บทที่ 1946

เธอตัดสินใจเลือกวิธีร่วมลงทุนเหมือนธุรกิจยานยนต์ โดยนำเทคนิคขั้นสูงในด้านอุตสาหกรรมเหล็กของบริษัทนิปปอนสตีมาใช้
ทั้งโฟล์คสวาเกน, กวางชื่ อนด้,ฉางอาน ฟอร์ด มาสด้า ล้นแล้วแต่เลือกใช้วิธีร่วมลงทุนแบบนี้ ธุรกิจเหล่านี้เติมโตขึ้นมาได้เพราะ
การร่วมลงทุนหลายยี่สิบปี ทั้งยั่งทำยอดขายได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

ด้านบริษัทนิปปอนสตีเองก็สนใจการร่วมงานในครั้งนี้ บวกกับการที่ตระกูลซ่งมีกำลัง ที่ดิน และประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรม สำหรับ
บริษัทนิปปอนสตีแล้ว จึงเห็นว่าตระกูลซ่งก็เป็นหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ

เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ส่วนที่เหลือคือคุยรายละเอียดและกำหนดข้อตกลง

ความคิดเห็นของซ่งหวั่นถึง คือตระกูลซ่งถือหุ้น51 % บริษัทนิปปอนสตีถือหุ้น49% แต่บริษัทนิปปอนสตีกลับเห็นต่างให้ตระกูลซ่ง
ถือ49%ส่วนตัวบริษัทถือ51%

อย่ามองว่ามันเป็นเพียงส่วนต่างแค่เล็กน้อย แต่ส่วนต่างแค่เล็กน้อยนี่แหละสามารถกำหนดได้ว่าบริษัทไหนจะเป็นใหญ่มากกว่ากัน
ผู้ที่ได้ถือหุ้น51 % จึงใหญ่กว่าอย่างไม่ต้องสงส้ย แถมยั่งเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในเรื่องจำเพาะเจาะจงของบริษัทด้วย

หากต้องมอบสิทธิ์ถือหุ้นนี้ให้บริษัทนิปปอนสตี แบบนั้นตระกูลซ่งคงเสียตำแหน่งผู้นำในการร่วมงานครั้งนี้ไป

บนโต๊ะประชุม ทั้งสองฝ่ายยืดเยื้อกันไปมาเกี่ยวกับปัญหานี้ แต่ไม่มีใครเป็นฝ่ายยอมถอยให้เลย

ซ่งหวั่นถิงเอ่ยพูดกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนิปปอนสตีว่า “ทุกท่าน การร่วมงานของเราในวันนี้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือรูปแบบการ

ร่วมงานแบบอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งในประเทศของฉัน กำหนดข้อบังคับไว้ว่าถ้าเจ้าบ้านกับต่างชาติร่วมลงทุนด้วยกันเจ้าบ้านต้องถือหุ้น51%
ต่างชาติต้องถือ49% ถึงอย่างไรตัวธุรกิจก็ก่อตั้งภายในประเทศของฉัน ก็สมควรที่จะให้พวกฉันถือหุ้นมากกว่า หวังว่าทางบริษัทท่านจะเข้าใจ
ตรงจุดนี้!”

คนที่เข้าร่วมเจรจากับซ่งหวั่นถิง คือรองประธานบริษัทนิปปอนสตี มีชื่อเต็มๆว่าฮาชิโมโตะ ชินคิจิ เป็นหนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญของ
บริษัทนิปปอนสติ

ปีนี้ฮาชิโมโตะ ชินคิจิอายุสี่สิบ ในสังคมที่ให้ความสำคัญกับผู้มีคุณวุฒิและประสบการณ์เพียบพร้อมอย่างญี่ปุ่น เขากลับสามารถไต่มา
ถึงตำแหน่งนี้ได้ในวัยเพียงเท่านี้ พูดได้เลยว่าเป็นคนที่มีฝีมือมากๆ

ตอนนี้ เขามองมาที่ซ่งหวั่นถึง ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณซ่ง ผมรู้ว่ารูปแบบการร่วมลงทุนของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คุณพูด
ถึงมันเป็นยังไง แต่ว่า การร่วมลงทุนรูปแบบนั้นมันไม่เหมาะกับการร่วมงานของเราในครั้งนี้”

ซ่งหวั่นถิงพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “คุณฮาชิโมโตะ มีตรงไหนไม่เหมาะกับการร่วมงานของเราหรือคะ? รบกวนขอรายละเอียดที”

ฮาชิโมโตะ ชิคิจิพูดยิ้มๆว่า “อย่างแรก บริษัทแนวหน้าที่ทำอุตสาหกรรมยานยนต์มีเยอะมาก ญี่ปุ่นมีโตโยต้า ฮอนด้าและนิสสัน

เยอรมันมีBMW เบนซ์ อาวดี้และโฟล์คสวาเกน อเมริกามีGM ฟอร์ด และChrysler แล้วยิ่งพวกเฟอร์รารี่ ล้มโบร์กี้นี มาเซราติของอิตาลี่ยิ่งไม่
ต้องพูดถึง ในการแข่งข้นที่มีคู่แข่งข้นมากมายแบบนี้ ต้องมีการบฟกันเกิดขึ้นมาอย่างเยงไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างกดราคาลงเพื่อตีตลาดจีน..
พูดมาถึงตรงนี้สีหน้าของฮาชิโมโตะ ชินคิจิก็นิ่งค้าง แล้วเอ่ยพูดอย่างจริงจั่งว่า “แต่ว่า บริษัทแนวหน้าที่ทำอุตสาหกรรมเหล็กมีแค่ไม่กี่
แห่ง ในสิบบริษัททั่วโลก เกินกว่าครึ่งต้องมีผลประกอบการมหาศาลถึงจะสามารถไลำดับขึ้นมาได้ บริษัทที่มีความชำนาญเกี่ยวกับเหล็ก
จริงๆมีอยู่แค่สี่บริษัท และในประเทศญี่ปุ่นก็มีแค่บริษัทเราเท่านั้น คนโบราณของประเทศพวกคุณกล่าวไว้ไม่ใช่เหรอว่า ‘ของที่หายากย่อมมี
คุณค่าในมื่อคุณซ่งต้องการให้บริษัทของเราเป็นหุ้นส่วน ดังนั้นเสียสละผลประโยชน์ไปแค่นิดหน่อยมันก็เป็นเรื่องปกตินี่ครับ!

ซ่งหวั่นถิงริ่มลั่งเล แต่ก็เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คุณฮาชิมโตะ เรื่องถือหุ้นฉันยอมถอยให้ไม่ได้จริงๆค่ะ ซ่งซื่อกรุ๊ปต้องได้ถือหุ้น51%ในการ
ร่วมงานครั้งนี้ แต่เพื่อเป็นการชดเชยให้กับบริษัทของคุณ พวกเราสามารถมอบสิทธิ์รับผลกำไรในเปอร์เซ็นที่มากกว่าให้บริษัทของพวกคุณได้
ผลกำไรทั้งหมดของการร่วมลงทุนของเราในอนาคต บริษัทนิปปอนสตีมีสิทธิ์ได้รับผลกำไร 51% ถ้าเป็นแบบนี้คุณคิดเห็นว่ายังไงบ้าง?”
ฮาชิโมโตะ ชินคิจิส่ายหน้าอย่างไม่หยุดคิด เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “คุณซ่ง เรื่องสิทธิ์ถือหุ้น ทางเราก็จะไม่ยอมถอยให้เหมือนกัน ถ้า
หากทางเรายอมถอยให้ง่ายๆ ปานนี้ทางเราคงร่วมงานกับบริษัทนในประเทศคุณไปแล้ว ทำไมต้องรอให้ถึงวันนี้?”