บรรพจารย์จักรพรรดิที่เพิ่งเดินออกจากประตูภูเขา ฉายาว่า ‘หนิงเจิน’ เป็นผู้อาวุโสชั้นสูงสามของสำนักโบราณจรัสเทพ เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิต มรรควิถีทั่วร่างเทียมฟ้าครอบปฐพี อานุภาพสุดหยั่ง
ยามสัมผัสถึงกรงเล็บสุนัขใหญ่ยักษ์ที่ตะปบเข้ามาก็อดแค่นเสียงไม่ได้ เบื้องหน้าปรากฏแสงมรรคแถบหนึ่ง พลุ่งพล่านดั่งมหาสมุทร เข้าปะทะตรงๆ
ตูม!
หน้าประตูภูเขาประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย ละอองแสงสาดกระเซ็น
เงาร่างบรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจินวูบไหวเล็กน้อย นัยน์ตาหดรัดอย่างอดไม่ได้ “จักรพรรดิสงครามคำรน เจ้าถึงกับก้าวสู่ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิแล้วหรือ”
ขณะพูดแขนเสื้อเขาโบกพลิ้ว โซ่ตรวนดุจมังกรทองตัวใหญ่สองเส้นพุ่งทะยานออกมา สิ่งที่ประทับบนโซ่ตรวนล้วนเป็นกฎเกณฑ์ระดับบรรพจารย์ที่แน่นขนัดเจิดจ้า กลิ่นอายทำลายล้างสะท้านโลก
ตรวนนรกทองคำ!
ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของบรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจิน หลอมเป็นอาวุธวิญาณแล้ว ลือกันว่าสามารถพันธนาการจักรวาล กักขังหมื่นวิญญาณ ละทิ้งมหามรรคได้
“บรรพจารย์จักรพรรดิหรือ สายตาอะไรกัน ข้าจวนจะฝ่าทะลวงระดับนี้ไปอยู่แล้ว!”
กลับเห็นต้าหวงหิ้วกระบองยักษ์กระดูกขาวเล่มหนึ่งฟาดลงอย่างแรง เสียงดังตึง ตรวนนรกทองคำสั่นสะเทือนพลิกม้วน สะเก็ดไฟสาดกระเซ็น
พลังโจมตีของต้าหวงกร้าวแกร่ง แสงมรรคทั่วร่างก้องสะท้อน กระบองกระดูกขาวชี้ฟ้าฟาดปฐพี ดุดันเผด็จการ กดดันจนบรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจินแทบเงยหน้าไม่ขึ้นไปชั่วขณะ ได้แค่เข้าต้านเป็นฝ่ายตั้งรับ
เขาตกตะลึงไม่หาย
ตั้งแต่อดีตจนบัดนี้ หอวิหคทองแดงสามารถยืนอยู่ในอันดับสามยักษ์ใหญ่ในโลกมืดได้ หัวใจของสำนักนี้ไม่ได้อยู่ที่มีระดับจักรพรรดิแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน และไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีการกระจายตัวของขุมอำนาจมากน้อยเท่าไร
แต่อยู่ที่มีเจ้าหอวิหคทองแดงอยู่
คนผู้เดียว ดุจดั่งนายเหนือหัวผู้ไร้ศัตรู ค้ำยันเวิ้งฟ้า!
และเท่าที่บรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจินรู้ นักรบแกนหลักที่แท้จริงของหอวิหคทองแดงมีเพียงห้าคน จักรพรรดิสงครามคำรนเป็นแค่หนึ่งในนั้น นอกจากนี้ในภาพจำของคนทั่วหล้า หมาขนทองที่เจ้าหอวิหคทองแดงเก็บมาเลี้ยงตัวนี้ก็อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นแปดปลายยอดมาโดยตลอด
ทว่าตอนนี้บรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจินกลับพบว่า สิ่งที่คนทั่วหล้าลือกันเชื่อถือไม่ได้สักนิด!
หมาขนทองที่ยโสโอหังและเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายตัวนี้ มีรากฐานพลังน่าสะพรึงในระดับบรรพจารย์จักรพรรดินานแล้วชัดๆ!
โครม!
การต่อสู้ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ในพื้นที่ต่อสู้อีกด้านหนึ่ง หลินสวินยังคงครอบครองข้อได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ ใช้ท่าทีกวาดล้างบดขยี้สังหารระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเล่า เลือดสดสาดพรม เสียงร้องโหยหวนคับฟ้า
ในที่นั้นระดับจักรพรรดิที่แต่เดิมมีจำนวนสิบเก้าคน ตอนนี้เหลือเพียงสามคน!
“หลินเต้ายวนตัวดี จักรพรรดิสงครามคำรนตัวดี ถึงขั้นกล้าโร่มาอาละวาดที่สำนักโบราณจรัสเทพของข้า คร้านจะมีชีวิตอยู่แล้วชัดๆ!”
ทันใดนั้นเสียงเย็นเยียบที่เดือดดาลหาใดเปรียบสายหนึ่งดังก้องเวิ้งฟ้า ก็เห็นบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงที่หล่อเหลาราวเด็กหนุ่มพาระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนซึ่งเพิ่งออกด่านเดินออกมาจากประตูภูเขา
แต่ละคนกลิ่นอายล้วนน่าสะพรึงท่วมฟ้า ก่อกวนเมฆลม
“ศิษย์น้องอวิ๋นจิว ศิษย์น้องเล่อหรง พวกเจ้าไปช่วยหนิงเจินสังหารจักรพรรดิสงครามคำรน”
บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงออกคำสั่ง
สวบ! สวบ!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ผู้อาวุโสชั้นสูง’ สองคนก็ลงมือฉับพลัน
คนหนึ่งสวมชุดนักพรตลายสน หน้าตาเคร่งขรึม ครอบครองประทับมรรคอสนีเพลิง ฉายาบรรพจารย์จักรพรรดิอวิ๋นจิว
อีกคนสายตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า บนตัวสวมชุดเกราะ ผมเคราปลิวไสว ถือง้าวใหญ่สีดำดั่งเทพสงครามที่กรำศึกทั่วหล้า ฉายาบรรพจารย์จักรพรรดิเล่อหรง ผลงานการศึกชั่วชีวิตนับไม่ถ้วน
ทั้งคู่ล้วนเป็นระดับบรรพจารย์ ทันทีที่เข้าร่วมการต่อสู้ก็มอบความกดดันยิ่งยวดมาให้ต้าหวง และทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจินที่ถูกกดข่มลอบถอนใจโล่งอก
“หลินเต้ายวน วันนี้เจ้าต้องตาย!”
และขณะเดียวกันเงาร่างบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงก็พริบไหว โผล่มาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน ฝ่ามือดุจกรงเล็บ พุ่งเข้าบีบคอหลินสวินอย่างแรง
ตูม!
ลำพังแค่อานุภาพที่ปลดปล่อยออกจากตัวเขาก็กดข่มจนห้วงอากาศแถบนั้นระเบิดเป็นเสี่ยงๆ หลินสวินที่อยู่ภายใต้อานุภาพเช่นนี้ยังหายใจสะดุด
และก็เป็นเวลานี้ เงาร่างอรชรของซีพลันปรากฏท่ามกลางละอองแสงสาดกระเซ็น สลายการโจมตีนี้ของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงได้อย่างง่ายดาย
ในเสียงปะทะสนั่นหวั่นไหว เงาร่างบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงโงนเงน ก่อนจะโผล่ไกลออกไปสองสามพันจั้ง แววตาเย็นเยียบ จ้องซีที่ปรากฏตัวกลางอากาศ “เจ้าก็คือหญิงที่สังหารบรรพจารย์จักรพรรดิขู่เซิงแห่งแดนกษิติครรภ์ตายเช่นนั้นหรือ”
“คูหมิง ต้าซวีข้าก็เป็นคนฆ่าเอง” ซีเอ่ยเสียงเย็นเยียบเรียบเรื่อย
บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงสายตาวาบวาว กล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “น่าเสียดาย ในอาณาเขตสำนักโบราณจรัสเทพของข้า แม้เจ้าจะแข็งแกร่งปานใดก็ต้องประสบเคราะห์แน่นอน”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงก็โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
บรรทัดหยกเล่มหนึ่งผุดลอยเหนืออากาศ บนบรรทัดหยกสลักอักษรมรรคเรียบง่ายสองคำว่า ‘นำมรรค’ เมื่อมันปรากฏตัว เหนือท้องฟ้าแถบนั้นพลันมีพลังระเบียบต้องห้ามอุบัติขึ้นแถบหนึ่ง ดุจดั่งเมฆาเคราะห์ดำทะมึนร่วงหล่นลงมา รินรดเข้าสู่บรรทัดหยกเล่มนี้
ชั่วอึดใจอานุภาพของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงพลันเปลี่ยนไป ประหนึ่งกลายร่างเป็นเทพเหนือสุด ควบคุมพลังแห่งระเบียบ อานุภาพสะท้านทั่วหล้า!
นี่คือพลังระเบียบ!
ใช้บรรทัดหยกเป็นตัวนำ หยิบยืมพลังระเบียบต้องห้ามที่แผ่ครอบเหนือฟ้าดารานั่น!
กลับเห็นหลินสวินและซีสบตากันปราดหนึ่ง แม้ในแววตาจะมีแววแปลกไป แต่กลับไม่ตื่นตระหนก
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เผชิญหน้ากับอานุภาพเช่นนี้ทั้งคู่ต้องเผ่นหนีทันควันแน่นอน เหมือนอย่างครั้งแรกที่บุกเข้าแดนวังมังกร ยามเผชิญหน้ากับพลังระเบียบที่ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณควบคุมยังไม่อาจไม่หลบหนี
ทว่าตอนนี้ทั้งคู่ไม่กลัวนานแล้ว!
หลินสวินกล่าวเรียบๆ “จักรพรรดิสวรรค์ดำรงปฏิบัติต่อสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเจ้าไม่เลวเลย ยังยินดีให้พวกเจ้าหยิบยืมพลังระเบียบต้องห้ามอีกด้วย”
“ก็แค่ให้ยืมเท่านั้น แต่ดูจากอานุภาพเช่นนี้ พลังระเบียบต้องห้ามที่หยิบยืมมาคงมีจำกัด บางทีอาจข่มขู่ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วหล้าได้ แต่… ก็ไม่พอให้มอง”
ซีก็เอ่ยปากเช่นกัน ท่าทีราบเรียบเฉยเมย
ตั้งแต่ตอนอยู่ดินแดนรกร้างโบราณ นางก็เคยปรากฏตัวต้านพลังระเบียบต้องห้าม มีหรือจะไม่รู้พลานุภาพของพลังระดับนี้
ปฏิกิริยาของหลินสวินและซีทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ไม่ได้หวาดกลัว ไม่ได้ครั่นคร้าม ถึงขั้นไม่ได้ลนลานสักนิด!
นี่เป็นการวางมาดตบตา หรือว่ามั่นใจเต็มประดากันแน่
ฮูม!
บรรทัดหยกซึ่งมีกลิ่นอายพลังระเบียบต้องห้ามคลุมเครือไหลเวียน ดุจดั่งพลังไร้ศัตรูอันแข็งแกร่ง ทำให้ความสงสัยในใจบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงหายไป
แววตาเขาโหดเหี้ยมและเรียบเฉย จ้องมองหลินสวินกับซี “ต่อให้เจ้าหอวิหคทองแดงอยู่ที่นี่ก็คงไม่กล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้ และตอนนี้เกรงว่าเจ้าหอวิหคทองแดงคงประสบเคราะห์ตายไปนานแล้ว พวกเจ้า… จะเอาอะไรมาต้านพลังระเบียบต้องห้ามที่แผ่ครอบเหนือโลกนี้ได้”
ในคำพูดเจือแววดูแคลน
แต่อันที่จริงตั้งแต่ต้นในใจเขาก็มองหลินสวินและซีเป็นศัตรูตัวฉกาจ หาไม่ก็คงไม่ใช้พลังระเบียบต้องห้ามตั้งแต่เริ่มต่อสู้แน่นอน
“ต้าน? ไม่ ตั้งแต่วันนี้ไป ในโลกจะไม่มีสำนักโบราณจรัสเทพอีก”
หลินสวินยิ้ม สายตาเย็นเยียบ “และความแค้นของข้าหลินสวินกับพวกเจ้าก็จะยุติลงในวันนี้เดี๋ยวนี้แหละ!”
“น่าขัน!”
บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงระเบิดหัวเราะอย่างอดไม่ได้ โบกบรรทัดหยกในมือ ทันใดนั้นพลังระเบียบต้องห้ามน่าสะพรึงดุจดั่งโซ่ตรวนเทพที่กระหน่ำฟาดโลกมนุษย์ก็พุ่งเข้าใส่ซี
การโจมตีที่ดูเหมือนธรรมดา แต่หากเปลี่ยนเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิคนใดๆ มาอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงไม่กล้าลูบคมมัน เพราะนั่นคือระเบียบต้องห้าม แผ่ครอบเหนือทั่วหล้าฟ้าดารา ตัดเส้นทางมุ่งหน้าไปยังอีกฟากฝั่ง!
พลังระดับนี้มีหรือจะธรรมดา
ตั้งแต่อดีตจนบัดนี้ ก็มีเพียงจักรพรรดิยุทธ์ ศิษย์คนโตของคีรีดวงกมลคนเดียวที่เคยทลายพลังนี้ระดับนี้ลงได้ นอกจากนี้ ทอดสายตามองทั่วหล้าบนล่างก็ไม่มีใครอีกเลย!
กลับเห็นว่าในเวลานี้ซีไม่หลบไม่เลี่ยง ในมือหยกเรียวยาวใสกระจ่างปรากฏพลังระเบียบขมุกขมัวกลุ่มหนึ่ง กลายเป็นทวนศึกที่คละคลุ้งกลิ่นอายแปลกประหลาดเล่มหนึ่ง พุ่งขวางออกไป
ตูม!
พลังของทวนศึกและบรรทัดหยกเข้าปะทะกัน ประดุจพลังระเบียบสูงสุดสองชนิดต่อสู้กัน สาดละอองแสงระเบียบทั่วฟ้า ทำให้ฟ้าดินผืนนี้จมลงท่ามกลางเสียงโหยหวน
พื้นที่ใกล้เคียงแม้จะถูกสำนักโบราณจรัสเทพวางกระบวนผนึกไว้มากมาย แต่ในเวลานี้ล้วนแตกกระจุยพังครืน ภูเขาทรุดทลาย ต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน หมื่นชีวิตดับสูญ!
การชนกันของพลังระดับนี้ น่าสะพรึงเกินไป!
หลินสวินถอยหลบไปไกลแต่แรกแล้ว แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังถูกคลื่นลูกหลงของพลังระเบียบอันสะพรึงซัดจนเลือดลมพลิกตลบ ไม่อาจไม่เรียกเตากระบี่ออกมา อาศัยเพลิงหงส์ระเบียบในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจึงจะสลายแรงโจมตีระดับนี้ลงได้
เมื่อเงยหน้ามองดูตรงจุดนั้นอีกครั้ง นอกจากที่ตั้งประตูอย่างยอดเขาจรัสนภา เทือกเขาไพศาลทั่วสี่ทิศแปดทางล้วนถูกทำลายสิ้น!
“เจ้าถึงกับครอบครองพลังระเบียบเหมือนกัน!” ในฝุ่นควันคละคลุ้ง เสียงเจือแววตกใจแกมเดือดดาลของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงดังขึ้น
ก็เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ
การที่สามารถหยิบยืมพลังระเบียบต้องห้ามได้เป็นที่พึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ทว่าตอนนี้เมื่อพลังระเบียบที่ซีครอบครองปรากฏขึ้น ทำให้ข้อได้เปรียบทั้งหมดที่เขามีไม่เหลือแล้ว!
ซีไม่ใช่คนชอบพูดมาแต่ไหนแต่ไร เงาร่างนางขยับไหว กระตุ้นทวนศึกที่แปรสภาพมาจากพลังระเบียบเล่มนั้นโจมตีเข้าไป
ละอองแสงดุจดั่งมายาเกี่ยวถักทอรอบตัวนาง แพรวพราวงดงามประหนึ่งเทพเซียนบนฟากฟ้า และฝีมือต่อสู้ของนางก็เรียกได้ว่าดุกร้าวไร้ทัดเทียม
ชั่วอึดใจก็ทำเอาบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงบาดเจ็บสาหัส!
ท่วงท่างามสง่าไร้ใครเทียบเช่นนั้น ทำให้หลินสวินยังเลื่อมใสในใจไม่หาย
“เจ้าหนู อย่ามัวแต่ชมดูการต่อสู้แล้ว รีบมาเสริมทัพเร็ว!” ไกลออกไปเสียงตะโกนอึมครึมของต้าหวงดังขึ้น
มันกำลังถูกบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนล้อมกรอบ ตกอยู่ในสภาพตั้งรับ
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง ร่างกายพริบไหวเคลื่อนย้าย ก่อนกระตุ้นเตากระบี่โจมตีเข้าไป
ไม่ว่าใครเห็นภาพนี้เกรงว่าคงคิดว่าหลินสวินบ้าไปแล้ว นั่นเป็นถึงการต่อสู้ระหว่างระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่งพรวดพราดเข้าไป ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายชัดๆ
อันที่จริงบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งสามคนอย่างหนิงเจิน อวิ๋นจิว เล่อหรงก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ในสายตาพวกเขามีแต่แววเหยียดหยันและดูแคลนต่อการเข้าร่วมของหลินสวิน
แต่เมื่อเบื้องหน้าหลินสวินมีแสงมรรคกาลเวลาขาวโพลนอุบัติออกมาแถบหนึ่ง ฟ้าดินนี้ดุจดุ่งจมสู่ความเงียบไปชั่วขณะ
การเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนแข็งค้างทั้งหมด
ปึง!
และเป็นยามนี้ที่ต้าหวงควงกระบองกระดูกขาวฟาดลงมาอย่างแรง ร่างบรรพจารย์จักรพรรดิอวิ๋นจิวพลันแตกระเบิดทันที ถูกฟาดกระจุยทั้งเป็น เลือดเนื้อและวิญญาณล้วนถูกบดขยี้สิ้นซาก!
สองบรรพจารย์จักรพรรดิที่เหลือหวาดผวา หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?
“ฆ่า!”
สถานการณ์ที่ถูกล้อมกรอบถูกทำลายลง ทำให้อานุภาพต้าหวงดุดันหาใดเปรียบ อหังการยิ่งยวด ไล่ทุบตีสองบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหนิงเจินและเล่อหรงทันที
และในเวลานี้ เสียงอู้อี้ของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงดังขึ้นจากไกลๆ เขาอยู่ในสภาพร่างแหลก ถูกซีกำราบในการต่อสู้อย่างสิ้นเชิง
“ไป!” ในเวลานี้บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงตัดสินใจโดยไม่ลังเล ถอยทัพออกมาเพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อน
หนิงเจินและเล่อหรงต่างก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ โดยเฉพาะภาพร่วงหล่นของบรรพจารย์จักรพรรดิอวิ๋นจิวก่อนหน้านี้กระเทือนจิตใจพวกเขานานแล้ว ทำเอาพวกเขาตกใจกลัว
เวลานี้พวกเขาก็ไม่กล้ายึดติดกับการต่อสู้อีก รีบถอนตัวถอยออกมา
“เสี่ยวอู่ ตาเจ้าลงสนามแล้ว!” แต่ในขณะเดียวกันหลินสวินก็เอ่ยขึ้นเสียงดังลั่น
………………………