หลินสวินไม่รู้เลยว่าปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้าดินที่การหลอมอาวุธครั้งนี้ชักนำมานั้น ก่อให้เกิดความโกลาหลนอกเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงมากแค่ไหน
ตอนนี้แววตาของเขาจ้องมองศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่ปรากฏออกมาจากเพลิงมรรคอัศจรรย์นั้น เผยความรู้สึกสั่นสะท้าน
นั่นคือเตาหลอมใบหนึ่ง มีสามขาสองหู แผ่ไอพลังพร่ามัวหนักแน่นที่คงอยู่มาตั้งแต่โบราณกาล ดูศักดิ์สิทธิ์ไม่เสื่อมสูญ
บนเรือนเตาปกคลุมด้วยพลังมหามรรคที่เหมือนพญามังกรมากมาย สานพันเป็นละอองแสงแห่งกฎเกณฑ์ไหลวนลอยล่อง วิวัฒน์ออกมาเป็นลักษณ์ประหลาดอัศจรรย์นานัปการเช่นสุริยันจันทราดารา สรรพสิ่งในใต้หล้า กาลเวลาเวียนวน การเปลี่ยนแปลงของโลก หลักการฟ้าดิน สรรพสิ่งผันเปลี่ยน…
แค่เตาหลอมใบเดียวกลับเหมือนครอบคลุมนัยเร้นลับของวัฏจักรแห่งโลกหล้า เห็นได้ว่าน่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ!
ปากเตาหลอมมีแสงเทพเปล่งประกายพวยพุ่ง ละอองแสงราวน้ำตก สัญลักษณ์ที่วิวัฒน์จากวิชามรรคนานัปการพราวระยับอยู่ภายใน เหมือนกำลังสำแดงหมื่นวิชาทั่วหล้า
เตาหลอมนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว มองจากไกลๆ ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเหมือนศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ชิ้นหนึ่ง กลับเป็นว่าเหมือนร่างจำแลงของ ‘มหามรรค’ พาให้คนรู้สึกสั่นสะท้าน สัมผัสได้ถึงอานุภาพสูงส่งที่เหมือนถาโถมเข้าใส่
มันลอยอยู่กลางอากาศ แดนลับแห่งนี้ล้วนสั่นสะเทือนไปด้วย ห้วงอากาศใกล้เคียงครวญคร่ำราวกับกำลังยอมจำนน
“ในเตาหลอมนี้มีความเร้นลับอื่นอยู่!”
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงกล่าวพึมพำคล้ายละเมอ หว่างคิ้วขาวสะอาดถูกความสั่นสะท้านและตกตะลึงเข้ามาเติมเต็ม
นางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในเตาหลอมที่เหมือนไม่เสื่อมสูญนั้น มีไอดุดันเกรี้ยวกราดที่น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบซ่อนอยู่ ราวกับดาบไร้เทียมทานเล่มหนึ่งที่ผนึกอยู่ใต้แดนอเวจี เพียงออกจากฝักก็แหวกผ่านท้องนภาได้!
ครู่ต่อมาในเตาหลอมนั้นก็เกิดลักษณ์ประหลาดน่ากลัวดังคาด สะท้อนเงากระบี่ขมุกขมัวราวม่านหมอกที่เหมือนไอแรกกำเนิดสายหนึ่ง
แม้จะเป็นแค่เงากระบี่สายหนึ่ง แต่กลับมีไอพลังเฉียบคมเหนือโลก คล้ายว่าบดทลายฟ้าดารา ตัดขาดการเปลี่ยนแปลงชั่วกาลได้!
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงส่งเสียงอึดอัด แสบตาไปหมด จิตวิญญาณเหมือนถูกเฉือนตัดอย่างดุดัน
นี่ทำให้นางตกใจยิ่งกว่าเดิม แค่เงากระบี่สายหนึ่งที่สะท้อนออกมาเท่านั้นก็มีอานุภาพน่าเหลือเชื่อเช่นนี้แล้ว หากกระบี่ที่ซ่อนอยู่ในเตาหลอมนั้นปรากฏตัวอย่างแท้จริง อานุภาพนั้นจะน่ากลัวระดับใด
ขณะที่มองอย่างอึ้งงันอยู่ครู่ใหญ่ ในใจหลินสวินพลันเกิดความรู้สึกอัศจรรย์อย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าเตาหลอมที่อยู่ห่างไกลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถีทั้งตัวเขา ขอแค่ตนขับเคลื่อนความคิดก็ทำให้เตาหลอมนี้สำแดงอานุภาพนานัปการออกมาได้ตามประสงค์!
“มานี่”
หลินสวินกวักมือ
เตาหลอมที่อยู่ห่างไกลพลันกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งตกลงบนฝ่ามือเขา หมอกแสงแผ่วจาง แสงมรรคสลายไป เผยโฉมหน้าแท้จริงที่เรียบง่ายและดั้งเดิมออกมา
มีแค่ในเตาหลอมที่ไอขุ่นมัวพวยพุ่ง มีเพลิงเทพหมอกไฟไหลวนอยู่รางๆ ดูลึกลับหาใดเปรียบ
แต่ในความรู้สึกของหลินสวิน ภายในเตาหลอมนี้หล่อเลี้ยงกระบี่มรรคไว้เล่มหนึ่ง เก็บซ่อนอยู่ในไอขุ่นมัว ถูกเปลวไฟสีม่วงแปลกประหลาดหลากสายหล่อเลี้ยง เห็นได้ว่าลึกลับหาใดเปรียบ
เห็นดังนี้ใจที่เครียดเกร็งมาตลอดของหลินสวินเหมือนยกภูเขาออกจากอก ผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์
เตาหลอมที่หล่อเลี้ยงกระบี่มรรคใบหนึ่ง!
นี่ก็คือแบบร่างอาวุธที่หลินสวินออกแบบและอนุมานมานับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้ในช่วงแรกของการหลอมอาวุธ
รากฐานแห่งมหามรรคของเขาราวกับไอขุ่นมัว คล้ายเตาหลอมเหมือนกระถาง ไม่เคยมีมาก่อน ทั่วหล้ามีเพียงหนึ่งเดียว
วิชามรรคที่เขาสรรค์สร้างก็มีนามว่า ‘คัมภีร์เตาหลอมมหามรรค’ อนุมานและสร้างขึ้นมาจากมรรควิถีทั้งตัว สามารถหลอมหมื่นมรรคทั่วหล้า วิวัฒน์หมื่นวิชาในใต้หล้า
กระทั่งหลังจากที่เขาบรรลุจักรพรรดิ เจตจำนงจิตวิญญาณก็ควบรวมเป็นเตาหลอมใบหนึ่ง ราวกับอาวุธที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ ควบคุมดูแลอยู่ในห้วงนิมิต!
เดิมทีความคิดแรกของหลินสวินก็คือหลอมเตาหลอมใบหนึ่งมาเป็นศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ เช่นนี้จึงจะสอดคล้องกับมรรควิถีของตนที่สุด
แต่หลังจากผ่านการกลั่นกรองและใคร่ครวญนับครั้งไม่ถ้วน เขากลับมีความคิดใหม่อย่างหนึ่ง
เตาหลอม สามารถกำราบทั่วหล้าหมื่นพิภพ แม้จะมีความอัศจรรย์ของการโจมตีและป้องกัน แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญก็อยู่ที่การรองรับหมื่นมรรคา ควบคุมหมื่นวิชา
หากหล่อเลี้ยงกระบี่มรรคเล่มหนึ่งไว้ในเตาหลอมได้ นั่นก็ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
กระบี่ อาวุธที่ดุดันที่สุดในใต้หล้า
มรรคกระบี่ คือมรรคยอดสังหารในใต้หล้า
หล่อเลี้ยงกระบี่มรรคเล่มหนึ่งไว้ในเตาหลอม เท่ากับเติมเต็มอานุภาพด้านการโจมตีและสังหารให้เตาหลอมอย่างไม่ต้องสงสัย
สรุปง่ายๆ ก็คือศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่หลินสวินปรารถนามาตลอด ใช้ได้ทั้งโจมตีและป้องกัน
โจมตี ทรงพลังเกินต้านทาน
ป้องกัน ไม่อาจสั่นคลอน!
เตาหลอมที่อยู่ตรงหน้าสำแดงอานุภาพเฉพาะตัวนี้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เตาหลอมสามารถสยบกาลนิรันดร์ ไม่อาจสั่นคลอน ส่วนกระบี่มรรคเล่มหนึ่งที่หล่อเลี้ยงอยู่ในเตาหลอมก็ดุดันไม่เป็นสองรองใคร!
เตาหลอมนี้สามารถเรียกได้ว่า ‘เตากระบี่’ !
ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือเตาหลอมราวกับฝักกระบี่ หล่อเลี้ยงกระบี่มรรคไว้ภายใน เผยความสมบูรณ์ที่เสริมส่งกันและกันกับกระบี่มรรค
ขณะเดียวกันหลินสวินยังสังเกตเห็นว่ากระบี่มรรคในเตาหลอม ยามถูกเพลิงเทพสีม่วงหลากสายหล่อเลี้ยงก็ถูกผนึกไปด้วย!
เพลิงเทพสีม่วงหลากสายนั้นเหมือนโซ่ระเบียบชั้นหนึ่ง พันธนาการอานุภาพของกระบี่มรรค ไม่เช่นนั้นอานุภาพที่กระบี่นี้ครอบครองคงไม่เหมือนตอนนี้แน่
นี่ทำให้หลินสวินตะลึงงัน นึกถึงช่วงสุดท้ายของการหลอมอาวุธ เป็นเพลิงเทพสีม่วงคล้ายระเบียบที่สลายแสงเคราะห์สีเทาสายนั้นนั่นเอง!
ตอนนี้พลังหลังจากถูกสลายของแสงเคราะห์สีเทาสายนั้นหลอมรวมเข้าไปในเตากระบี่แล้ว ส่วนเพลิงเทพสีม่วงก็กลายเป็นเครื่องพันธนาการอย่างหนึ่ง พันรอบกระบี่มรรคนี้ไว้
ในตอนนี้เองแววตาของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมา นางได้รับคำบอกกล่าวจากบรรพชนหงส์เซียน เข้าใจนัยเร้นลับของเตากระบี่นี้แล้ว
ผ่านไปครู่ใหญ่นางจึงเอ่ยปาก “นั่นคือพลังต้นกำเนิดของแดนหงส์เซียน ถูกบรรพชนหงส์เซียนหลอมเป็นเพลิงหงส์ระเบียบ พลังที่ช่วยเจ้าสลายแสงเคราะห์ดับมรรคในช่วงสุดท้ายก็คือเพลิงหงส์ระเบียบ…”
หลินสวินเพิ่งเข้าใจกระจ่าง รู้สึกตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
เพลิงหงส์ระเบียบ!
พลังระเบียบต้นกำเนิดของโลกหล้า!
หลินสวินรู้จักพลังนี้ดี ตอนนั้นเขาก็เคยควบคุมพลังระเบียบของแดนปรินิพพานด้วยตัวเอง
หรืออย่างมุกสยบหล้าที่อ๋าวซิงถังถือครองในปัจจุบัน ก็เป็นพลังระเบียบต้นกำเนิดของแดนวังมังกรเช่นเดียวกัน
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าสิ่งเร้าที่ทำให้ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตนหลอมสำเร็จ ถึงกับเป็นเพลิงหงส์ระเบียบ ทั้งพลังต้นกำเนิดของโลกเช่นนี้ยังซึมซาบเข้าไปในศาสตราจักรพรรดิของตน กลายเป็นผนึกอย่างหนึ่งที่หล่อเลี้ยงและให้กำเนิดกระบี่มรรคในเตาหลอมด้วย!
และจากคำพูดของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง ในวันข้างหน้าเพลิงหงส์ระเบียบที่เตากระบี่สามารถดูดซับยิ่งมาก อานุภาพที่แปรสภาพได้ก็ยิ่งน่าหวาดกลัว
ถึงอย่างไรเพลิงหงส์ระเบียบก็เป็นถึงพลังต้นกำเนิดของแดนหงส์เซียน อานุภาพเช่นนั้นมีหรือจะธรรมดา
เมื่อหลินสวินใจเย็นลงก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง “บรรพชนหงส์เซียนตื่นจากการนิพพานแล้วหรือ”
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงส่ายหัว “ยังขาดก้าวย่างสุดท้าย”
นางไม่ได้บอกหลินสวิน ว่าเดิมทีเพลิงหงส์ระเบียบนั้นเป็นพลังที่บรรพชนหงส์เซียนต้องใช้ในการแปรสภาพครั้งสุดท้าย ตอนนี้เมื่อไม่มีการช่วยเหลือของพลังนี้ บรรพชนหงส์เซียนจะรอดจากการแปรสภาพครั้งสุดท้ายได้หรือไม่…
มีแค่ประเด็นนี้เท่านั้น!
“ตอนนี้ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเจ้าหลอมสำเร็จแล้ว ฉวยโอกาสก่อนที่ศัตรูจะบุกเข้ามารีบฟื้นฟูพลังของเจ้าเถอะ”
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงถอนหายใจเบาๆ
ศัตรู!
นัยน์ตาดำของหลินสวินหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อพลิกฝ่ามือเตากระบี่ก็พุ่งเข้าไปในร่างอย่างเงียบเชียบ ควบคุมดูแลอยู่ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์
เขานั่งขัดสมาธิกับพื้น เริ่มนั่งสมาธิฝึกปราณ
“เวลากระชั้นแล้ว ข้าช่วยหนุนเจ้าเอง”
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ไอขุ่นมัวที่เปล่งประกายพร่างพราวสายหนึ่งปกคลุมร่างของหลินสวินไว้ราวกับน้ำตก
ชั่วพริบตาไอขุ่นมัวนั้นโถมเข้าสู่ร่างกายของหลินสวิน พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบส่องประกาย ร่างกายที่เหมือนอ่อนเพลียและหมดกำลังนั้นของเขาฟื้นฟูด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเช่นกัน
นี่ทำให้หลินสวินอดตกใจไม่ได้ พลังแรกกำเนิดแข็งแกร่งมาก!
เขาถึงขั้นสัมผัสได้ว่าพลังปราณของตนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
“จดจ่อกับการฝึกปราณ อย่าทำให้พลังของ ‘แกนเทพแรกกำเนิด’ นี้เสียเปล่า”
เสียงของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงดังขึ้น คราวนี้หลินสวินถึงได้เข้าใจ สิ่งที่เขาดูดซับและหล่อหลอมในตอนนี้ ถึงกับเป็นแกนเทพแรกกำเนิดที่สามารถทำให้ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคลุ้มคลั่งนั่น!
เขาไม่กล้าคิดมากอีก เริ่มหลอมเต็มกำลัง
‘การเก็บตัวและนิพพานหมื่นกาล สุดท้ายกลับทำให้เด็กคนนี้สมปรารถนา เจ้า… คิดอะไรกันแน่’
ขณะเดียวกันจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงก็สื่อจิตเอ่ยข้อสงสัยในใจออกมา
ส่วนลึกที่สุดของทะเลเพลิงใต้แดนลับ ในไข่ยักษ์ที่ถูกเพลิงหงส์สีม่วงหมุนวนมีเสียงต่ำลึกเลือนรางดังขึ้น
‘ข้าบอกแล้วว่าผ่านการนิพพานหลายปีนี้ ข้ารู้แจ้งอย่างสมบูรณ์แล้ว ถ้าต้องการก้าวสู่การแปรสภาพขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องละทิ้งการช่วยเหลือของสิ่งภายนอก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเพลิงหงส์ระเบียบเป็นปราการสุดท้ายที่ผูกมัดข้าไม่ให้แปรสภาพ’
‘ตอนนี้สามารถใช้สิ่งนี้มาทำให้ทายาทของลั่วชิงสวินสมปรารถนา ในใจข้ามีแต่ความภาคภูมิ ไม่มีความอาลัยอาวรณ์แม้เพียงเสี้ยว’
‘นี่… อาจเป็นชะตาฟ้าลิขิตกระมัง…’
เมื่อจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงฟังจบก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้ ‘แต่ถ้าเจ้าล้มเหลว การนิพพานหลายปีนี้จะไม่สูญเปล่าหรือ’
บรรพชนหงส์เซียนกล่าว ‘ไม่ ข้าสัมผัสได้ว่าการนิพพานนี้ยังไม่ถึงเวลาสิ้นสุด เพียงแต่…’
‘รูปแบบของการนิพพานจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นลึกลับและไม่อาจระบุยิ่งกว่าเดิม หากทำสำเร็จ… มรรควิถีของข้าต้องเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันในอดีตปัจจุบันนิรันดร์กาลแน่ หากล้มเหลว… ก็แค่หลงทางอยู่ในการนิพพานที่ไม่อาจระบุเท่านั้น…’
คำพูดนี้เต็มไปด้วยความเร้นลับคลุมเครือที่ยากจะบรรยาย ทำให้จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงอึ้งไปอย่างอดไม่ได้
หนทางสู่นิพพานใหม่ทั้งหมด?
เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันในอดีตปัจจุบันนิรันดร์กาล?
นี่… หมายความว่าอย่างไรกันแน่
‘หั่วหลิว ช่วยข้าเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่’ เสียงของบรรพชนหงส์เซียนดังขึ้น
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเหลือบมองหลินสวินเล็กน้อย เงาร่างพุ่งวาบเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของทะเลเพลิงใต้แดนลับนั่น มองไข่ยักษ์ที่มีเปลวไฟสีม่วงไหลวนนั้นแล้วกล่าว “เจ้าเองก็รู้ ไม่ว่าเจ้าจะเรียกร้องอะไร ข้าย่อมช่วยเจ้าทั้งสิ้น”
บรรพชนหงส์เซียนกล่าว “หลายปีมานี้เจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอด คอยเฝ้าระวังให้ข้า ตอนนี้ข้าแค่หวังว่าจะทำอะไรให้เจ้าบ้าง หลังจากนี้เจ้าอย่าได้ปฏิเสธ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ไข่ยักษ์สีม่วงนั้นพลันปรากฏเปลวไฟสีม่วงที่งามตระการหาใดเปรียบแถบหนึ่ง เข้าปกคลุมร่างของจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงไว้
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงพลันหน้าเปลี่ยนสี กล่าวเสียงหลง “นี่เป็นถึงมรรควิถีทั้งตัวเจ้า! เจ้าให้ข้าทั้งหมดได้อย่างไร ไม่! ข้าไม่ต้องการ!”
แต่ไม่ว่านางจะดิ้นรนอย่างไร เพลิงเทพสีม่วงนั้นก็ปกคลุมร่างของนางอยู่ตลอด ไม่อาจสลัดพ้น
เสียงของบรรพชนหงส์เซียนดังขึ้นด้วยความยินดี “ตัดวิชามรรคในอดีตจึงมีการนิพพานใหม่ทั้งหมดได้ หั่วหลิว เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนรู้ใจกันมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ภายหน้ามีมรรควิถีของข้าอยู่ข้างกายเจ้าต่อไป คอยคุ้มครองเจ้าให้ปลอดภัย ข้าก็วางใจได้อย่างสมบูรณ์แล้ว…”
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเบ้าตาแดงก่ำ สั่นไปทั้งตัว ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง เจ้าหมอนี่… เจ้าหมอนี่ยังเผด็จการเหมือนปีนั้น ไม่ให้… โอกาสปฏิเสธกับข้าสักนิด!
…………………….