ค่าตอบแทนในการหลอมศาสตราจักรพรรดิหนึ่งชิ้น ไม่สามารถตีเป็นเงินในความหมายทางโลกได้
โดยส่วนใหญ่การหลอมศาสตราจักรพรรดิหนึ่งชิ้น นอกจากได้รับค่าตอบแทนที่เหนือปกติแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังได้รับน้ำใจที่ไม่อาจจินตนาการอีกด้วย
ผู้ใช้งานศาสตราจักรพรรดิส่วนมากเป็นระดับจักรพรรดิ สามารถจินตนาการได้ว่าหากได้รับน้ำใจจากระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง มีหรือจะประเมินเป็นมูลค่าได้
ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ เผ่าจักรพรรดิช่างเทพหลอมศาสตราจักรพรรดิให้หมื่นเผ่าทั่วแดนหงส์เซียนนี้ไม่รู้กี่ชิ้น พอจะจินตนาการได้ว่าน้ำใจที่สั่งสมมามีค่าขนาดไหน!
และใครต่างรู้ดี เผ่าจักรพรรดิช่างเทพอยู่ภายใต้อาณัติเผ่าหงส์เซียน ฉะนั้นน้ำใจที่สั่งสมมาในกาลเวลานับไม่ถ้วนนี้ ล้วนต้องบันทึกไว้กับเผ่าหงส์เซียนอย่างแน่นอน
กล่าวได้ว่าจากอดีตตราบปัจจุบัน การที่เผ่าหงส์เซียนครองอำนาจเหนือหมื่นเผ่าทั่วหล้ามาตลอด กลายเป็นนายเหนือหัวได้ ความทุ่มเทของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพก็เป็นผลงานที่ไม่อาจลบล้าง
งานหลอมอาวุธ เจตวัตถุ เพลิงหลอมที่ใช้ฝึกฝีมือ… ล้วนไม่ขาดแคลนแล้ว เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่มต่างมองหลินสวินด้วยสายตารอคอย
หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเริ่มเคลื่อนไหว
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
เพลิงเทพที่ส่องวาบอยู่ในส่วนลึกเวิ้งฟ้าสายหนึ่งถูกชักนำมา ร่วงลู่ลงในเตาหลอมที่อยู่กึ่งกลางลานมรรคใบนั้น
ชั่วอึดใจเปลวเพลิงพวยพุ่ง เตาหลอมสั่นสะเทือน
“เพลิงแท้หยางม่วง?” มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ตกใจ เพราะนี่ไม่ใช่เพลิงเทพระดับสุดยอด
คนมากมายต่างเผยสีหน้าใคร่ครวญ
งานหลอมอาวุธในครั้งนี้เป็นการหลอม ‘ทวนอสรพิษ’ ให้ผู้อาวุโสคนหนึ่งในเผ่าจักรพรรดิงูเหลือมเขียว ขอเพียงเป็นขั้นลึกลับชั้นต่ำก็พอ
ฮูม…
ไม่รอให้สัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มเข้าใจ แขนเสื้อหลินสวินพลิกโบก เจตวัตถุหลายสิบชนิดพุ่งกรูเข้าไปในเตาหลอมใบนั้นราวกระแสน้ำหลาก
ทันใดนั้นเพลิงแท้หยางม่วงพลิกม้วน หลอมรวมเจตวัตถุเหล่านั้นในเตาหลอม ปลดปล่อยประกายเทพเจิดจ้าแสบตาออกมาเป็นสายๆ สีสันตระการตา
นี่คือการหลอมรวมเจตวัตถุ กระทั่งหลอมเจตวัตถุเข้ากันแล้วก็จะสามารถควบรวมโครงอาวุธได้
ฝีมือของหลินสวินไม่มีความพิเศษใด สิ่งเดียวที่พอเอ่ยชมได้ อาจเป็นการเคลื่อนไหวไหลลื่นดุจสายน้ำของเขา เปี่ยมด้วยท่วงทำนองอัศจรรย์
จุดนี้บรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์ในที่นี้ล้วนทำได้กันหมด
“หากใช้เพลิงแท้หยางม่วงหลอมเจตวัตถุเหล่านี้ เกรงว่าต้องเปลืองเวลาหลายวัน” มีคนใคร่ครวญ เริ่มวิเคราะห์
จวบจนตอนนี้พวกเขาต่างสงสัยมากกว่า ว่าเหตุใดหลินสวินไม่เลือกเพลิงเทพที่คุณภาพดีกว่านี้หน่อย แต่กลับเลือกมาแค่เพลิงแท้หยางม่วงนี่เท่านั้น
แต่ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ
ก็เห็นหลินสวินโบกมือ เหนือเวิ้งฟ้าเพลิงเทพสีดำสายหนึ่งราวธารดาราพุ่งโฉบเข้ากลางเตาหลอม
“เพลิงหนาวหยินดำ!” มีคนประหลาดใจ
ตูม!
ก็เห็นในเตาหลอมเพลิงแท้หยางม่วงและเพลิงหนาวหยินดำผสานเข้าด้วยกัน ก็เหมือนหยินหยางที่ไม่อาจผสม เกิดเสียงปะทะดังสนั่นน่าสะพรึง กึกก้องปานสายฟ้าฟาด สะท้านสะเทือนฟ้าดิน
นี่ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นอดปาดเหงื่อไม่ได้ เกือบคิดว่าหลินสวินบ้าไปแล้ว เพลิงเทพสองชนิดนี้ก็เหมือนน้ำกับไฟ ผลักต้านกันเอง ไม่อาจหลอมรวมเข้าด้วยกันได้
ในอดีตที่ผ่านมาไม่มีนักหลอมอาวุธคนไหนกล้าลองใช้เพลิงเทพสองชนิดนี้ในเตาเดียวกัน
แต่ไม่นานทุกคนในที่นี้ก็อึ้งงัน
ก็เห็นในเตาหลอมใบนั้น ระหว่างที่เพลิงเทพสองชนิดต่อต้านและปะทะกัน เจตวัตถุหลายสิบชนิดที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในนั้นกลับหลอมละลายและกลายสภาพไปอย่างรวดเร็วน่าเหลือเชื่อ…
เพียงแค่หนึ่งเค่อสั้นๆ เจตวัตถุเหล่านี้ก็ละลายเป็นของเหลวที่บริสุทธิ์ งดงาม สีสันสดใส แผ่แสงสมบัติวาววับออกมา
หลินสวินทำไปตามจังหวะ โยนเจตวัตถุบางส่วนที่เหลืออยู่เข้าไปในนั้น เริ่มดำเนินการหลอมรวม…
ในที่นี้ฮือฮาขึ้นโดยพลัน เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่มต่างมองหน้ากัน ล้วนเผยแววกระจ่างแจ้ง
“ที่แท้เจตวัตถุที่ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหลอมได้ กลับสามารถอาศัยแรงปะทะระหว่างเพลิงเทพได้ ทั้งยังทำให้หลอมละลายได้ในเวลาสั้นๆ อีกด้วย วิธีแบบนี้… เหตุใดก่อนหน้านี้พวกเราคิดไม่ถึงกันนะ”
มีเฒ่าดึกดำบรรพ์พึมพำ
“ไม่ ที่ผ่านมาพวกเราต่างเคยคิด แต่ส่วนใหญ่ล้วนพังไม่เป็นท่า ถึงอย่างไรเพลิงเทพหนึ่งพันกว่าชนิด แต่ละชนิดก็มีอานุภาพและคุณลักษณะจำเพาะต่างกัน กอปรกับตอนหลอมศาสตราจักรพรรดิ เจตวัตถุที่จำเป็นก็ไม่เหมือนกัน ยามดำเนินการหลอม ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยล้วนอาจทำให้เกิดความล้มเหลวได้”
มีคนทอดถอนใจ
“ตามความเห็นข้า สหายยุทธ์หลินทำเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะมองนัยเร้นลับเนื้อแท้และคุณลักษณะของเจตวัตถุเหล่านั้นออกอย่างสมบูรณ์แน่ ถึงได้เลือกใช้วิธีหลอมที่เฉพาะตัวเช่นนี้”
“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้แหละ”
เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านี้สังเกตการณ์ไปพลาง ถกกันไปด้วย ต่างรู้สึกว่าได้รับประโยชน์มากมาย
เลี่ยนจิ่วเซียวคอยฟังมาตลอด เมื่อเห็นเช่นนี้ก็อดล้วงม้วนหยกออกมาไม่ได้ เริ่มตั้งหน้าตั้งตาจดบันทึก ท่าทางตั้งใจเช่นนั้นเหมือนกับบัณฑิตที่ตั้งใจจดเนื้อหาในห้องเรียนอย่างขะมักเขม้นไม่มีผิด
นี่ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งงุนงงยิ่ง “หัวหน้าเผ่า แค่วิธีหลอมอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้อัศจรรย์พันลึกเลยด้วยซ้ำ เหตุใดต้องจดอย่างละเอียดด้วย”
เลี่ยนจิ่วเซียวไม่เงยหน้า กล่าวว่า “นี่เพิ่งเริ่มต้น ฝีมือที่สหายยุทธ์หลินสำแดงออกมาทำให้พวกเจ้าล้วนคาดไม่ถึง นี่ยังไม่คู่ควรให้ศึกษาอย่างตั้งใจอีกหรือ”
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนต่างอดเหงื่อตกไม่ได้
เลี่ยนจิ่วเซียวจดบันทึกอย่างละเอียดในม้วนหยกเสร็จ ถึงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “โอกาสครั้งนี้ล้ำค่าหาใดเปรียบ พวกเจ้าอย่ามัวแต่สังเกตการณ์ ตั้งใจจดบันทึกและตรึกตรองทั้งหมดด้วย เช่นนี้แล้วความเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธของพวกเราเผ่าจักรพรรดิช่างเทพถึงจะมีหวังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด”
เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่มต่างเก็บงำความคิด พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
ลั่วเจียซึ่งอยู่ใกล้ๆ สังเกตเห็นภาพนี้แล้วยังอดอึ้งไปไม่ได้ ท่าทางของพวกเลี่ยนจิ่วเซียวเหมือนศิษย์ที่ตั้งใจขวนขวายความรู้กันทั้งกลุ่มชัดๆ ทั้งเคร่งครัดและตั้งใจขนาดนั้น…
นี่หากแพร่ออกไปทั่วหล้าจะคิดอย่างไร
เมื่อหันมองไปไกลๆ หลินสวินยืนอยู่หน้าเตาหลอมคนเดียว เงาร่างสูงโปร่งโดดเด่น ยามลงมือเป็นระยะแขนเสื้อพลิกโบก ดูงามสง่าและเป็นธรรมชาติอย่างบอกไม่ถูก
ขนาดลั่วเจียยังไม่อาจไม่ยอมรับว่าหลินสวินที่จดจ่อมีสมาธิ มีท่วงท่าสง่างามไร้เทียมทานอย่างบอกไม่ถูก ทำให้คนถูกสะกดโดยไม่รู้ตัว ต่อให้มองอยู่ไกลๆ ยังไม่รู้สึกกร่อยและเบื่อหน่ายแต่อย่างใด
ตูม!
สองชั่วยามต่อมา เจตวัตถุทั้งหมดเกือบห้าร้อยชนิดล้วนถูกหลอมสิ้น ละลายเป็นของเหลวงดงามหลากสีสัน พวยพุ่งม้วนตลบอยู่ในเตาหลอมแดงเพลิง
และในเวลานี้หลินสวินเริ่มสลักกระบวนลายมรรคแล้ว
สวบๆๆ!
เมื่อความคิดไหวเคลื่อน สัญลักษณ์สลักลายมรรคนับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกมาราวฝูงปลา ต่างสอดประสานพาดขวาง วาดกระบวนลายมรรคออกมาสายแล้วสายเล่า แผ่ครอบลงไป ฝังตัวเข้าไปในของเหลวเจตวัตถุกลางเตาหลอมด้วยวิธีอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
“หืม? โครงยังไมเป็นรูปร่างก็เริ่มวางกระบวนลายมรรคแล้วหรือ”
สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยประหลาดใจ สายตาจับจ้องทุกการกระทำของหลินสวิน
โดยทั่วไปแล้วหลังหลอมเจตวัตถุก็ต้องหลอมโครง จากนั้นถึงจะสลักกระบวนผนึกลายมรรคลงบนโครง
แต่ตอนนี้หลินสวินยังไม่ได้หลอมโครงก็วางกระบวนผนึกลายมรรคในเจตวัตถุที่หลอมเป็นของเหลวนั่นแล้ว นี่ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่น้อยล้วนแปลกใจยิ่ง
และมีคนมากมายคิดใคร่ครวญ นึกถึงความเร้นลับที่ต่างออกไปบางส่วน เจตวัตถุในสถานะของเหลวไม่มีรูปร่างให้พูดถึง การวางกระบวนผนึกลายมรรคในนั้นก็เป็นเรื่งยากเย็นที่สุดเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นบนม้วนภาพนิ่ง สามารถวาดแผนที่ภูผาธาราออกมาได้อย่างง่ายดาย
แต่หากม้วนภาพนี้เป็นแบบเคลื่อนไหว อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หากต้องการวาดแผนที่ที่สมบูรณ์อีกภาพหนึ่งก็สามารถจินตนาการได้ว่าจะยากเย็นแค่ไหน
ที่ผ่านมาบรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ก็เคยหลอมอาวุธเช่นนี้ แต่ล้วนพุ่งเป้าไปที่สมบัติต่ำกว่าศาสตราจักรพรรดิ เพราะสำเร็จง่ายและไม่ได้ยากเย็นอะไร
แต่หากนำวิธีหลอมอาวุธเช่นนี้มาใช้กับศาสตราจักรพรรดิ นั่นก็ไม่เหมือนกันแล้ว ระดับความยากทวีคูณขึ้นเท่าตัว!
โดยทั่วไปแล้วแม้แต่มหาปฐมาจารย์สลักวิญญาณอย่างเลี่ยนชิงฉี ก็ไม่มีทางใช้วิธีหลอมอาวุธเช่นนี้เด็ดขาด
เพราะจะล้มเหลวและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายๆ
“ถึงจะบอกว่าวิธีนี้ยากเย็นหาใดเปรียบ อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายที่สุด แต่ขอเพียงสำเร็จ… คุณภาพของศาสตราจักรพรรดิที่หลอมออกมาก็ไม่ใช่เล่นๆ เลย!”
ทันทีที่เลี่ยนจิ่วเซียวเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็ได้รับการเห็นด้วยจากทั่วลาน
เพียงแต่หลินสวินจะทำสำเร็จหรือไม่
ขณะที่ในหัวทุกคนผุดความคิดนี้ขึ้นมา ทันใดนั้นก็เห็นแผนภาพกระบวนผนึกลายมรรคขนาดใหญ่รวมแปดสิบเอ็ดสายหลอมเข้าสู่เจตวัตถุในเตาหลอมโดยสมบูรณ์ และเกิดการเปลี่ยนแปลงสะเทือนฟ้าดินขึ้นในเวลานี้
ตูม!
รุ้งเทพสาดกระหน่ำดั่งสายฝน ประกายเทพมากมายพุ่งทะยาน
ในเตาหลอม กลิ่นอายสังหารที่แข็งแกร่งไร้ทัดเทียมลอยคลุ้งเงียบๆ จากนั้นแสงสมบัติราวม่านน้ำตกสายหนึ่งสาดพุ่งตามออกมาติดๆ
ชั่วอึดใจนี้เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งกลุ่มต่างรู้สึกเจ็บแปลบแสบตา เมื่อครรลองสายตากระจ่างชัด ก็เห็นทวนอสรพิษเล่มหนึ่งลอยกลางอากาศเหนือเตาหลอมใบนั้น ตัวทวนสีดำเจือแสงมรรคดุจกระแสน้ำหลาก ปลายทวนแหลมคมสาดประกายหนาวสะท้านน่าหวาดหวั่นออกมา
ห้วงอากาศรอบๆ ทวนอสรพิษพังถล่มร้องครวญ คล้ายทนรับอานุภาพน่าสะพรึงที่สมบัติชิ้นนี้ปลดปล่อยออกมาไม่ได้
สำเร็จแล้ว!
เลี่ยนจิ่วเซียวและสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิช่างเทพทั้งกลุ่มต่างเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสะท้านสะเทือน
จากสายตาของพวกเขามีหรือจะมองไม่ออกว่าสมบัติชิ้นนี้ไม่เพียงแค่หลอมสำเร็จ อานุภาพยังน่ากลัวเหนือธรรมดาอีกด้วย
ศาสตราจักรพรรดิที่มีลายสมบัติมรรคจักรพรรดิอย่างน้อยก้าวสายถึงจะเรียกว่าเป็น ‘ขั้นลึกลับชั้นต่ำ’ ได้
และศาสตราจักรพรรดิชิ้นนี้ที่หลินสวินหลอมออกมา มีลายสมบัติมรรคจักรพรรดิสี่สิบแปดสายเต็ม ขาดอีกแค่สายเดียวก็สามารถจัดอยู่ใน ‘ขั้นลึกลับชั้นกลาง’ ได้แล้ว!
และศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับชั้นต่ำเช่นนี้ มักถูกยกให้เป็น ‘ของชั้นยอด’ ในขั้นเดียวกัน!
“นี่ยังไม่ถึงสามชั่วยามเลยกระมัง” เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งใจสะท้าน ภายในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ไม่เพียงหลอมสำเร็จ แต่ยังหลอมของชั้นยอดออกมาชิ้นหนึ่ง ฝีมือระดับนี้เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้หลินสวินเคยช่วยเลี่ยนเฟยเจี่ยหลอมศาสตราจักรพรรดิชั้นยอดในขั้นลึกลับชั้นสูงออกมาชิ้นหนึ่ง แต่นั่นแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น สิ่งที่หลินสวินทำเป็นแค่การแก้ปัญหาที่ติดขัดอยู่ด้านการวางกระบวนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ต่างออกไป ตั้งแต่เริ่มหลอมจนถึงสลักกระบวนลายมรรค กระทั่งศาสตราจักรพรรดิออกจากเตายังไม่ถึงสามชั่วยามเลย ความเร็วระดับนี้เรียกได้ว่าชวนตะลึง!
“น่าเสียดาย” จู่ๆ เสียงทอดถอนใจของหลินสวินก็ดังลอยมา ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่กำลังสะท้านและทอดถอนใจทั้งกลุ่มต่างอึ้งไป
น่าเสียดาย?
หมายความว่าอย่างไร
“สหายยุทธ์หลินเหตุใดถึงถอนใจ” เลี่ยนจิ่วเซียวอดเอ่ยถามไม่ได้
หลินสวินจ้องมองทวนอสรพิษที่เพิ่งออกจากเตาอันนั้น เสียงเจือความจนปัญญา “เดิมทีด้วยฝีมือของข้า ต่อให้ไม่เพิ่มเจตวัตถุใดๆ อีกก็สามารถหลอมศาสตราจักรพรรดิชิ้นนี้ให้ถึงขั้นลึกลับชั้นกลางได้ แต่ในใบสั่งงานกำหนดให้หลอมแค่ขั้นลึกลับชั้นต่ำ ดังนั้นในจังหวะสุดท้ายข้าจึงต้องหักห้ามใจเอาไว้หน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้มุมปากของพวกเลี่ยนจิ่วเซียวล้วนกระตุกขึ้นมาแรงๆ สีหน้าแตกต่างกันออกไป
……………………..