู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก
“ครั้งนี้ จิตวิญญาณของเทพมารอาศัยเนื้อหนังของเจ้า ถือเป็นการรุกรานพันธมิตรพิทักษ์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น อีกทั้งทำให้รอยร้าวม่านพลังฉีกขาด และเป็นรอยร้าวม่านพลังที่ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ด้วย ซึ่งมันไม่ต่างอะไรจากการรุกรานนักบูโดทุกคนในโลกบู๊โบราณล่างเลย”
“ปัจจุบัน เกรงว่าข่าวคราวเรื่องที่โลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์ได้รวมกันเป็นหนึ่ง คงแพร่งพรายไปทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่างแล้ว ต้องมีนักบูโดกำลังเตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้ามาตามหาเจ้าในโลกมนุษย์อย่างแน่นอน”
“เวลาไม่เคยคอยท่า เราต้องรีบมุ่งหน้าไปยังสำนักบู๊ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ดูว่าหอบรรพบุรุษของสำนักบู๊เปิดออกบัดนี้ได้หรือไม่ จากพรสวรรค์ด้านวิถีบู๊ของเจ้า ทันทีที่หอบรรพบุรุษเทพบู๊เปิดออก โอกาสที่จะได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากเทพบู๊นั้นสูงมาก ๆ มีเพียงผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากเทพบู๊เท่านั้น ถึงมีคุณสมบัติเรียกวิญญาณแห่งเทพบู๊ออกมาได้”
หยางเฉินพยักหน้า ก่อนจะรีบพาเฝิงเสียวหว่านจากไปจากที่นี่พร้อมกับลี่เฉิน
ในขณะเดียวกัน โลกบู๊โบราณล่าง ณ แหล่งค้าขายที่เจริญคึกคักแห่งหนึ่ง นักบูโดที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง กำลังกระโดดโลดเต้นประกาศข้อวิพากษ์วิจารณ์ของตนต่อสาธารณชน
“ทุกท่าน ม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์ ถูกนักบูโดคนหนึ่งในโลกมนุษย์ทำลาย ปัจจุบันไม่สามารถซ่อมแซมม่านพลังได้ด้วยซ้ำ เกรงว่ามากสุดใช้เวลาเพียงสามวัน โลกบู๊โบราณล่างและโลกมนุษย์ก็จะรวมกันเป็นหนึ่งโดยสมบูรณ์”
“ถึงครานั้น ชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณล่างก็จะเบาบางลงเยอะมาก ๆ แต่ชี่ทิพย์ในโลกมนุษย์กลับจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนอยู่แล้วว่านี่เป็นเพียงการพูดในเชิงเปรียบเทียบ”
“ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นภัยพิบัติสำหรับนักบูโดทุกคนในโลกบู๊โบราณของเรา! พวกเราต้องทำให้ตัวการสำคัญที่ก่อเรื่องนี้ได้ชดใช้ผลกรรมที่มันควรได้รับ!”
“เหล่าผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณ มีผู้ใดกล้าไปโลกมนุษย์พร้อมกับข้าบ้าง ไปลากหัวสารเลวที่ทำลายม่านพลังออกมา?”
……
ภายในเวลาชั่วขณะ นักบูโดทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็ต่างพากันยกมือขึ้นพลางโห่ร้อง ยินดีที่จะเข้าร่วมกองกำลังปราบปรามหยางเฉิน
ภาพฉากเช่นนี้ได้เกิดขึ้นในทุกมุมโลกบู๊โบราณล่าง
โลกบู๊โบราณล่าง ณ สำนักงานกลางสหภาพพันธมิตรพิทักษ์
ชายชราผมขาวหงอกคนหนึ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งคนสำคัญ ทั้งสองข้างด้านล่างของเขานั่งเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งแดนนภา
และด้านล่างยังมีเงาร่างอีกสองร่างคุกเข่าอยู่บนพื้นพลางคว่ำหน้าลง ใบหน้าของทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายสั่นระริก
“พวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าเนื่องจากความวู่วามของพวกเจ้า นำพาหายนะสู่โลกบู๊โบราณล่างมากเพียงใด”
ชายชราที่นั่งอยู่บนตำแหน่งคนสำคัญเอ่ยปากพูด
เสียงของเขาสงบนิ่งมาก ๆ ฟังความหมายตำหนิต่อว่าจากน้ำเสียงเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุกลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้น กดอัดจนพวกเขาไม่สามารถหายใจได้
“หัวหน้าสมาคมตู้ พวกเราสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดท่านช่วยเห็นแก่จิตใจที่ยอมทุ่มอย่างเพื่อโลกบู๊โบราณล่างของพวกเรา ให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้งเถอะนะขอรับ!”
เจียงจ้านอ้อนวอนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ไป๋หลี่เย่ก็รีบเอ่ยปากอ้อนวอนเช่นกัน: “หัวหน้าสมาคมตู้ ได้โปรดท่านช่วยให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้งเถอะนะขอรับ!”
ชายชราที่นั่งอยู่บนตำแหน่งคนสำคัญไม่ใช่ผู้ใด เขาก็คือหัวหน้าสมาคมแห่งสหภาพพันธมิตรในโลกบู๊โบราณล่าง ตู้เทียนจิ่ว!
ตู้เทียนจิ่วไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว จึงยิ่งทำให้ผู้คนกดดันมากยิ่งขึ้น
“ตึกตึกตึก!”
มือข้างขวาของเขาวางไว้บนโต๊ะชา นิ้วชี้กำลังเคาะลงบนโต๊ะอย่างมีจังหวะมาก ๆ เกิดเป็นเสียงอันไพเราะ
จู่ ๆ ตู้เทียนจิ่วก็หยุดเคาะโต๊ะ มองไปยังทิศทางของผู้นำไป๋หลี่และผู้นำเจียง แล้วเอ่ยปากถามว่า: “ผู้นำไป๋หลี่ อีกทั้งผู้นำเจียง พวกเจ้าคิดว่าควรลงโทษพวกเขาอย่างไรดี?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ร่างกายของผู้นำไป๋หลี่และผู้นำเจียงทั้งสองคนก็สั่นสะดุ้ง ก่อนที่พวกเขาจะรีบลุกตัวขึ้น
ผู้นำไป๋หลี่เป็นคนแรกที่ตอบกลับ: “ตอบกลับคำถามของหัวหน้าสมาคมตู้ขอรับ พวกเขาทั้งสองลงมือโดยพลการในโลกมนุษย์ จึงส่งผลให้หยางเฉินถูกกระตุ้นจนโกรธเกรี้ยว มาตรแม้นว่าหยางเฉินจะถูกจิตวิญญาณของเทพมารโน้มนำ ทว่าบาปกรรมของพวกเขาทั้งสองก็ยังหนามาก เช่นนี้ต้องโทษประหารขอรับ!”
ผู้นำเจียงก็รีบพูดเช่นกันว่า: “เรื่องนี้ตระกูลเจียงของเราควรรับผิดชอบหลัก หากมิใช่เพราะเจียงเผิงใช้วิชาลับเชียนเสวียน ระเบิดพลังที่เกินกว่าม่านพลังจะแบกรับได้ออกมา ม่านพลังก็คงไม่ถึงขั้นถูกทำลายไปง่าย ๆ”
หลังพูดจบ เขาก็หันไปมองเจียงจ้านอีกครั้ง แล้วพูดต่ออีกว่า: “ในส่วนของเจียงจ้านและไป๋หลี่เย่ทั้งสองคนนั้น รู้ทั้งรู้ว่าม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างไม่สามารถแบกรับการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแดนเทพมารได้ ทว่าก็ยังสู้กันในโลกมนุษย์อีก จึงควรต้องโทษประหารขอรับ!”