ผู้อาวุโสห้ามีนามว่าหวงชางไห่
สาเหตุที่ทุกคนตกตะลึงและเดือดดาลถึงขั้นไม่มีอะไรยิ่งกว่า เป็นเพราะหวงชางไห่คือน้องชายแท้ๆ ของหวงชางเทียน!
แต่เห็นได้ชัดว่าหวงชางไห่ก็ทรยศแล้ว ทั้งทันทีที่ลงมือก็ตัดหัวเลี่ยนชิงฉีด้วย
เลี่ยนชิงฉีไม่ใช่แค่ปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้าคนหนึ่ง ปัจจุบันกระบวนค่ายกลผนึกของเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงนี้ก็ต้องควบคุมและโคจรโดยเลี่ยนชิงฉี
เมื่อเขาตาย เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงก็ตกอยู่ในอันตราย!
“เจ้าสวะ!”
หวงชางเทียนโกรธจนเส้นเลือดเขียวปูดโปน ชักกระบี่ติดตัวออกมา เงื้อเตรียมจะตัดหัวหวงชางไห่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ขัดขวางและห้ามปราม
“หัวหน้าเผ่าไม่ได้นะขอรับ บางทีผู้อาวุโสห้าอาจถูกศัตรูควบคุม ไม่เป็นตัวของตัวเอง!”
หวงชางเทียนถูกขวาง แต่หวงชางไห่กลับเหมือนทุ่มสุดตัว ส่งเสียงหัวเราะลั่น “พี่ใหญ่ ท่านตัดคอข้าสิ ถึงอย่างไรเผ่าหงส์เซียนของพวกเราก็จะดับสิ้นในมือท่าน ตายเร็วหรือตายช้าจะต่างอะไรกัน”
“เจ้า…” หวงชางเทียนไอสังหารพลุ่งพล่าน โกรธจนจะระเบิด ดวงตาคั่งโลหิต
ทัพใหญ่ของศัตรูประชิดเมือง เดิมทีสถานการณ์ก็ล่อแหลมอันตราย แต่เวลานี้ในเผ่าของพวกเขากลับเกิดเภทภัย นี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกเมืองพวกไป๋หลิงเจินกับอู่ซิวสิงต่างหัวเราะขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูก
กองทัพใหญ่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็หัวเราะ เสียงหัวเราะดังก้องฟ้าดินเหมือนกระแสน้ำ
ในเมืองผู้แข็งแกร่งของเผ่าหงส์เซียนและเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ สีหน้าแต่ละคนล้วนอึมครึมจนประหนึ่งจะมีน้ำหยดออกมา โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“หนอนบ่อนไส้กับคนทรยศ มักจะน่าชังกว่าศัตรู”
ต้าหวงถอนหายใจ “หากเป็นอย่างที่ข้าพูด พวกเขากล้าไปช่วยศัตรูโดยไม่สนแม้แต่ชีวิต ทำไมไม่ให้พวกเขาสมปรารถนา สำเร็จโทษพวกเขาซะ?”
“ไม่ได้!”
หลายคนคัดค้าน เชื่อว่าการทรยศของหวงโหย่วเต้าและหวงชางไห่ต้องมีสาเหตุอื่นแน่ มีโอกาสสูงว่าจะเป็นการกระทำที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
หวงชางเทียนก็เผยความลังเลและดิ้นรน
ต้าหวงแค่นเสียงเย็นชาแล้วกล่าวเสียงขรึม “ศัตรูแข็งแกร่งอยู่เบื้องหน้า หากไม่ฆ่าพวกเขาสองคนให้กองพลสบายใจ ไหนเลยจะมีขวัญกำลังใจไปต้านการโจมตีของศัตรู”
คนมากมายต่างถลึงตามองต้าหวง นี่คือเรื่องของพวกเขาเผ่าหงส์เซียน มีหรือจะยอมให้คนนอกออกความเห็น
ฟุ่บ!
พลันเห็นหวงชางเทียนสะบัดกระบี่ ยามทุกคนไม่ตอบสนองก็ตัดหัวของหวงชางไห่แล้ว เลือดสีสดสาดกระเซ็นไปทั้งตัว
ทุกคนต่างอึ้งงัน นี่เป็นถึงน้องชายแท้ๆ ของหัวหน้าเผ่า แต่กลับถูกหัวหน้าเผ่าสังหารด้วยตัวเอง!
“ไม่ว่าจะเป็นใคร โจรทรยศล้วนสมควรตาย!”
หวงชางเทียนใบหน้าไร้ความรู้สึก แววตาเยียบเย็นจนน่ากลัว มองไปยังผู้อาวุโสสามหวงโหย่วเต้า “ข้าคร้านจะถามเหตุผลแล้ว ตั้งแต่พริบตาที่พวกเจ้าทรยศก็สมควรตายแล้ว!”
“เจ้า… ทำไมเจ้าถึงกล้า…” หวงโหย่วเต้าเองก็ตาค้าง เดิมเขาคิดว่าฉากจบที่เลวร้ายที่สุดก็แค่ถูกกำราบกักขัง ใครจะคิดว่าเวลานี้หวงชางเทียนกลับเลือดเย็นไร้ปรานีเช่นนั้น
ฟุ่บ!
แสงกระบี่ส่องประกาย หวงโหย่วเต้ายังพูดไม่ทันจบก็ถูกฆ่าตายคาที่ ก่อนตายบนสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและยากจะเชื่อ
“ในช่วงความเป็นตาย ข้าไม่อยากใช้กระบี่ในมือฟันคนในเผ่าของตัวเองอีก” หวงชางเทียนสีหน้าเรียบเฉย มีความน่าเกรงขามที่สะกดข่มผู้คนอย่างหนึ่ง
เวลานี้คนในเผ่าหงส์เซียนและเผ่าจักรพรรดิช่างเทพล้วนสั่นสะท้าน
ตูม!
ทันใดนั้นกระบวนค่ายกลผนึกรอบเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงพลันสั่นสะเทือน ที่แท้กองทัพใหญ่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำที่อยู่นอกเมืองก็เปิดฉากจู่โจมใหม่อีกครั้งแล้ว
ไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิงต่างนำสัตว์ประหลาดเฒ่าในเผ่าลงมือพร้อมกัน ระดับจักรพรรดินับร้อยคนออกศึก อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาราวกับธารสวรรค์ทลายเขื่อนแตก ทำให้ฟ้าดินพังทลาย สรรพสิ่งดับมอด!
กระบวนค่ายกลผนึกที่ปกคลุมรอบเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงถูกโจมตีจนม้วนซัดอย่างรุนแรง เหมือนจะพังทลายได้ตลอดเวลา
ไม่มีเลี่ยนชิงฉีควบคุม เลี่ยนจิ่วเซียวกับสัตว์ประหลาดเฒ่าเผ่าจักรพรรดิช่างเทพลงมือพร้อมกันก็ได้แต่คงสภาพการโคจรของกระบวนค่ายกลผนึกเท่านั้น
สีหน้าของพวกเขาต่างร้อนรนขึ้นมา พากันเอ่ยปาก “ใต้เท้า ใกล้ยืนหยัดไม่อยู่แล้ว!”
หวงชางเทียนสีหน้าวูบไหวไม่หยุด ครู่ใหญ่จึงเอ่ยถาม “ลูกหลานรุ่นเยาว์ในเผ่า เตรียมพร้อมรับมือแล้วใช่หรือไม่”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
“เช่นนั้นก็ช่างปะไร”
เวลานี้หวงชางเทียนเหมือนจะทุ่มสุดตัว กล่าวด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ความหวังหนึ่งเดียวของพวกเราอยู่ที่ใต้เท้าบรรพชน ทุกท่าน ยินดีสู้สุดชีวิตไปถึงตอนท้ายพร้อมข้าหรือไม่”
“ยินดี!”
ทุกคนตอบรับสนั่นหวั่นไหว สีหน้าเด็ดเดี่ยว
หวงชางเทียนหัวเราะร่า “ดี! วันนี้กระดูกเฒ่าอย่างพวกเราจะสู้ให้เต็มที่ ยอมตายดีกว่าก้มหัว!”
น้ำเสียงเจือความองอาจผ่าเผยหาใดเปรียบ
แต่เสียงที่โจมตีเมืองนั้นกลับกระชั้นถี่ยิ่งกว่าเดิม ส่งเสียงกึกก้องราวอสนีบาต เพิ่มความกดดันที่พาให้คนสิ้นหวังเหมือนเสียงบรรเลงกระชากวิญญาณ
สายตาหวงชางเทียนมองไปยังพวกซีพลางกล่าว “สหายยุทธ์ทั้งสามเชิญกลับไปที่ร้านช่างเทพ แนวป้องกันสุดท้ายได้แต่มอบให้พวกเจ้าจัดการแล้ว”
เนื่องจากมีผู้ทรยศ เวลานี้หวงชางเทียนถึงขั้นไม่กล้าเชื่อคนในเผ่าที่อยู่ข้างกายพวกนั้นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“ยอมพลีชีพจริงหรือ” ซีเอ่ยถาม
หวงชางเทียนยิ้มกล่าว “ทำไมจะไม่ได้”
นัยน์ตากระจ่างของซีกวาดมองไปนอกเมืองพลางกล่าว “ระดับจักรพรรดิที่อยู่นอกเมืองแม้มีมากนับร้อยคน แต่คนที่อยู่ในระดับบรรพจารย์จักรพรรดิกลับมีแค่สิบเก้าคนเท่านั้น ขอแค่จัดการสิบเก้าคนนี้ได้ การต่อสู้นี้พวกเขาต้องแพ้แน่”
ทุกคนได้ยินแล้วพลันตกตะลึง แน่นอนว่าพวกเขาก็รู้ว่าสิ่งที่ซีพูดถูกต้องที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือ…
นั่นคือบรรพจารย์จักรพรรดิสิบเก้าคนเต็มๆ!
เพียงคนเดียวก็สำแดงอานุภาพทลายฟ้ามลายดินได้แล้ว นับประสาอะไรกับสิบเก้าคน
พูดอย่างไม่เกินจริง ในหมู่ระดับจักรพรรดิ คนที่อยู่ในระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ แน่นอนว่ายืนอยู่ในกลุ่มผู้ยิ่งใหญ่ขั้นปลายยอด สามารถโอหังเหนือระดับจักรพรรดิทั้งหมด!
พอมองด้านเผ่าหงส์เซียนและเผ่าจักรพรรดิช่างเทพของพวกเขาอีกครั้ง เมื่อนำมารวมกันแล้วก็มีระดับบรรพจารย์จักรพรรดิแค่หกคนเท่านั้น อย่างน้อยในด้านจำนวนก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบชัดๆ
แน่นอนว่าต่อให้รวมซีกับต้าหวงเข้าไปด้วยก็ไม่สามารถสร้างแรงคุกคามได้อย่างสิ้นเชิง!
ขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าซีพูดไร้สาระในเรื่องที่ถูกต้องหาใดเปรียบ ซีเอ่ยปากอีกครั้ง
“ข้าคนเดียวหากสู้เต็มกำลัง สามารถสกัดบรรพจารย์จักรพรรดิได้ห้าถึงเจ็ดคน”
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนอดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้ จิตใจปั่นป่วน
ความหมายในคำพูดนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เพียงแต่เมื่อนึกถึงภาพการต่อสู้ของซีกับบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นเมื่อครู่ ทุกคนล้วนสัมผัสได้รางๆ ว่าซี… ไม่ใช่คนที่คุยโววางท่า
ต้าหวงใคร่ครวญเนิ่นนานอย่างสับสน จากนั้นจึงกล่าวอย่างลังเล “ข้า… อืม อย่างมาก… น่าจะ… สกัดได้สัก… สามคนกระมัง”
เห็นได้ว่ามันไม่มั่นใจนัก ทำให้ทุกคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สายตาคลางแคลงเช่นนี้กลับทำให้ต้าหวงขนตั้งในชั่วขณะเดียว แค่นเสียงกล่าว “สองคนย่อมไม่มีปัญหา สามคนแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่!”
“ต่อให้มีปัญหาข้าก็ช่วยเจ้าได้” ซย่าจื้อเอ่ยปากอยู่ด้านข้างไอรีนโนเวล
ไม่ว่าพวกซี ต้าหวง ซย่าจื้อจะทำได้หรือไม่ ท่าทางเช่นนี้ของพวกเขาล้วนทำให้พวกหวงชางเทียนอดไหวหวั่นไม่ได้
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย คนนอกอย่างพวกเขากลับพากันก้าวออกมา ต้องการสังหารศัตรูร่วมกับพวกเขา เปรียบเทียบกับผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าที่ทรยศแล้ว มีหรือจะไม่ทำให้คนสะท้อนใจ
“ขอบคุณมาก!”
หวงชางเทียนลุกขึ้นคำนับ
ผู้อาวุโสคนอื่นของเผ่าหงส์เซียนและเผ่าจักรพรรดิช่างเทพก็คำนับพร้อมกัน
นี่กลับทำให้ต้าหวงเคอะเขินอยู่บ้าง กล่าวกระแอมไอ “พวกเจ้าอย่าคิดมาก พวกเราทำเช่นนี้ก็เพื่อช่วยเจ้าหนูหลินสวินนั่น”
ตอนนี้หลินสวินกำลังหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์อยู่ที่ร้านช่างเทพ ถ้าถูกศัตรูบุกเข้าไปต้องเกิดเหตุไม่คาดฝันแน่
หากมองจากมุมนี้ สิ่งที่ต้าหวงพูดก็ไม่ผิดแม้แต่น้อย
ตูม…
การโจมตีของศัตรูรุนแรงยิ่งกว่าเดิม กระบวนค่ายกลผนึกของเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงโงนเงนไม่มั่นคง
“หากไม่อยากรอให้เมืองถล่ม ถูกศัตรูอาศัยช่วงชุลมุนจนบุกไปถึงร้านช่างเทพ ทุกท่านต้องฉวยโอกาสนี้บุกโจมตีออกไปนอกเมือง”
ซีพูดพลางลงมือพุ่งออกไปนอกเมืองเป็นคนแรก ท่าทางทรงสง่า คล้ายสัมผัสความตื่นตระหนกไม่ได้แม้เพียงเสี้ยว
ซย่าจื้อกับต้าหวงตามไปติดๆ
ท่าทางสุขุมเยือกเย็นและเฉยชานั้น ทำให้ทุกคนโลหิตเดือดพล่านสุมอก พุ่งตามออกไปนอกเมืองโดยไม่ลังเล
“ฆ่า!”
“มาถึงตอนนี้แล้ว ยังจะไปพะวงเรื่องอื่นได้อย่างไร ฆ่าให้สะใจไปเลย!”
“ไป!”
หวงชางเทียนพาเฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าหงส์เซียนทั้งหมดพุ่งออกไปนอกเมืองพร้อมกัน
เลี่ยนจิ่วเซียวรวมถึงผู้อาวุโสทั้งหมดของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพกลับอยู่ต่อ โคจรและควบคุมกระบวนค่ายกลผนึกในเมืองอย่างเต็มกำลัง
“โจมตีออกมาแล้วหรือ”
ไป๋หลิงเจินประหลาดใจ
“สุนัขถูกบีบจนตรอกแล้ว ได้แต่พูดว่าพวกเขารู้อยู่ว่าต้องแพ้ถึงได้ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย”
อู่ซิวสิงยิ้มเฉยชากล่าว
แม้จะพูดเช่นนี้ การตอบสนองของทั้งสองล้วนไม่เชื่องช้า ถึงขั้นตั้งแต่พริบตาแรกที่พวกซีปรากฏตัวก็ถูกพวกเขาจับจ้อง!
ตูม!
ศึกใหญ่ปะทุขึ้นโดยไม่ต้องห่วงกังวลสักนิด ทำให้ฟ้าดินแถบนั้นตกอยู่ในความปั่นป่วน แสงมรรคโหมกระหน่ำเจือศาสตราจักรพรรดินานัปการม้วนกลืนฟ้าดิน แสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายเรืองรองระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง ภาพนั้นราวกับมหันตภัยวันสิ้นโลกมาเยือนจริงๆ
…
ขณะเดียวกัน
ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง ภายในแดนลับ
อสนีเคราะห์ส่งเสียงกัมปนาท ฟาดผ่าลงมาเหมือนน้ำตกทางช้างเผือก คล้ายว่าหากไม่ทำลายศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่ยังไม่หลอมออกมานั้นก็จะไม่เลิกรา
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงที่ร่างเดิมหลอมรวมกับเพลิงมรรคอัศจรรย์ เวลานี้ก็รู้สึกกดดันมาก ถึงขั้นว่ายามช่วยหลินสวินหลอมอาวุธ ก็ต้องต้านเคราะห์สวรรค์ไปพร้อมกันจนได้รับบาดเจ็บ!
“เคราะห์นี้… น่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร”
เวลานี้จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงก็ไม่อาจสงบใจ เมื่อนานมาแล้วนางเคยเห็นด่านเคราะห์ที่เตามารดาหลอมสมบัติเคยได้รับยามหลอมเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนกับตาตนเอง
ตอนนั้นเตามารดาหลอมสมบัติไม่อาจไม่พลีชีพ ถึงปกป้องเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนจากด่านเคราะห์ได้
แต่อานุภาพของมหาเคราะห์ในตอนนั้น ไม่น่ากลัวเท่าด่านเคราะห์ที่หลินสวินประสบยามหลอมอาวุธในตอนนี้!
ไม่ใช่แค่อานุภาพที่แข็งแกร่งกว่า ถึงขั้นแปลกประหลาดหาใดเปรียบด้วยซ้ำ เหมือนว่าหากไม่ทำลายสมบัตินี้ ด่านเคราะห์นี้ก็จะไม่ยอมสิ้นสุด
หลินสวินในตอนนี้ก็สีหน้าจริงจังเป็นประวัติการณ์ ใบหน้าซีดเผือดจนแทบโปร่งแสง
การหลอมอาวุธมาถึงช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานครั้งสุดท้ายแล้ว แต่เนื่องจากถูกอสนีเคราะห์นั้นขวางไม่หยุด โครงอาวุธที่หลอมเสร็จนานแล้วในเพลิงมรรคอัศจรรย์จึงไม่อาจแปรสภาพในก้าวสุดท้ายให้สำเร็จ
ตูม!
ทันใดนั้นส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ มีเสียงกัมปนาทที่ผิดแผกจากปกติดังขึ้น พลันเห็นแสงเคราะห์ขมุกขมัวสายหนึ่ง เปล่งแสงต้องห้ามแปลกประหลาดค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมา
เมื่อมองไปจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงก็ตกใจจนขนพองสยองเกล้า กล่าวเสียงหลง “นี่… หรือว่าจะเป็นแสงเคราะห์ดับมรรคในตำนาน”
………………………