เยี่ยนตู ท่าอากาศยานนานาชาติ เครื่องบินลำหนึ่งที่มาจากสมรภูมินอกแดน ค่อย ๆ ร่อนลงสู่สนามบิน
ไม่นานนัก สองเงาร่างชายหนุ่ม หน้าคนหลังคน เดินตามกันลงจากเครื่องบิน
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าสุดปลื้ม
การไปภูเขามารสมรภูมินอกแดนเที่ยวนี้ เดิมคิดว่าจะกลับมาได้ไม่นานนัก ไม่คิดว่าต้องเสียเวลาไปถึงหลายเดือนกว่าจะได้กลับมา
เฝิงเสียวหว่านกับอ้ายหลินให้พวกหล่อนอยู่ที่สำนักบู๊ เวลานี้ที่แดนเหนือในภูเขามาร มีจอมคนบูโด หลิ่วหรูเอียนกับพวกที่มาจากโลกบู๊โบราณล่างอยู่ เมื่อเทียบกันแล้ว สำนักบู๊กลับจะมีความปลอดภัยมาก ๆ
หยางเฉินกับหม่าชาวยังมีงานอื่นที่ต้องทำ ถ้าจะพาพวกเฝิงเสียวหว่านไปด้วยกลับจะกลายเป็นภาระเพิ่ม
จู่ ๆ หยางเฉินก็ถามขึ้นมาว่า “ร่างกายของเจ้าไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
หม่าชาวส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้อยู่ที่สำนักบู๊ เทพบู๊แทบจะเอาพลังจิตสำนึกเกือบครึ่งมาสยบพลังสายมังกรที่อยูู่ในตัวข้า ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้คงยังไม่มีปัญหาอะไร”
“ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากสายมังกรได้ถูกพลังจิตสำนึกของเทพบู๊สยบไว้แล้ว พลังสายมังกรที่ปล่อยออกมาในแต่ละวันก็ลงตัวพอดีกับที่ข้าต้องใช้ในการฝึกวิชา พร้อมกันกับพลังจิตสำนึกของเทพบู๊ที่จะสูญเสียไปไม่หยุด การปล่อยพลังสายมังกรออกมาก็ยิ่งมากขึ้นตาม แต่ก็ไม่เป็นไร ให้ถึงเวลานั้นแล้ว ความต้องการในการใช้กับแดนบูโดของข้าก็จะตามไปได้ให้พอดีกับพลังที่สายมังกรปล่อยออกมา”
ฟังตามที่หม่าชาวพูดมา สีหน้าหยางเฉินรู้สึกเคร่งเครียดอยู่บ้าง
เขาก็มีความเชื่ออยู่ ด้วยพรสวรรค์บูโดของหม่าชาว การฝึกวิชาไปได้รวดเร็วมาก ในตัวมีสายมังกรอยู่ทั้งเส้น พูดได้ว่า ตัวเขาในตอนนี้ได้มีคลังวิเศษใส่วัตถุดิบที่ใช้ในการฝึกวิชาเคลื่อนที่ติดอยู่กับตัว
แต่ทว่า สายมังกรนั้นเป็นของที่ขนาดคนระดับผู้ใหญ่ในวงการบู๊โบราณยังจ้องจะตะครุบเอาให้ได้กันอยู่ แค่เพียงอาศัยพลังจิตสำนึกของเทพบู๊ จะสามารถสยบให้อยู่ได้จริงหรือ?
แต่ที่ยืนยันได้แน่นอนคือ ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ สายมังกรจะไม่มีผลในการทำร้ายหม่าชาวได้ ตรงกันข้ามกลับจะช่วยการฝึกวิชาให้หม่าชาวเร่งรัดได้เร็วขึ้น
จู่ ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้นมาว่า “เรื่องที่ในตัวเจ้ามีสายมังกรอยู่นี้ จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าข่าวนี้เกิดรั่วไหลออกไป กลัวว่าจะไปดึงพวกผู้อาวุโสระดับสุดยอดในโลกบู๊โบราณบนออกมา”
หม่าชาวผงกหัว “พี่เฉิน วางใจเถอะ ข้าจะไม่บอกใครเด็ดขาด”
“ดี!”
ขณะที่คุยกัน ทั้งสองก็ได้ออกมานอกเขตสนามบินแล้ว
“ท่านประธาน!”
ทั้งสองเพิ่งเดินออกพ้นสนามบิน เงาร่างชายกลางคนคนหนึ่ง ถลาเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้าที่เต็มด้วยความตื้นตัน
“ประธานลั่ว ลำบากหน่อยนะ!”
หยางเฉินพอเห็นลั่วปิง พูดขอบคุณไปด้วยใจจริง
เขาถึงแม้จะเป็นเพียงประธานกรรมการเยี่ยนเฉินกรุ๊ป แต่เรื่องทั้งหมดของในเครือ ล้วนได้ถูกจัดการโดยลั่วปิงทั้งหมด ทั้งยังจัดการให้ไปได้เป็นอย่างดี เยี่ยนเฉินกรุ๊ปในเวลานี้ ได้ขึ้นไปอยู่ในระดับท้อปร้อยของโลกแล้ว
ง่าย ๆ เพียงคำเดียวว่าลำบากหน่อยนะ สองตาของลั่วปิงก็แฉะชื้นขึ้นมาทันที สามารถให้หยางเฉินยอมรับ ให้แค่เพียงคำพูดเดียวนี้ สำหรับเขาแล้ว เป็นสิ่งที่สุดเหลือจะพอ
ลั่วปิงพูดขึ้นว่า “ท่านประธาน ที่ยอดเมฆาผมสั่งคนทำความสะอาดไว้ทุกวัน ท่านกลับมาก็เข้าไปอยู่ได้เลย ให้ผมไปส่งท่านเดี๋ยวนี้ก่อนเลยไหม?”
หยางเฉินส่ายหน้า เอ่ยปากพูดว่า “ไปส่งข้าที่ศูนย์กลุ่มผู้อาวุโสจิ่วโจว
ก่อน”
พอได้ยินดังนั้น ลั่วปิงตกตะลึงขึ้นมาทันที
ศูนย์กลุ่มผู้อาวุโสจิ่วโจว นั่นมันศูนย์กลางควบคุมกลุ่มอิทธิพลของทั้งจิ่วโจว มีผู้อาวุโสสามท่าน ควบคุมดูแลเรื่องทั้งจิ่วโจว
หยางเฉินกลับต้องการจะไปศูนย์กลุ่มผู้อาวุโส แต่ลั่วปิงก็ได้แต่ประหลาดใจ ไม่ได้ซักถามอะไรมาก ขึ้นขับรถด้วยตัวเอง พาหยางเฉินกับหม่าชาวมุ่งหน้าสู่ศูนย์กลุ่มผู้อาวุโสจิ่วโจว
หยางเฉินถามขึ้นมาในทันใด “เวลานี้ในเยี่ยนเฉิงกรุ๊ปมีปัญหาอะไรที่เจ้าไม่สามารถจัดการได้บ้าง?”
ลั่งปิงรีบพูดว่า “เวลานี้เยี่ยนเฉิงกรุ๊ปก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งในร้อยของโลกแล้ว ปัญหาที่เกิดเฉพาะหน้า ผมก็ใช้ความสามารถรับมือเองได้ ท่านประธานวางใจได้เต็มที่ครับ”
“ใกล้ ๆ นี้ ผมได้เตรียมจะรับซื้อกิจการอยู่หลายองค์กร ถ้าซื้อได้สำเร็จ อันดับหนึ่งในร้อยของโลกของเยี่ยนเฉิงกรุ๊ปก็จะต้องมีการขยับเลื่อนขึ้นอีกเป็นแน่”
“ผมวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาสักสามปี จะให้เยี่ยนเฉิงกรุ๊ปก้าวขึ้นให้ถึงอันดับท้อปเทนของโลก”
หยางเฉินให้รู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าลั่วปิงถึงขนาดว่าจะใช้เวลาแค่สามปี ก็จะทำให้เยี่ยนเฉิงกรุ๊ปก้าวขึ้นไปถึงอันดับท้อปเทนของโลก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็มาจอดที่หน้าประตูศูนย์กลุ่มผู้อาวุโส
ลั่วปิงลงไปเปิดประตูรถให้หยางเฉินด้วยตัวเอง พูดขึ้นว่า “ท่านประธาน ผมจะรอท่านอยู่ที่นี่ ท่านจะได้เรียกใช้ผมได้ทุกเวลา”
หยางเฉินส่ายหน้า “รถทิ้งไว้นี่แหละ เจ้ากลับไปยุ่งกับงานของเจ้า รอให้ข้าจัดการเรื่องเฉพาะหน้านี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะไปเลี้ยงอาหารเจ้าสักมื้อ”
ลั่วปิงรีบตอบรับ “ได้ครับ!”
หลังจากลั่วปิงจากไปแล้ว หยางเฉินก็พาหม่าชาวมุ่งเดินเข้าไปที่ศูนย์กลุ่มผู้อาวุโส พอถึงหน้าประตู ก็ถูกยามสองนายขวางทางเข้าไว้
“ขอเรียนถามว่า พวกคุณจะมาพบใคร”
ยามคนหนึ่งในสองนายนั้น มองหน้าหยางเฉินแล้วถาม
หยางเฉินไม่พูดมาก จัดการหยิบเอาป้ายขนาดเท่าฝ่ามือออกมา ยื่นส่งไปให้
พอยามมองเห็นหนังสือสองตัวบนป้ายที่เขียนว่า” แดนเหนือ” สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที รีบยื่นส่งป้ายคืนให้กับหยางเฉิน พูดด้วยความนอบน้อมอย่างสูงว่า “เชิญท่านเทพสงครามหยาง!”
หยางเฉินถึงแม้ออกมาจากแดนเหนือนานมากแล้ว แต่ตำแหน่งเทพสงครามแดนเหนือยังคงว่างอยู่ ป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้ก็ยังคงอยู่กับเขา
ด้วยป้ายอาญาสิทธิ์ในมือ หยางเฉินกับหม่าชาวก็เข้าไปถึงตึกใหญ่ศูนย์กลุ่มผู้อาวุโสอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันนั้น ที่ชั้นบนสุดของอาคารศูนย์กลุ่มผู้อาวุโส ผู้เฒ่าผมหงอกขาวสามท่านนั่งด้วยกันอยู่ แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ไอ้พวกพันธมิตรพิทักษ์บัดซบพวกนี้ ยิ่งวันยิ่งจะทำเกินไปใหญ่แล้ว ก็คุยอย่างชัดเจนกันแล้ว ว่าวันนี้จะร่วมกันออกประกาศกฎระเบียบใหม่ พวกมันกลับยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”
“พวกมันดูเหมือนไม่มีทีท่าจะประกาศกฎระเบียบใหม่กันเลย และในช่วงสั้น ๆ แค่สามวันมา แต่ละจุดในจิ่วโจว ก็ได้ถูกผู้แข็งแกร่งจากโลกบู๊โบราณล่างเข้ายึดครองแล้ว อีกทั้งยังมีตระกูลบูโดโลกมนุษย์จำนวนมาก ด้วยเพราะปฏิเสธที่จะยอมตกอยู่ใต้อำนาจ ต้องบาดเจ็บล้มตายไป”
“ถ้าหากพวกเขายังดึงเรื่องกันยืดเยื้อต่อไป ในโลกมนุษย์คงต้องมีการบาดเจ็บล้มตายกันอีกหนัก พวกเราต้องรีบหาทางให้เร็วที่สุดในการร่วมมือกันประกาศกฎระเบียบใหม่ให้ได้”
ขณะที่สามเฒ่าอาวุโสกำลังคุยกัน เลขาได้เคาะประตูแล้วเปิดเดินเข้ามา
เลขาได้พูดออกไปอย่างรีบเร่งว่า “ท่านผู้อาวุโสทั้งสาม อดีตเทพสงครามแดนเหนือ คุณหยางเฉินมาแล้ว”
ได้ยินคำที่เลขาพูด สามผู้อาวุโสต่างตาลุกวาว พากันลุกยืนขึ้น หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
ผู้อาวุโสคนโตพูดขึ้นด้วยเสียงหัวเราะว่า “ไอ้บัดซบน้อยนี่ มาจนได้ ฮา ๆ ๆ ๆ!”
ผู้อาวุโสสองก็หัวเราะแล้วพูดว่า “พวกเรากำลังกลุ้มกับปัญหาที่เกิดขึ้นพอดี คนที่จะมาแก้ปัญหาก็มา ไอ้หมอนี่ช่างมาได้จังหวะพอดีเลย!”
ขณะที่ทั้งสามผู้อาวุโสพูดกันอยู่ หยางเฉินกับหม่าชาวก็เดินเข้ามา
“หยางเฉินคารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสาม!”
หยางเฉินรีบทำความเคารพ จะว่าไป สามผู้อาวุโส ต้องจัดเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่เบื้องบนของเขา
หม่าชาวก็ทำความเคารพกับทั้งสาม
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องมากพิธี!รีบนั่งกันเถอะ!”
สามผู้อาวุโสดูปลื้มปีติกันอย่างมาก จัดให้หยางเฉินกับหม่าชาวนั่งลง
เวลาที่สายตาของทั้งสามมองไปยังหยางเฉินกับหม่าชาว ล้วนเปล่งประกายวาว เหมือนสายตาพวกอันธพาลที่จ้องมองดูสาวสวยแก้ผ้า
หยางเฉินก็ไม่คิดว่าสามผู้เฒ่าอาวุโสนี้จะต้อนรับด้วยความอบอุ่นแบบนี้ ก่อนที่จะเข้ามา เขายังคิดอยู่ การที่มาหาสามผู้อาวุโสเพื่อปรับความเข้าใจเรื่องในโลกมนุษย์เล็ก ๆ น้อย ๆ จะถูกกันไว้ห่างให้อยู่แต่ข้างนอกหรือไม่
ถึงยังไงในโลกใบน้อยนี้เป็นที่รวมศูนย์ล้ำลึกของกลุ่มผู้อาวุโส แต่ตอนนี้ดูแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก
หยางเฉินยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยิ้มพูดว่า “หยางเฉิน เจ้ามาได้จังหวะพอดีจริง ๆ พวกเรากำลังปรึกษากันอยู่ ว่าจะมอบภารกิจให้เจ้าสักเรื่อง เจ้าก็มาพอดี”
“ดูทีแล้ว ภารกิจนี้นอกจากให้เจ้าแล้วคนอื่นหมดสิทธิ์ ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”