ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าครึกครื้นเป็นพิเศษ ถึงขั้นเรียกความสนใจจากสายตามากมายในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง

สาเหตุก็เพราะผู้คนต่างใคร่รู้หาใดเปรียบ ว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นที่ถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพเคารพนับถือ จะเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่

แต่น่าเสียดาย ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งในวันนี้รับแขกเฉพาะหลินสวินคนเดียวเท่านั้น ส่วนลั่วเจียถือว่าถูกพาเข้าไป

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนก็ยิ่งใคร่รู้มากขึ้น หลินเต้ายวนคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่

ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งต่างจากร้านอื่นๆ ที่หลินสวินเห็นก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เมื่อเข้าไปด้านในก็เหมือนเข้าสู่แดนลับเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ศาสตราจักรพรรดิแต่ละชิ้นล้วนถูดจัดเรียงอยู่ในกระบวนผนึกลายมรรคที่ต่างกันออกไป เห็นชัดว่าลึกลับหาใดเปรียบ แน่นอนว่าย่อมต้องล้ำค่ามากเช่นกัน

เลี่ยนจิ่วเซียวอธิบายประวัติของศาสตราจักรพรรดิให้หลินสวินฟังทีละชิ้นด้วยตัวเอง รวมถึงปฐมาจารย์ที่หลอมศาสตราจักรพรรดิเหล่านั้นว่าเป็นใครด้วย

หลินสวินสงบเยือกเย็น ไม่ได้สะทกสะท้านเพราะสถานะของเลี่ยนจิ่วเซียว ท่าทีใจเย็นและผ่อนคลายนั้น ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่น้อยที่เคยเห็นหลินสวินเป็นครั้งแรกต่างลอบพยักหน้า

และในระหว่างนี้ในที่สุดลั่วเจียก็เข้าใจเรื่องราวบางส่วนของหลินสวินเมื่อวานนี้ ทั้งรู้สึกตกใจและอดภูมิใจในตัวหลินสวินไม่ได้

นับตั้งแต่รู้จักหลินสวินเป็นต้นมา ดูเหมือนไม่ว่าเขาจะปรากฏตัวที่ไหนล้วนเรียกความฮือฮาได้เสมอ ท่วงท่าบารมีเช่นนั้นไม่สามารถกลบซ่อนได้สักนิด

กระทั่งหลังจากเดินชมศาสตราจักรพรรดิในร้านช่างเทพครบทุกชิ้นแล้ว เลี่ยนจิ่วเซียวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “สหายยุทธ์หลิน ไม่ทราบเจ้ามีคำประเมินอย่างไรกับศาสตราจักรพรรดิที่เผ่าจักรพรรดิช่างเทพของพวกเราหลอมออกมาเหล่านี้”

เพียงครู่เดียวเสียงสนทนาแถวนั้นเงียบกริบ สายตาของเฒ่าดึกดำบรรพ์ทุกคนต่างมองมาตามๆ กัน

หลินสวินไม่รีบไม่ลน กล่าวง่ายๆ “ความเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธของเผ่าพวกท่าน สมกับที่เป็นหนึ่งเดียวในใต้หล้า”

คำพูดนี้ออกมาจากใจ

แค่เผ่าเดียว กลับมีปฐมาจารย์หลอมอาวุธที่สะดุดตาหาใดเปรียบมากมายเช่นนี้ ซ้ำจำนวนและคุณภาพของศาสตราจักรพรรดิที่หลอมออกมาก็เรียกได้ว่าหาได้ยากและน่าตื่นตาตื่นใจ นี่เดิมก็พิสูจน์ได้แล้วว่าความเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพเหนือธรรมดามากแค่ไหน

แต่เห็นได้ชัดมาก ว่าสิ่งที่พวกเลี่ยนจิ่วเซียวอยากได้ยินไม่ใช่คำเยินยอเช่นนี้

จากนั้นก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งกล่าวขึ้นมาทันที “สหายยุทธ์หลิน ข้าพอจะขอคำชี้แนะคำถามหนึ่งจากเจ้าได้หรือไม่”

ทุกคนต่างเผยแววสนอกสนใจ สถานะของเฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้ไม่ธรรมดา นามว่าเลี่ยนชิงฉี เป็นบุคคลระดับสี่มหาปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่คงอยู่สืบมาของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ!

ปฐมาจารย์สลักลายมรรคและปฐมาจารย์หลอมอาวุธมีข้อแตกต่างเฉพาะตัว

และคำเรียกขานว่ามหาปฐมาจารย์สลักวิญญาณนี้ ใช่ว่าจะได้รับกันพร่ำเพรื่อ

คนระดับเลี่ยนชิงฉี ต่อให้อยู่ในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพฐานะก็เรียกได้ว่าเหนือธรรมดา

และทุกคนต่างรู้ดี เวลานี้เลี่ยนชิงฉีเอ่ยปาก อันที่จริงนี่ก็เป็นการ ‘ทดสอบ’ กลายๆ แล้ว

“เชิญว่ามาได้เลย”

หลินสวินกล่าว เขาได้ยินเลี่ยนหงซิ่วแนะนำฐานะของเลี่ยนชิงฉีมาแล้ว รู้ยิ่งว่าฐานะของเฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้สูงส่งแค่ไหน

ทว่าแต่ละคนล้วนมีความเชี่ยวชาญคนละอย่าง หากพูดถึงความเชี่ยวชาญด้านการสลักลายมรรค แต่ไรมาหลินสวินก็ไม่เคยหวาดกลัว

เลี่ยนชิงฉีหยิบม้วนหยกหนึ่งส่งให้หลินสวิน “ในม้วนหยกนี้บันทึกกระบวนผนึกลายมรรคขนาดใหญ่ที่ข้าศึกษาค้นคว้ามาตลอดในช่วงหนึ่งพันปีมานี้ แต่จวบจนบัดนี้ยังคงไม่อาจทำให้เสร็จสมบูรณ์ เชิญสหายยุทธ์หลินอ่านดู”

สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยต่างเผยแววตาประหลาด คล้ายคิดไม่ถึงว่าการ ‘ทดสอบ’ นี้เพิ่งเริ่ม เลี่ยนชิงฉีก็โยนปัญหายาก ‘หนักหน่วง’ ข้อหนึ่งแล้ว!

พวกเขาต่างรู้ดี กระบวนผนึกลายมรรคที่เลี่ยนชิงฉีศึกษาค้นคว้าในช่วงพันปีมานี้ยากเย็นและซับซ้อนแค่ไหน

ถึงขนาดที่พวกเขาก็เคยร่วมพิจารณาและอนุมานด้วยกัน พยายามช่วยให้กระบวนนี้เสร็จสมบูรณ์

แต่ล้วนไม่เป็นไปตามที่หวังอย่างไม่มีข้อแม้

หากไม่เพราะเลี่ยนชิงฉีฐานะเหนือธรรมดา ความเชี่ยวชาญด้านสลักลายมรรคบรรลุถึงขั้นปลายยอดนานแล้ว พวกเขาคงสงสัย ว่ากระบวนค่ายกลใหญ่นี้ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว…

หลินสวินมองเห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนอยู่ในสายตา แต่ไม่ได้คิดมาก พลิกอ่านม้วนหยกตรงๆ

เวลาเคลื่อนคล้อยทีละนิด ทุกคนต่างอดทนรอ

หลังเวลาหนึ่งถ้วยชาเต็ม หลินสวินก็เก็บสายตา

“เป็นอย่างไร” เลี่ยนชิงฉีเอ่ยถาม แววตาเป็นประกาย คล้ายอยากมองหาเบาะแสบางอย่างจากสีหน้าท่าทางของหลินสวิน

หลินสวินนิ่งเงียบไม่พูดจา

ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างมองหน้ากันไปมา ในใจคิดต่างๆ นานา นี่หลินเต้ายวนชะงักไปตั้งแต่ต้นเลยหรือ

แต่ลองคิดดูก็ใช่ ปัญหายากที่ทำให้ทุกคนในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพอย่างพวกเขายังขยาด จะถูกคลี่คลายง่ายๆ ได้อย่างไร

“ท่านปู่เก้า ปัญหานี้ของท่านออกจะบังคับผู้อื่นเกินไปหน่อยแล้ว แม้แต่พวกข้ายังไม่สามารถอนุมานออกมาได้ สหายยุทธ์หลินจะอนุมานไม่ออกก็ไม่แปลก”

เลี่ยนจิ่วเซียวเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม “ไม่สู้… เปลี่ยนคำถามใหม่ดีกว่า”

ในรอบแรกหลินสวินก็หยุดชะงักแล้ว นี่เท่ากับเป็นการทุบตีอย่างไร้รูป ไม่ให้อีกฝ่ายวางมาดใหญ่โต ดูเบาเผ่าจักรพรรดิช่างเทพของพวกเขาเกินไป

“ปัญหาที่เผ่าจักรพรรดิช่างเทพของพวกเจ้าอนุมานไม่ออก กลับยกเอามาถาม นี่ไม่ใช่บังคับผู้อื่นหรอก แต่เหมือนจงใจกลั่นแกล้งกันมากกว่า”

ลั่วเจียที่อยู่ข้างกันอดเอ่ยปากไม่ได้ นางมาจากเผ่าหงส์เซียน จึงไม่ห่วงว่าจะล่วงเกินใครเพราะเหตุนี้

สีหน้าทุกคนเริ่มไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย

เลี่ยนชิงฉีก็กล่าวยิ้มขื่นว่า “เป็นข้าใจเร็วด่วนได้เอง เดิมไม่ควรใจร้อนเปิดคำถามยากเช่นนี้”

ขณะพูดเขาประสานหมัดขอโทษไปทางหลินสวิน

นี่ทำให้หลินสวินยังอดแปลกใจไม่ได้ ผู้อาวุโสที่ฐานะเหนือธรรมดาเช่นนี้ แต่กลับปฏิบัติต่อคนนอกอย่างตนอย่างมีมารยาทขนาดนี้ได้ ท่าทางเช่นนี้ทำให้คนเลื่อมใสจริงๆ

หลินสวินกล่าวหลังครุ่นคิดเล็กน้อย “สหายยุทธ์ไม่ต้องเกรงใจ แม้ว่าปัญหานี้ค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะแก้ไม่ได้”

ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา ทั้งที่นั้นต่างอึ้งค้าง หรือว่าเขาคิดหาวิธีได้แล้วจริงๆ

เลี่ยนจิ่วเซียวยังอึ้งไป มองหลินสวินอีกรอบอย่างอดไม่ได้ เจ้าหนุ่มคนนี้… มีฝีมือขนาดนั้นจริงหรือ

“หวังว่าสหายยุทธ์จะชี้แนะ” เลี่ยนชิงฉีกลับดวงตาเป็นประกาย

หลินสวินไตร่ตรองครู่หนึ่ง ก่อนสลักวิธีอนุมานกระบวนผนึกลงในม้วนหยกทีละอย่างแล้วยื่นให้เลี่ยนชิงฉี

เลี่ยนชิงฉีรับม้วนหยกมาอ่าน นัยน์ตาพลันหดรัด คล้ายถูกสายฟ้าฟาด สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว เผยแววตระหนกตกใจ

ทุกคนอดฮือฮาไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน

“จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจากฐานกระบวนหลักหรือ” เลี่ยนชิงฉีพึมพำ

หลินสวินกล่าว “หากไม่ปรับเปลี่ยนจากฐานราก กระบวนค่ายกลนี้ไม่มีทางอนุมานไปถึงรูปร่างสมบูรณ์อย่างที่เจ้าคาดหวังแน่นอน”

ก่อนหน้านี้ที่เขาเงียบไป เพราะกังวลว่าเลี่ยนชิงฉีจะรับแรงโจมตีไม่ไหว เนื่องจากคำตอบเช่นนี้กำลังพิสูจน์ว่ากระบวนค่ายกลใหญ่ที่เขาเลี่ยนชิงฉีออกแบบ มีข้อบกพร่องใหญ่ตั้งแต่เริ่มอย่างไม่ต้องสงสัย

นี่สำหรับมหาปฐมาจารย์สลักวิญญาณที่เลื่องชื่อมานานคนหนึ่ง เท่ากับหักหน้าตรงๆ อย่างชัดเจน

แต่ดูจากอาการของเลี่ยนชิงฉี เขากลับไม่ได้อับอายจนพานโมโหเพราะเรื่องนี้ ตรงข้ามหลังนิ่งเงียบครู่หนึ่งก็ยังคงอ่านม้วนหยกนั่นต่อไป

กระทั่งอ่านจบเขาเงยหน้าขวับ สายตาจับจ้องหลินสวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายอุทาน “ความเชี่ยวชาญด้านสลักลายมรรคของสหายยุทธ์หลินเหนือกว่าข้ามากโข!”

กล่าวจบเขาก็โค้งตัวคารวะ ราวศิษย์กำลังคารวะอาจารย์

ภาพเหตุการณ์นี้ทำเอาทุกคนในที่นี้สะท้านสะเทือน!

สัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิช่างเทพอย่างพวกเลี่ยนจิ่วเซียว เลี่ยนหงซิ่วล้วนรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน ถึงขั้นยากจะเชื่อ

คำตอบที่ปรากฏในม้วนหยกนั่นคืออะไรกันแน่ ถึงกับทำให้ใต้เท้าเลี่ยนชิงฉี… ควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้

ที่ทำให้พวกเขาใจสั่นมากที่สุดคือความหมายในคำพูดของเลี่ยนชิงฉี เหนือกว่าข้ามากโข? ความเชี่ยวชาญด้านสลักลายมรรคของหลินเต้ายวนนั่น จะบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อขนาดไหนกันแน่

แม้แต่ลั่วเจียก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะพลิกผันเช่นนี้ เนตรงามใสกระจ่างเจือแววแปลกประหลาด

เลี่ยนชิงฉีไม่ปล่อยให้ทุกคนแคลงใจนานเกินไป ยื่นม้วนหยกให้พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ในที่นี้อ่านทีละคน

หลังอ่านเสร็จ ปฏิกิริยาของเฒ่าดึกดำบรรพ์แต่ละคนล้วนต่างกันไป บ้างก็ร้องลั่นเสียงหลง บ้างก็จมดิ่งถอนตัวไม่ขึ้น บ้างก็อุทานไม่หยุดปาก บ้างก็สูดหายใจเย็น…

ชั่วขณะเดียวในร้านช่างเทพแห่งนี้ถึงกับจอแจขึ้นมาปานตลาดสด

กระทั่งหลังจากเลี่ยนจิ่วเซียวอ่านม้วนหยกเสร็จ ก็นิ่งเงียบไปนานกว่าจะระงับความตกใจในใจลงได้ กล่าวว่า “ฝีมือของสหายยุทธ์หลิน พวกเรา… ยอมรับว่าสู้ไม่ได้!”

หลินสวินยิ้มบางๆ สีหน้าผ่อนคลาย ไม่ได้ถ่อมตัว ขืนถ่อมตัวอีกก็เท่ากับเสแสร้งและโอหังแล้ว

“สหายยุทธ์หลิน ข้าน้อยขอคำชี้แนะจากท่านสักอย่างได้หรือไม่”

ทันใดนั้นเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งก้าวออกมา สายตาเปี่ยมแวววาดหวังหมายจะขอความรู้

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างพากันร้อนใจ กระเถิบเข้ามาเอ่ยพูดกันเสียงเซ็งแซ่

“สหายยุทธ์หลิน ข้าเองก็มีข้อข้องใจ หวังว่าท่านจะให้คำชี้แนะ”

“สหายยุทธ์หลิน ข้าก็…”

ชั่วขณะเดียวหลินสวินถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ไม่รู้อยู่มานานกี่ปีทั้งกลุ่มมารุมล้อม ก็อดตังรับไม่ทันอยู่บ้าง นี่… ออกจะกระตือรือร้นเกินไปแล้ว!

ไม่มัวห่วงมาดเลยสักนิด!

ลั่วเจียมองอย่างสนใจ อดเม้มปากยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เนตรดาราเปล่งประกาย งดงามจับใจ

สุดท้ายยังคงเป็นเลี่ยนจิ่วเซียวเอ่ยปากหยุดยั้ง เขามองไปยังหลินสวินแล้วกล่าว “สหายยุทธ์หลิน ไม่ทราบว่าเจ้ามาร้านช่างเทพของข้าเพราะมีเรื่องให้ช่วยอย่างนั้นหรือ”

ในฐานะผู้นำเผ่า เลี่ยนจิ่วเซียวมีหรือจะมองไม่ออก หลินสวินไม่มีทางมาสำแดงฝีมือที่ร้านช่างเทพเพียงอย่างเดียวแน่นอน

หลินสวินก็ไม่ปกปิด กล่าวว่า “ข้าอยากหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ เพียงแต่ยังขาดโอกาสและการเตรียมตัวบางอย่าง ดังนั้นจึงอยากขอให้เผ่าท่านช่วยเหลือ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาเฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่มสว่างวาบขึ้นมา หลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์!

นี่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาสามารถสังเกตและศึกษาความเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธของสหายยุทธ์หลินคนนี้ได้ตรงๆ หรือ

เรื่องดีนัก!

เรื่องดีอย่างยิ่ง!

เลี่ยนจิ่วเซียวก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ที่แท้เป็นเช่นนี้ เรื่องเช่นนี้เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร

เขากล่าวอย่างภาคภูมิ “เจตวัตถุ เพลิงหลอม เตาหลอม กำลังคน… ตอนนี้สหายยุทธ์หลินยังขาดอะไรอีก บอกมาได้เลย ขอเพียงเผ่าจักรพรรดิช่างเทพของพวกเราช่วยได้ จะไม่ให้ขุ่นข้องเด็ดขาด”

เพิ่งกล่าวจบก็มีสัตว์ประหลาดเฒ่าลุกพรวดออกมา “ข้ายินดีเป็นลูกมือให้สหายยุทธ์หลิน หวังว่าจะสมใจ!”

“ข้าก็ยินดี”

“นับข้าด้วยคน”

“อย่าแย่ง ข้ายังไม่ทันเอ่ยปากเลย จะให้พวกเจ้ามาแบ่งโอกาสล้ำค่าระดับนี้ได้อย่างไร เช่นนั้นสหายยุทธ์หลิน นับข้าด้วยคนได้ไหม”

…ในที่นี้เริ่มชุลมุนวุ่นวาย เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ไม่ได้โง่ รู้ดียิ่งว่าหากได้ร่วมหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ชิ้นนี้ข้างกายหลินสวิน ต้องได้รับประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินได้บนเส้นทางการสลักลายมรรคอย่างแน่นอน!

มุมปากเลี่ยนจิ่วเซียวกระตุกแรงๆ เจ้าเฒ่าพวกนี้ที่ผ่านมาเย่อหยิ่งทระนงตนจะตายไป อยากขอความช่วยเหลือจากพวกเขาสักหน่อยยังต้องใช้พลังงานอย่างมาก

แต่ตอนนี้ดีนัก แต่ละคนยื้อยุดแย่งกันเป็นลูกมือ!

นี่… มาตรฐานอะไรกัน!?

หากแพร่ออกไปคนทั่วหล้าจะมองเผ่าจักรพรรดิช่างเทพอย่างไรกัน

คิดถึงตรงนี้เลี่ยนจิ่วเซียวถลึงตามองทุกคนก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นกระแอมคราหนึ่ง สายตามองไปยังหลินสวินแล้วกล่าวว่า

“สหายยุทธ์หลิน หากไม่รังเกียจ… ก็พาข้าไปด้วยนะ”

ในดวงตาฉายแวววาดหวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนา

ทุกคน “…”