ตอนที่ 2273 เหล่าปฐมาจารย์หลอมอาวุธที่ตกสู่สภาพตะลึงงัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ชายชราผมเครารุงรังก็คือเลี่ยนเฟยเจี่ย

เมื่อเห็นภาพนี้ หลินสวิน เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนหงซิ่วต่างมองออกว่าเลี่ยนเฟยเจี่ยที่กำลังหลอมศาสตราจักรพรรดิประสบปัญหายากอยู่

เลี่ยนอวิ๋นเทียนกระแอมแห้งๆ คราหนึ่ง

เลี่ยนเฟยเจี่ยที่ดุจดั่งจมอยู่ในปัญหาไม่รู้จบไม่อาจถอนตัวพลันสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง หันขวับมาทันควัน กล่าวตะคอก “ใครให้พวกเจ้าเข้ามา!?”

เสียงร้อนรนขุ่นเคือง เจืออารมณ์โมโห

“พี่เฟยเจี่ย ไยต้องหัวเสียขนาดนี้ ให้ข้าลองเดา หรือเพราะการหลอมอาวุธประสบปัญหายากหรือ ไหนลองพูดให้ฟังหน่อยสิ บางทีทุกคนอาจช่วยเจ้าคิดหาวิธีได้บ้าง”

เลี่ยนอวิ๋นเทียนยิ้มพลางเดินไปหา

เลี่ยนเฟยเจี่ยสบถอย่างโมโหคราหนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “คิดหาวิธีอะไรกัน ข้าว่าพวกเจ้ามารอหัวเราะเยาะข้ามากกว่า! เอ๋ คนผู้นี้เป็นใคร พวกเจ้าพาคนนอกเข้ามาในเขตหวงห้ามของข้าได้อย่างไรกัน”

เสียงยิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ

เลี่ยนอวิ๋นเทียนสื่อจิตทันควัน เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังทั้งหมด

เลี่ยนเฟยเจี่ยฟังจบก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นกัน แต่ลองมองเลี่ยนหงซิ่วสลับกับเลี่ยนอวิ๋นเทียนแล้ว เขาก็ได้แต่ข่มความสงสัยไว้ในใจ

คนที่ทำให้พวกเขาสองคนเชื่อถือได้ขนาดนี้ ต่อให้เป็นนักต้มตุ๋น ก็ไม่ใช่นักต้มตุ๋นทั่วไปจะเทียบชั้นได้แน่นอน

หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ทันทีที่เข้าสู่แดนลับแห่งนี้ แวบแรกสายตาของเขาก็ถูกเตาหลอมสำริดที่ลอยเด่นเหนือแม่น้ำเพลิงหินหนืดใบนั้นดึงดูดความสนใจไป

นัยน์ตาของเขาค่อยๆ เจือแววแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

และเวลานี้เลี่ยนเฟยเจี่ยหยัดตัวขึ้นกล่าวว่า “จากที่พวกเขาสองคนพูด สหายยุทธ์หลินมีความเชี่ยวชาญยอดเยี่ยมเหนือธรรมดาทางด้านการหลอมอาวุธ ไม่ทราบพอจะชี้แนะไขข้อข้องใจของข้าได้หรือไม่”

หลินสวินเก็บสายตากล่าวว่า “ได้”

นี่ทำให้เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนหงซิ่วอดอึ้งงันไม่ได้ แรกเริ่มพวกเขายังกังวลว่าการกระทำนี้ของเลี่ยนเฟยเจี่ยเห็นได้ชัดว่าออกจะจาบจ้วงไปหน่อย อาจทำให้หลินสวินเกิดความขุ่นเคืองใจได้

ใครจะไปคิดว่าเขาดันตอบตกลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้

เลี่ยนเฟยเจี่ยหัวเราะหยันออกมา เขาแค่ถ่อมตัวขอให้หลินสวินชี้แนะเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงเช่นนี้ด้วย

ความรู้สึกนั้นก็เหมือนต่างฝ่ายต่างทักทายเป็นมารยาทเท่านั้น แต่เจ้าดันคิดเป็นจริง นี่ก็ทำให้คนไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่แล้ว

“เช่นนั้นก็ดี เชิญสหายยุทธ์หลินลองดูทีว่าโครงศาสตราจักรพรรดิที่ยังหลอมไม่เป็นรูปร่างชิ้นนี้ของข้า ควรทำให้อย่างไรถึงจะมีลายสมบัติมรรคจักรพรรดิมากกว่าห้าสิบเก้าแถวขึ้นไป”

เลี่ยนเฟยเจี่ยชี้ไปในเตาหลอมสำริดใบนั้นพร้อมเอ่ยปาก โครงต้นแบบที่แสงมรรคไหลเวียนชิ้นหนึ่งกำลังลอยกระเพื่อมอยู่ภายในเตาหลอม ส่องประกายแสงแสบตาออกมา

ศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับแบ่งออกเป็นสามชั้นสูง กลาง ต่ำ การมีลายสมบัติมรรคจักรพรรดิห้าสิบเก้าแถวขึ้นไปเท่านั้นจึงจะจัดว่าเป็นศาสตราจักรพรรดิ ‘ขั้นลึกลับชั้นสูง’

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เลี่ยนเฟยเจี่ยต้องการหลอมคือศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับชั้นสูงชิ้นหนึ่ง

“นำวัตถุดิบอย่างเจตวัตถุ กระบวนลายมรรคที่ใช้หลอมสมบัติชิ้นนี้มา” หลินสวินสำรวจโครงต้นแบบชิ้นนั้นไปพลาง เอ่ยปากไปพลาง

เลี่ยนเฟยเจี่ยลังเลเล็กน้อย ก่อนยื่นม้วนหยกไปให้

การหลอมศาสตราจักรพรรดิหนึ่งชิ้นเกี่ยวโยงถึงทุกๆ ด้าน อย่างสมบัติที่หลอมครั้งนี้เป็นเกราะชิ้นหนึ่ง หลอมโดยใช้เจตวัตถุมากกว่าพันชนิด ปิดครอบด้วยกระบวนผนึกลายมรรคขนาดใหญ่เก้าลาย กระบวนผนึกลายมรรคแต่ละลายต้องใช้รอยสลักลายมรรคไม่ซ้ำกันมากกว่าหมื่นแบบ

แต่ปัญหาโผล่มาแล้ว ช่วงก่อนหน้านี้เลี่ยนเฟยเจี่ยสามารถหลอมสมบัติชิ้นนี้ออกมาได้ แต่ระดับชั้นกลับทำได้แค่ขั้นลึกลับชั้นกลาง คิดอยากยกระดับชั้นให้สูงขึ้นอีกกลับกลายเป็นเรื่องยากเย็นขึ้นมา

สมบัติชิ้นนี้เป็นเกราะจักรพรรดิที่เขารับปากสหายเก่าคนหนึ่งว่าจะหลอมให้ ทั้งยังสัญญาว่าจะหลอมให้เป็นขั้นลึกลับชั้นสูง เพียงแต่ตอนนี้หากไม่แก้ไขปัญหาตรงหน้า การหลอมอาวุธครั้งนี้ต้องล้มเหลวเป็นแน่

สำหรับปรมาจารย์หลอมอาวุธคนใดก็ตาม การหลอมอาวุธล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดามาก ทุกครั้งที่ได้รับใบสั่งจอง ลูกค้ามักจะเตรียมเจตวัตถุเผื่อไว้เยอะๆ ด้วยกังวลว่าอาจเกิดโอกาสล้มเหลวขึ้นได้

ต่อให้เป็นปฐมาจารย์หลอมอาวุธ ก็ใช่ว่าจะหลอมอาวุธสำเร็จทุกครั้ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนหลอมศาสตราจักรพรรดิ อัตราการล้มเหลวยิ่งสูงขึ้น บางครั้งศาสตราจักรพรรดิคุณภาพยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งถูกหลอมออกมา ถึงขั้นยังมีโชคช่วยผสมอยู่ในนั้นด้วย

หลินสวินรับม้วนหยกมาพินิจดูครู่หนึ่ง ในใจพลันกระจ่างขึ้นมา

“สหายยุทธ์หลิน เป็นอย่างไรบ้าง” เลี่ยนเฟยเจี่ยเอ่ยถาม ท่าทางดูสนอกสนใจ เขาอยากเห็นนักว่าเจ้าหนุ่มที่กล้า ‘ชี้แนะ’ ตนตรงๆ คนนี้มีความเห็นอย่างไรบ้าง

เลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียนต่างก็หันมองหลินสวิน

หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วย้อนถามว่า “เจ้าคิดว่าหากอยากหลอมเกราะเช่นนี้ สามารถบรรจุลายสมบัติมรรคจักรพรรดิได้มากที่สุดเท่าไหร่หรือ”

เลี่ยนเฟยเจี่ยขำพรืดออกมา เจ้าหนุ่มนี่ถึงกับกล้าลองภูมิตนด้วย!

เขากล่าวโดยไม่หยุดคิด “จากเจตวัตถุและกระบวนลายมรรคที่เกราะชิ้นนี้ต้องการ หากจะหลอมเป็นศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับชั้นสูง ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ที่สุดคือลายสมบัติมรรคจักรพรรดิหกสิบแถว หากมากกว่านี้ สมบัติชิ้นนี้ยังไม่ขึ้นรูปก็อาจพังได้”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าขอถามเจ้าอีก ที่ผ่านมาเจ้าหลอมศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับชั้นสูงหนึ่งชิ้นต้องใช้เวลานานแค่ไหน”

หว่างคิ้วเลี่ยนเฟยเจี่ยวาบประกายถือดีขึ้นมาแวบหนึ่ง “เจตวัตถุ กระบวน เพลิงหลอม หากไม่ขาดสิ่งใด เพียงแค่การหลอมเฉยๆ ด้วยฝีมือของข้า มั่นใจได้แปดส่วนว่าสามารถหลอมสำเร็จได้ภายในหนึ่งเดือน!”

พวกเลี่ยนหงซิ่วสองคนต่างพยักหน้า ทั้งคู่รู้ความเชี่ยวชาญด้านหลอมอาวุธของเลี่ยนเฟยเจี่ยดียิ่ง รู้ว่าเขาไม่ได้โอ้อวด

หลินสวินร้องอ้ออีกครา เดินมาหยุดเบื้องหน้าเตาหลอมสำริดใบนั้น

“สหายยุทธ์หลิน นี่เจ้าคิดจะทำอะไร” เลี่ยนเฟยเจี่ยหัวใจบีบรัด โครงต้นแบบในเตาหลอมสำริดใบนั้นกำลังอยู่ในระยะฟักตัว ไม่อาจทนต่อความเสียหายได้แม้แต่น้อย เขากังวลว่าหลินสวินจะทำมั่วซั่ว

“เจ้าไม่ได้อยากให้ข้าชี้แนะเจ้าหรือ เช่นนั้นก็ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็พอ”

หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบโดยไม่คิดเหลียวหลัง

จากนั้นเขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

ในแม่น้ำหินหนืดเพลิงแดงที่โหมกระหน่ำนั้นซัดเปลวเพลิงไม่รู้จบออกมา ทะลักสู่ใต้เตาหลอมสำริดใบนั้น เตาหลอมสำริดโคจรกระหึ่มทันควัน บนผนังเตาปรากฏกระบวนมหัศจรรย์ขึ้นมา แสงมรรคไหลเวียน

เมื่อเห็นภาพนี้เลี่ยนเฟยเจี่ยตกใจยกใหญ่ ปรี่ไปหมายจะห้ามไว้ กลับถูกเลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนหงซิ่วสองคนขัดขวางสุดแรง

“พี่ชาย อย่าหุนหัน ลองดูฝีมือสหายยุทธ์หลินก่อน ต่อให้ล้มเหลวจริง เจตวัตถุพวกนี้ข้าชดใช้ให้เจ้าเอง” เลี่ยนอวิ๋นเทียนรีบร้อนกล่าว

เขาอยากเห็นฝีมือหลอมอาวุธของหลินสวินมานานแล้ว อย่างไรเสียสักแต่พูดไม่ลงมือมักทำให้คนรู้สึกไม่เชื่อถือ

เลี่ยนหงซิ่วก็เอ่ยปากเช่นกัน “สหายยุทธ์หลินคนนี้ไม่ใช่พวกหุนหันพลันแล่น ข้ากับอวิ๋นเทียนต่างใคร่รู่ยิ่งนัก ว่าทางด้านการหลอมอาวุธเขาจะมีความเชี่ยวชาญปานใดกันแน่”

เลี่ยนเฟยเจี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปมา สุดท้ายก็เอ่ยอย่างมีน้ำโห “เอาเถอะ เอาตามพวกเจ้าว่าแล้วกัน แต่ขอบอกไว้ก่อน หากเขาล้มเหลว พวกเจ้าต้องชดใช้ด้วยเจตวัตถุเหล่านั้น!”

พวกเลี่ยนหงซิ่วทั้งสองคนต่างตอบรับโดยไม่ลังเล ในฐานะปฐมาจารย์หลอมอาวุธ ใครบ้างไม่ร่ำรวยจนล่มแคว้นได้ มั่งคั่งจับจ่ายลื่นไหล

ตูม!

ก็เห็นแขนเสื้อหลินสวินโบกสะบัด สิบนิ้วทำมุทรา ในเตาหลอมสำริดใบนั้นพลันปรากฏกระบวนลายมรรคเร้นลับแน่นขนัดนับไม่ถ้วน ประหนึ่งมีชีวิต ต่างประทับลงบนโครงศาสตราจักรพรรดิที่ยังคงเป็นต้นแบบอันนั้น

ชั่วขณะเดียวก็เห็นแสงมรรคดุจสายฝน แสงประกายเจิดจ้า เจือความงามชวนหลงใหล

ลำพังแค่ฝีมือวางกระบวนที่สำแดงออกมาโดยไม่ตั้งใจเช่นนี้ ก็ทำให้พวกเลี่ยนหงซิ่วสามคนล้วนกลั้นหายใจ เผยแววสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมออกมาแล้ว

เพียงอึดใจ ก็สำแดงกระบวนลายมรรคเกือบพันแบบออกมาได้!

หนำซ้ำระหว่างกระบวนลายมรรคแต่ละแบบยังมีการขานรับกันและกันอย่างอัศจรรย์ ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์เป็นธรรมชาติ ดุจดั่งมีชีวิตและจิตวิญญาณ!

พวกเขาต่างสบสายตากัน ล้วนเห็นความสะท้านสะเทือนอันยากจะปกปิดในสายตาของอีกฝ่าย จากนั้นก็หันสายตามองไปอีกครั้ง จิตใจเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

หากบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังคลางแคลงใจต่อหลินสวิน เช่นนั้นเมื่อหลินสวินสำแดงฝีมือสลักลายมรรคของตนออกมาในตอนนี้ ก็ได้ทำให้จิตใจพวกเขาถูกดึงดูดและเริ่มเชื่อโดยไม่รู้ตัว

ตูม!

เปลวเพลิงพวยพุ่ง เตาหลอมอึงอล รอยสลักลายมรรคนับไม่ถ้วนเรืองแสง สะท้อนภาพอัศจรรย์ทั้งหลายออกมา จากนั้นก็ลากลายเส้นสุดอัศจรรย์เหนือบรรยายประหนึ่งถูกมือใหญ่ไร้รูปข้างหนึ่งควบคุมแม่นยำ หลอมรวมเข้ากับโครงศาสตราจักรพรรดินั้นอย่างสมบูรณ์แบบ

และเมื่อมองดูหลินสวิน เงาร่างสูงโปร่ง แขนเสื้อโบกสะบัด การเคลื่อนไหวดั่งเมฆลอยน้ำไหล ลายเส้นมหามรรคที่ประหนึ่งไร้รูปหลั่งรินออกมาจากนิ้วของเขา

เขาในเวลานี้ประดุจเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังสำแดงแก่นอัศจรรย์เหนือสุดของการสลักลายมรรคออกมา!

พวกเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนเฟยเจี่ยสามคนยิ่งดวงตาเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าแววตาถึงกับค่อยๆ เผยแววเหลอหลา

ภาพนี้หากให้บรรดาคนใหญ่คนโตแดนหงส์เซียนเหล่านั้นเห็นเข้า มีหวังได้ตกใจอ้าปากค้างแน่ๆ

อย่างไรเสียสามคนนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ล้วนแต่เป็นปฐมาจารย์หลอมอาวุธที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้า เดินไปที่ไหนต่างก็ได้รับความเคารพยำเกรงและถูกแห่ห้อมปานดาวล้อมเดือน

ทว่าตอนนี้พวกเขากลับเหมือนศิษย์ที่เพิ่งก้าวสู่การหลอมอาวุธ แทบจะจมดิ่งอยู่ภายใต้ฝีมือที่หลินสวินสำแดงออกมาด้วยสีหน้าสะท้านสะเทือน มึนเมา และบ้าคลั่ง

ในความเป็นจริงก็มีเพียงปฐมาจารย์หลอมอาวุธระดับพวกเขาสามคนเท่านั้น จึงจะรู้ชัดที่สุดว่าฝีมือที่หลินสวินสำแดงออกมาในเวลานี้วิเศษอัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อแค่ไหน!

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงดังวู้มคราหนึ่ง เสียงเป็นจังหวะแปลกประหลาดระลอกหนึ่งดังก้องฟ้าดิน

พวกเลี่ยนหงซิ่วที่เหมือนจมสู่ความมัวเมาเหมือนเพิ่งสะดุ้งตื่นจากฝัน ในครรลองสายตามองเห็นว่าเหนือเตาหลอมสำริดใบนั้นปรากฏเกราะสีชาดชิ้นหนึ่ง พราวระยับดุจแสงอรุณ แสบตาไร้ทัดเทียม ปลดปล่อยระลอกคลื่นศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึงคับฟ้าออกมา

ห้วงอากาศแถวนั้นล้วนปั่นป่วน คล้ายต้านอานุภาพของเกราะนั้นไม่ไหว!

พวกเลี่ยนหงซิ่วอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ราวเห็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้นต่อหน้า ร่างกายและจิตใจล้วนสะท้านไหวอย่างควบคุมไม่อยู่

สำเร็จแล้ว!?

“ดูเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองชั่วยามกระมัง” เลี่ยนอวิ๋นเทียนกล่าวด้วยสีหน้าอึ้งค้าง

สวบ!

หลินสวินโบกแขนเสื้อเก็บเกราะสีชาดนั้นขึ้นมา เตาหลอมสำริดใบนั้นก็จมสู่ความเงียบสงบ

“กล่าวให้ถูกคือน่าจะหนึ่งชั่วยามครึ่ง” หลินสวินเอ่ยแก้ให้ แล้วโยนเสื้อเกราะตัวนั้นให้เลี่ยนเฟยเจี่ย “เจ้าลองดูสิ สมบัติชิ้นนี้เป็นอย่างไร”

“หนึ่งชั่วยามครึ่ง…” เลี่ยนหงซิ่วยังรู้สึกเพียงหัวมึนตื้อ ปากคอแห้งผาก นี่ก็เร็วเกินไปแล้วกระมัง

ส่วนเลี่ยนเฟยเจี่ยรีบรับเกราะตัวนั้นด้วยสองมือ มองสำรวจคร่าวๆ แล้วสั่นเทิ้มไปทั้งตัว กล่าวเสียงหลงว่า “นะ… นี่มันลายสมบัติมรรคจักรพรรดิหกสิบเก้าแถว!”

ชั่วขณะเดียวเลี่ยนหงซิ่วและเลี่ยนอวิ๋นเทียนต่างก็คล้ายเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง แย่งกันก้าวขึ้นไปดู

เมื่อมองเห็นลายสมบัติมรรคจักรพรรดิหกสิบเก้าสายที่ดุจดั่งมังกรใหญ่เลื้อยคดเคี้ยวอยู่บนเกราะ สองมือคนของทั้งคู่ล้วนสั่นกึกๆ อย่างไม่อาจควบคุม

ไม่ใช่เพราะพวกเขาความรู้คับแคบมีจำกัด แต่เพราะพวกเขารู้ดีที่สุดว่าเกราะที่มีลายสมบัติมรรคจักรพรรดิหกสิบเก้าลายนั้นหมายความว่าอย่างไร

นี่… เป็นของชั้นยอดในศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับชั้นสูงแล้ว!

——