ฟ้าถล่มดินทลาย กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวล
ณ ที่นั้นเหลือเพียงจักรพรรดิธรรมเทียนตูผู้เดียว เขาสีหน้าคร่ำเคร่งยิ่ง แต่กลับไม่มีแววกระวนกระวาย
ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ ไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำต่างไม่กลัวความตาย ดังนั้นจึงทำให้ใต้หล้าเกรงกลัวพวกเขา
แต่ความสิ้นหวังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
และหลินสวินก็ลงมือโดยไม่ยั้งมือแต่อย่างใด
สวบ!
ประกายกระบี่โชติช่วง สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ม้วนตลบท้องฟ้าอย่างกราดเกรี้ยว นำอานุภาพแข็งแกร่งเกินต้านทานฟันลงมา
จักรพรรดิธรรมเทียนตูพนมมือ ปากเอ่ยเสียงธรรม สีหน้าแน่วแน่ ร่างกายถึงกับมีเพลิงมรรคถาโถมโหมคลั่ง สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ท่ามกลางความคลุมเครือ ประหนึ่งมีสามพันนรกอุบัติ มีมุนินทร์บัญชาการอยู่บนนั้น ท่องสวดคัมภีร์เสียงธรรมดังก้องไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
พลังชำระล้างเผาโลกาอันน่าครั่นคร้ามแผ่ขยาย หมายจะยับยั้งกระบี่นี้
แต่พร้อมๆ กับเสียงดังเลื่อนลั่น เงาร่างมุนินทร์พังทลายไป เสียงธรรมขาดหาย ภาพสามพันนรกสลายราวกับฟองสบู่
จักรพรรดิธรรมเทียนตูเงยหน้าขึ้น เอ่ยเสียงขื่นว่า “มีหลินเต้ายวนอยู่… กษิติครรภ์… อันตรายแล้ว…”
ฟุบ!
ร่างของเขากลายเป็นเถ้าธุลีทุกกระเบียด ปลิวว่อนไปในความว่างเปล่า
เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อก็กวาดทรัพย์หลังศึกในที่นั้นจนเกลี้ยง จากนั้นจึงจากไป หายลับไปในมหาสมุทรเลือดไร้สงบอันไร้ขอบเขตอย่างรวดเร็ว
……
แดนอำพรางก็เหมือนกับแดนลับแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณสงบนิ่ง ตัดขาดจากโลกภายนอก
ปีนั้นที่หลินสวินเข้ามาที่นี่ ได้รู้เรื่องในอดีตบางประการของท่านลู่จากปากชิงอิง ได้รับคัมภีร์ลายมรรคที่ท่านลู่ทิ้งไว้ให้
และเป็นที่นี่ที่ทำให้หลินสวินมีโอกาสเข้าไปเคี่ยวกรำในนรกอำพราง ไม่เพียงแต่ได้แปรสภาพมรรควิถีของตนถึงขีดสุด ยังได้รับทวนไร้สวรรค์ รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพคุนอู๋ วิญญาณกระบี่ที่เคยติดตามจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนนไปกรำศึกอยู่นานปี…
และเป็นแดนอำพรางนี้เช่นกัน ที่ทำให้หลินสวินเข้าสู่แดนปรินิพพาน เปิดเส้นทางบรรลุมกุฎจักรพรรดิ…
หนึ่งก้านธูปผ่านไป
หลินสวินเข้าสู่แดนอำพราง ก็พบว่าทุกหนแห่งมีแต่ความชำรุดทรุดโทรมราวกับภาพซากปรักหักพัง กลิ่นควันเขม่ายังหลงเหลืออยู่ในอากาศ
นี่ทำให้หลินสวินจิตใจบีบคั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าก่อนหน้านี้มีการต่อสู้อันดุเดือดหาใดเทียบเกิดขึ้นในแดนอำพราง!
หลินสวินแผ่จิตรับรู้เข้าสำรวจ ไม่นานนักก็จับร่องรอยที่ต้าหวงทิ้งไว้ได้ และตามไปในทันที
ไม่นานเท่าไรหลินสวินก็ปรากฏตัวใกล้ทางเข้านรกอำพราง
‘เจ้าหนู รีบเข้ามาเถอะ’ แล้วก็ในตอนนี้เองเจตจำนงของต้าหวงก็ส่งออกมา
หลินสวินหรี่ตาลงเล็กน้อย ฟังน้ำเสียงเศร้าใจที่เจืออยู่ในเสียงของต้าหวงออก เขาไม่กล้าชักช้า ทะยานตัวเข้าไปในนั้น
นรกอำพรางชั้นสิบแปด
ที่นี่เคยเป็นสถานที่จำศีลของเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของจอมกระบี่จูคง ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าสร้อยอึดอัด
เพลิงเทพถาโถม ป้ายฝังศพสิบกว่าป้ายตั้งอยู่บนพื้น
เงาร่างต้าหวง ชิงอิงรวมถึงอีกหลายสิบร่างต่างยืนอยู่หน้าป้ายฝังศพ
เมื่อหลินสวินมาถึง ก็พบว่าป้ายฝังศพนั้นยังใหม่อยู่อย่างเห็นได้ชัด บนนั้นสลักอักษรจำนวนหนึ่ง รวมถึงวีรกรรมอันเรืองรองครั้งยังมีชีวิตอยู่
แววตาของชิงอิงเหม่อลอย ขอบตาแดงเรื่อ ใบหน้าขาวสะอาดงามล้ำมีแววเสียใจเจ็บปวด
สีหน้าของคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงก็เผยแววอ้างว้างเศร้าสร้อย
“เจ้าพวกนี้เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่ในหอวิหคทองแดงทั้งนั้น ยามยังมีชีวิตอยู่ทุกคนต่างเป็นระดับจักรพรรดิที่สะท้านยุค หลายปีมานี้ติดตามนายท่านไปทุกที่ สร้างชื่อมากมาย…”
ต้าหวงเอ่ยปากเสียงต่ำลึก “แต่ไม่นานมานี้ เพื่อต้านศัตรูภายนอกที่บุกเข้ามาในแดนอำพราง พวกเขาแต่ละคน… ต่างประสบเคราะห์แล้ว…”
ดวงตาดำหลินสวินหดรัดเล็กน้อย จ้องป้ายหลุมศพเหล่านั้นแล้วเอ่ยว่า “เป็นสิ่งที่แดนกษิติครรภ์กับสำนักโบราณจรัสเทพทำหมดเลยหรือ”
ต้าหวงพยักหน้า แววชิงชังเข้ากระดูกดำเผยออกมาจากดวงตา “ความแค้นนี้จะต้องชำระด้วยเลือดสดๆ เป็นสิบเป็นร้อยเท่า!”
“คุณชาย ท่านกลับมาแล้ว” ตอนนี้ชิงอิงถึงคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน เห็นหลินสวินที่มาถึงเงียบๆ
นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เก็บกลั้นความเศร้าที่อยู่ในใจ “ก่อนเจ้าหอวิหคทองแดงไป ได้สั่งไว้ว่าถ้าท่านกลับมาก็ให้มอบสิ่งนี้ให้ท่าน”
ขณะที่พูดนางแบมือขาวเปล่งปลั่งเรียวยาวออก ยันต์วิหคทองแดงที่สยายปีกกำลังจะโบยบินชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายลึกลับคลุมเครือ
“นี่คืออะไรหรือ” หลินสวินอึ้งไป
หลังจากชิงอิงส่งยันต์วิหคทองแดงให้หลินสวิน ก็เห็นว่าต้าหวงรวมถึงเงาร่างอื่นอีกหลายสิบร่างต่างหันมามองหลินสวิน และคารวะในยามนี้
“คารวะเจ้าหอ!”
“คารวะเจ้าหอ!”
“คารวะเจ้าหอ!”
…เสียงคารวะเสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ก้องสะท้อนในโลกของนรกอำพรางชั้นสิบแปดแห่งนี้
หลินสวินสั่นสะท้านในใจ รู้สึกไม่ทันตั้งตัว
ต้าหวงเอ่ยเสียงเข้ม “นานมาแล้วนายท่านได้ตั้งกฎไว้ว่า ผู้ถือยันต์นี้ก็คือเจ้าหอวิหคทองแดงคนใหม่ หลินสวิน เจ้าเป็นศิษย์น้องของนายท่าน ยันต์นี้ก็เป็นสิ่งที่นายท่านทิ้งไว้ให้เจ้า รับไว้เถอะ”
หลินสวินนิ่วหน้า “ตอนนี้ศิษย์พี่ยังอยู่ที่แหล่งสถานคุนหลุน ไม่รู้เป็นตาย ตอนนี้ข้าจะมาปกครองหอวิหคทองแดงแทนที่เขาได้อย่างไร”
ชิงอิงมอบม้วนหยกหนึ่งให้หลินสวิน “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าหอวิหคทองแดงทิ้งไว้ให้ก่อนจะไปแหล่งสถานคุนหลุน”
หลินสวินเปิดดู บนม้วนหยกเขียนว่า
‘ศิษย์น้อง หลังจากศึกนี้ข้าปฏิบัติตนตามอาจารย์ ข้ามผ่านฟ้าดารา มุ่งหน้าสู่โลกฟากฝั่ง หอวิหคทองแดงเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้น ถ้าไม่มีคนสืบทอดคงทนไม่ได้ ขอวานให้ศิษย์น้องจัดการแทนไปก่อน วันหน้าถ้าหาผู้ที่สามารถสืบทอดตำแหน่งใหญ่ได้ก็มอบยันต์วิหคทองแดงให้เขาเสีย’
ลงชื่อ จ้งชิว
หลินสวินอึ้งไปทันที ทำหน้าไม่ถูก เหมือนไหล่ทั้งสองข้างของตนมีภาระไร้รูปร่างเพิ่มขึ้นมาอย่างเงียบเชียบอย่างหนึ่ง
“ศิษย์พี่ไม่ได้กำชับอย่างอื่นอีกหรือ” หลินสวินถาม
ชิงอิงเอ่ยเสียงเบา “สองปีก่อน เจ้าหอวิหคทองแดงออกจากการปิดด่าน จู่ๆ ก็ตัดสินใจว่าจะไปท้าสู้จักรพรรดิสวรรค์ดำรง คิดว่าโอกาสมาแล้วต้องถือโอกาสนี้สังหารจักรพรรดิสวรรค์ดำรง หาไม่รอให้พลังของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงฟื้นคืนมา แพ้ชนะจะคาดเดาได้ยาก”
หลินสวินขมวดคิ้วแน่น อดกังขาไม่ได้ว่าหรือศิษย์พี่ไม่ได้หลอมพลังระเบียบแดนปรินิพพาน
ในใจเขามีข้อสงสัยมากมาย รู้สึกอยู่ตลอดว่าการตัดสินใจเมื่อสองปีก่อนของศิษย์พี่รองมีความฉุกละหุกอยู่
น่าเสียดาย พวกชิงอิงก็ไม่รู้แน่ชัด
จ้งชิวเป็นคนหยิ่งทระนงจองหองหาใดเทียบคนหนึ่ง หลังจากเขาตัดสินใจแล้วย่อมไม่อาจไปอธิบายให้คนอื่นฟัง
“หลินสวิน!”
ต้าหวงพลันตวาดลั่น “นี่มันเวลาไหนกัน เจ้ายังชักช้าลังเล ถ้านายท่านรู้ว่าเจ้ามีท่าทางแบบนี้จะไม่ปวดใจหรือ”
หลินสวินสูดหายใจเฮือกหนึ่ง มองดูต้าหวง แล้วก็มองดูพวกชิงอิง ก่อนเอ่ยว่า “ยันต์วิหคทองแดงนี้ข้ารับไว้แล้ว แต่ตอนนี้ข้าจะไม่สืบทอดตำแหน่งเจ้าหอวิหคทองแดง”
ต้าหวงพูดอย่างโมโหว่า “หรือเจ้ากลัวแล้ว เห็นว่าหอวิหคทองแดงตกต่ำถึงจุดนี้เลยไม่อยากมายุ่งกับของเละเทะนี่แล้วใช่ไหม”
ชิงอิงนิ่วหน้าเอ่ย “ต้าหวง เจ้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร คุณชายเพิ่งกลับมา จู่ๆ ก็เจอเรื่องมากมายขนาดนี้จะตัดสินใจทันทีได้อย่างไร”
หลินสวินโบกมือพูดว่า “ชิงอิงไม่ต้องพูดแล้ว ต้าหวงเป็นห่วงเลยเข้ามายุ่ง ความรู้สึกของมันข้าเข้าใจ”
ต้าหวงเดินงุ่นง่าน เหมือนความคับข้องเต็มอกไม่มีที่ระบายออก “เพิ่งสามปีเท่านั้นก็เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้แล้ว ข้า… ข้าแทบอยากไปขยี้แดนกษิติครรภ์ ทำลายล้างสำนักโบราณจรัสเทพ!”
พูดจนจบมันก็คำรามออกมา
กลับมาคราวนี้ แรกสุดก็ได้ยินว่าเจ้าหอวิหคทองแดงกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงนัดสู้กันที่แหล่งสถานคุนหลุน จนตอนนี้เป็นตายมิอาจรู้ได้ จากนั้นก็ได้ยินเรื่องสถานการณ์ในโลกมืดเปลี่ยนแปลงวุ่นวาย สองยักษ์ใหญ่อย่างแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพโจมตีพื้นที่อาณาเขตหอวิหคทองแดง
จนกระทั่งกลับสู่แดนอำพรางแห่งนี้ ถึงกับพบเจอความวินาศ คนเก่าแก่ในหอวิหคทองแดงจำนวนหนึ่งร่างตายมรรคสลายเพราะเรื่องนี้!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ความรู้สึกของต้าหวงก็เหมือนภูเขาไฟคุกรุ่นพลุ่งพล่าน จะปะทุเมื่อไรก็ได้
หลินสวินย่อมเข้าใจได้
ในใจเขาจะไม่กดดัน ไม่อัดอั้น ไม่แค้นเคืองได้อย่างไร
จะว่าไปเขากับแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพก็ผูกแค้นฝังลึกกันมานานแล้ว!
“เจ้าหอ ยังขอให้ท่านรีบตัดสินใจ ตอนนี้เขตอิทธิพลและกำลังพลของหอวิหคทองแดงเราที่กระจายตัวอยู่ในโลกมืดถูกจู่โจมอย่างรุนแรงยิ่ง อาณาเขตที่เคยควบคุมอยู่ในอดีตถูกยึดครอง ตกอยู่ในมือศัตรูแทบทั้งนั้น”
มีคนเอ่ยปากอย่างทุกข์ร้อน “ถ้าพวกเราไม่เคลื่อนไหวอีก เกรงว่าหอวิหคทองแดงแห่งนี้… จะถูกคนอื่นขุดรากถอนโคน!”
“เจ้าหอ สถานการณ์ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวานยิ่ง ต้องเปลี่ยนแปลงทันที หาไม่แล้วหอวิหคทองแดงของพวกเราคงจบเห่จริงๆ แล้ว”
“เจ้าหอ ขอให้ตัดสินใจโดยเร็วด้วย!”
คนอื่นๆ ก็พากันเอ่ยปาก คนเหล่านี้เป็นคนเก่าแก่ในหอวิหคทองแดงทั้งนั้น ในอดีตเคยควบคุมดูแลอาณาเขตต่างๆ ในโลกมืด ครองพื้นที่แถบหนึ่ง อานุภาพคับฟ้า
แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงซ่อนตัวที่นี่ ในใจจะขมขื่นแค่ไหนแค่คิดก็รู้
ยามนี้สายตาของชิงอิงกับต้าหวงก็มองมาที่หลินสวินเช่นกัน
หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ชิงอิง ช่วยข้าเตรียมข้อมูลแดนกษิติครรภ์กับสำนักโบราณจรัสเทพที ยิ่งละเอียดยิ่งดี”
ทุกคนใจเต้นระส่ำ
“ได้” ชิงอิงตอบรับอย่างรวดเร็ว
“อีกอย่าง ช่วยรวบรวมข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นในสามปีนี้ให้ข้าชุดหนึ่งด้วย”
ดวงตาดำหลินสวินลุ่มลึก วาจาสงบนิ่ง ตัดสินใจออกมา “ต้าหวง อีกสิบวันเจ้าเคลื่อนไหวไปพร้อมกันข้า คนอื่นรอฟังข่าวที่นี่”
คนเก่าแก่หอวิหคทองแดงเหล่านั้นพลันร้องออกมาทันทีว่า “เจ้าหอ พวกเราก็ช่วยได้”
หลินสวินปฏิเสธเด็ดขาด “หอวิหคทองแดงมีคนบาดเจ็บล้มตายมากไปแล้ว จะให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว ถ้าพวกเจ้ายอมรับฐานะของข้า เรื่องนี้ก็ให้ทำตามนี้”
ทุกคนสีหน้าเหยเก สุดท้ายทำตามคำสั่ง
ต้าหวงกลับไม่เข้าใจ “ทำไมต้องรออีกสิบวัน”
“รู้ข้อมูลก่อน รู้เขารู้เรา” หลินสวินหยุดไป แววตาเรียบเฉย “อีกอย่าง ข้าใกล้จะทะลวงขั้นแล้ว”
ตั้งแต่ตอนอยู่แดนหงส์เซียน หลินสวินก็สังหรณ์ได้ถึงเค้าลางการทะลวงขั้น ตั้งแต่กลับสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราจนถึงตอนนี้ก็เดือนกว่าแล้ว
ตอนนี้ศึกใหญ่ใกล้เข้ามา จะได้ถือโอกาสบรรลุได้พอดี!
ไม่นานนักชิงอิงก็เตรียมข้อมูลที่แม่นยำชุดหนึ่ง บนนั้นบันทึกเรื่องอิทธิพล รากฐานพลังและกำลังพลของแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพ รวมถึงสถานการณ์ของอาณาเขตแต่ละแห่งโดยละเอียด
หลังจากหลินสวินอ่านอย่างจริงจัง ก็จำได้ขึ้นใจ
จากนั้นเขาก็ออกจากนรกอำพรางมายังเหนือมหาสมุทรเลือดไร้สงบที่มีคลื่นเลือดถาโถม เสื้อผ้าไหวกระพือ มองไปยังเวิ้งฟ้า
ยืนเงียบๆ เช่นนี้อยู่สามวันเต็มๆ
วันนี้
เวิ้งฟ้ากดดัน สิบทิศล้วนเงียบสงัด
จู่ๆ หลินสวินที่คล้ายกับรูปปั้นก็ขยับแล้ว เขาปัดเสื้อผ้าเอ่ยเสียงเบาว่า
“วันนี้ ข้าหลินเต้ายวนเข้าสู่ขั้น ‘แจ้งปริศนา’!”
……………………..