บทที่ 2085 คนตระกูลฉีมาแล้ว

The king of War

The king of War บทที่ 2085 คนตระกูลฉีมาแล้ว
หยางเฉินสนใจโลกใบเล็กของเมืองเยี่ยนตูมาก แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่ยอมบอกเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่รอโอกาสที่จะเรียนรู้เรื่องราวของโลกใบเล็ก

หลังจากนั้น หยางเฉินโทรไปหาเย่จางกั๋ว และอธิบายเกี่ยวกับกฎใหม่สำหรับนักบูโด

หลังจากรู้แผนการของหยางเฉินแล้ว เย่จางกั๋วรู้สึกตื่นเต้นมาก และรีบกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสี่ ผมจะติดต่อกองกำลังบู๊โบราณเหล่านั้นทันที”

“โอเค!”

หลังจากวางสายแล้ว หยางเฉินกล่าวกับหม่าชาว “ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องของจงโจวเอง คุณไปที่สำนักบู๊ แล้วส่งพี่อ้ายและเสียวหว่านไปที่เมืองเยี่ยนตู”

ก่อนหน้านั้นพวกเขารีบมาสมาคมผู้อาวุโส และไม่รู้สถานการณ์ของเมืองเยี่ยนตู ดังนั้นพวกเขาจึงให้เฝิงเสียวหว่านและอ้ายหลินอยู่ที่สำนักบู๊ก่อน

ตอนนี้ที่สนามรบนอกแดน สำนักบู๊เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว เนื่องจากมีคนรุ่นหลังของตระกูลบู๊โบราณหลายคน นำโดยหลิ่วหรูเอียนอยู่ที่แดนเหนือ และสำนักบู๊ยังเป็นศูนย์กลางของแดนเหนืออีกด้วย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับกองกำลังบู๊โบราณ อื่น ๆ จะไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในแดนเหนือ

ตอนที่หยางเฉินและหม่าชาวไปเมืองเยี่ยนตู พวกเขาให้เฝิงเสียวหว่านและคนอื่น ๆ อยู่ที่สำนักบู๊

หม่าชาวกล่าวด้วยสีหน้ากังวลว่า “พี่เฉิน คุณจัดการคนเดียว ไหวเหรอ?”

หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย “วางใจเถอะ ผมยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ในจงโจวได้”

“คุณเดินทางไปที่สนามรบนอกแดนทันที ถึงแม้แดนเหนือจะมีหลิ่วหรูเอียนและคนอื่น ๆ ที่เป็นคนรุ่นหลังของตระกูลบู๊โบราณค่อยปกป้องอยู่ แต่ถ้าผมเริ่มโจมตีกองกำลังบู๊โบราณในจงโจว ไม่สามารถรับประกันว่าตระกูลบู๊โบราณเหล่านี้จะต่อสู้อย่างเต็มที่หรือไม่”

“เดิมทีผมคิดว่าตอนนี้สำนักบู๊เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีเพียงเมืองเยี่ยนตูเท่านั้น ถึงจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด เพราะมีสมาคมผู้อาวุโสคอยบัญชาการอยู่ในเมืองเยี่ยนตู กองกำลังบู๊โบราณไม่กล้าทำอะไรเกินไป”

การออกกฎใหม่ในจงโจวคืนนี้ หยางเฉินคาดการณ์ว่ากองกำลังบู๊โบราณทั้งห้าในจงโจว และนักบูโดแดนนภาจะไม่มาร่วมการประชุม

เมื่อพวกเขาปฏิเสธที่จะมาเข้าร่วมการประชุม ก็จะเป็นการให้โอกาสหยางเฉินลงมือเคลื่อนไหว

ขอเพียงแค่ลงมือเคลื่อนไหว มันจะเป็นการล่วงเกินกองกำลังบู๊โบราณเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นต้องเตรียมการบางอย่างล่วงหน้า

หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉินแล้ว หม่าชาวตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้เช่นกัน กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “โอเค ผมจะไปที่สนามรบนอกแดนทันที แล้วพาเสียวหว่านและคนอื่น ๆ กลับมาโดยเร็วที่สุด”

หยางเฉินพยักหน้า “โอเค ไปเถอะ!”

หลังจากหม่าชาวไปแล้ว หยางเฉินก็เข้าสู่สภาวะการบำเพ็ญเพียร เขาถือหินอาถรรพ์ขนาดเท่าลูกปิงปองไว้ในมือข้างหนึ่ง ตำราเทพสงครามกำลังโคจร หยางเฉินดูดซับชี่ทิพย์หนาแน่นในหินอาถรรพ์เข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง

แหวนเก็บของที่หยางเฉินได้รับจากฉีอิงเว่ย มีหินอาถรรพ์อยู่ห้าล้านก้อน ซึ่งเพียงพอสำหรับหยางเฉินใช้ในการบำเพ็ญเพียรไประยะหนึ่ง

ขณะนี้ หยางเฉินรู้สึกว่าการบำเพ็ญของตนเองมาถึงแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแล้ว อยู่ห่างจากการทะลวงเพียงก้าวเดียว

หยางเฉินใช้หินอาถรรพ์ไปนับร้อยก้อนติดต่อกัน แต่ก็ยังไม่ทะลวง

“ดูเหมือนว่าถ้าผมต้องการทะลวงสู่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นกลาง ยังคงต้องการจุดเปลี่ยนพลิก”

หลังจากการบำเพ็ญเพียรไร้ผล หยางเฉินหยุดการบำเพ็ญเพียร และกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ

ถึงแม้เขาจำเป็นต้องปรับปรุงความแข็งแกร่งอย่างเร่งด่วน แต่เขาก็รู้ว่าบูโดไม่สามารถบรรลุผลได้ในเวลาชั่วข้ามคืน ต้องปรับปรุงทีละนิด การทะลวงแดนบูโดจำเป็นต้องมีจุดเปลี่ยนพลิก

บางครั้ง ต้องการเข้าใจอย่างฉับพลัน บางครั้ง ต้องสู้ตายกับผู้แข็งแกร่ง และบางครั้งต้องการยอดฝีมือคอยชี้แนะ

หยางเฉินมองหยกแขวนโบราณที่อยู่ในมือ กล่าวพึมพำกับตัวเอง “หยกแขวนนี้น่าสนใจมาก ไม่รู้ว่าหยกแขวนนี้จะสามารถใช้ได้กี่ครั้ง?”

เขาได้หยกแขวนชิ้นนี้มาจากแหวนเก็บของของฉีอิงเว่ย ตามคำอธิบายของหม่าชาวแล้ว หยกแขวนนี้เป็นสมบัติประเภทพื้นที่ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีพื้นที่อย่างน้อยสิบตารางเมตร

หม่าชาวบอกว่า ต้องให้พลังที่อยู่ในหยกแขวนนี้หมดก่อน ถึงจะสามารถใช้หยกแขวนชิ้นนี้ได้

และวิธีการใช้หยกแขวนคือการปล่อยพลังจิตของตนเองเข้าไป ด้วยสถานะปัจจุบันของหยางเฉิน สามารถอยู่ได้เพียงหนึ่งนาทีเท่านั้น

ภายในหนึ่งนาที หยางเฉินสามารถอาศัยพลังในหยกแขวน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้หนึ่งแดนเล็ก

เพียงแต่ เวลาสั้น ๆ เพียงหนึ่งนาที สำหรับหยางเฉินแล้ว เป็นสถานการณ์เสียเปรียบ แต่จะทิ้งไปก็เสียแรง เพราะเมื่อใช้พลังในหยกแขวนนี้ ตนเองสามารถยืนหยัดได้เพียงหนึ่งนาที และความแข็งแกร่งจะเพิ่มสูงขึ้นเพียงหนึ่งแดนเล็กเท่านั้น หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที หยางเฉินจะเข้าสู่ช่วงอ่อนแรง เพราะเขาใช้พลังจิตไปหมดแล้ว

และนี่ไม่ใช่สิ่งที่หยางเฉินต้องการ สำหรับหยางเฉินแล้ว เขายอมกระตุ้นสายเลือดคลั่งไปสู่สถานะแข็งแกร่งที่สุด ยังดีกว่าใช้พลังในหยกแขวนชิ้นนี้

ทันใดนั้น ความคิดที่ใจกล้าก็ปรากฏขึ้นในสมองของหยางเฉิน เขามองหยกแขวนและกล่าวว่า “บางที ผมสามารถอาศัยหยกแขวนชิ้นนี้ เพื่อฝึกความแข็งแกร่งของพลังจิตได้”

หลังจากกล่าวจบ เขาปล่อยพลังจิตของตนเองเข้าไปในหยกแขวนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

หลังจากการปล่อยพลังจิตเข้าไปแล้ว เขาสามารถรับรู้ได้ว่ามีพลังที่ทรงพลังกำลังเข้าสู่ร่างกายของตนเองผ่านหยกแขวน

พลังบูโดบนร่างกายของเขาพุ่งสูงขึ้น จากแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ทะลวงสู่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นกลางทันที

เขาไม่ได้กระตุ้นสายเลือดคลั่ง และไม่ได้ใช้วิชาลับเชียนเสวียน ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาคือความแข็งแกร่งปกติ

ถ้าเขากระตุ้นสายเลือดคลั่ง แล้วใช้วิชาลับเชียนเสวียน แล้วอาศัยร่างกายของเขาที่ถูกเปลี่ยนโดยสามสายเลือดเทพที่ยิ่งใหญ่ ก็จะสามารถระเบิดความแข็งแกร่งของแดนนภาขั้นสองชั้นกลางได้

ถ้าสู้ตาย กระทั่งอาจจะสามารถระเบิดด้วยความแข็งแกร่งเทียบเท่าแดนนภาขั้นสองชั้นปลายได้

นักบูโดประเภทนี้มีพลังการต่อสู้ที่แท้จริงเกินกว่าแดนบูโดของตนเอง นอกจากตนเองแล้ว ไม่มีคนที่สองอีกแล้ว

ถึงแม้ว่าหม่าชาวจะกลืนกินสายมังกร แล้วยังมีลูกแก้วดูดเลือดอยู่ในร่างกาย เขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งของแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้น ระเบิดพลังการต่อสู้ของแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดได้

พริบตาเดียว ก็ถึงเวลาหนึ่งนาทีแล้ว พลังที่เพิ่มขึ้นของหยางเฉินก็ค่อย ๆ อ่อนลง และอ่อนลงจนต่ำกว่าแดนนภา

หยางเฉินถอนหายใจ “สามารถยืนหยัดได้เพียงหนึ่งนาที? ดูเหมือนว่าพลังจิตของผมยังอ่อนแอมาก”

หลังจากกล่าวจบ เขาหยิบหินอาถรรพ์หกก้อนออกมาทันที ถือหินอาถรรพ์ข้างล่ะสามก้อน เริ่มดูดซับชี่ทิพย์ในหินอาถรรพ์

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หินอาถรรพ์ทั้งหกก้อนที่อยู่ในมือของหยางเฉินก็หายไปอย่างสิ้นเชิง หยางเฉินก็กลับสู่สถานะสูงสุดเช่นกัน

หยางเฉินยิ้มด้วยความขมขื่นและส่ายศีรษะ “ถ้าไม่มีหินอาถรรพ์จำนวนมากให้ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ก็ไม่มีทางที่จะฝึกพลังจิตแบบนี้ได้”

ถ้านักบูโดของโลกบู๊โบราณล่าง รู้ว่าหยางเฉินใช้วิธีแบบนี้ฝึกพลังจิต พวกเขาจะต้องตำหนิว่าเขาเป็นคนฟุ่มเฟือยอย่างแน่นอน

ต้องรู้ว่าฉีอิงเว่ยเป็นบูโดอัจฉริยะชั้นนำของโลกบู๊โบราณล่าง เขามีหินอาถรรพ์อยู่ในแหวนเก็บของห้าล้านก้อน ถ้าเป็นนักบูโดคนอื่น อย่าพูดถึงห้าล้านก้อนเลย เกรงว่าไม่มีแม้แต่หินอาถรรพ์ห้าหมื่นก้อนด้วยซ้ำ

ตามอัตราการใช้หินอาถรรพ์ของหยางเฉิน เกรงว่าเขาต้องใช้หินอาถรรพ์วันล่ะหลายร้อยก้อน หินอาถรรพ์จำนวนห้าหมื่นก้อน เกรงว่าไม่พอใช้หนึ่งปีด้วยซ้ำ

และในโลกบู๊โบราณล่าง นักบูโดระดับต่ำที่สุด ตลอดชีวิตของเขา ก็อาจไม่สามารถครอบครองหินอาถรรพ์ห้าหมื่นก้อนได้

หลังจากที่เขากลับสู่สภาวะสูงสุดแล้ว หยางเฉินก็ปล่อยพลังจิตเข้าไปในหยกแขวน แล้วความแข็งแกร่งของเขาก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

พริบตาเดียว ก็ถึงเวลาหนึ่งนาทีแล้ว หยางเฉินบีบบังคับพลังจิตสุดท้ายของตนเอง แต่ไม่นาน เขาก็ใช้พลังจิตของตนเองไปหมดแล้ว

“ได้ผล! หนึ่งนาทีแปดวินาที! นานกว่าครั้งที่แล้วสี่วินาที!”

หยางเฉินกล่าวด้วยความประหลาดใจ

เขาแค่ต้องการทดลองเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าวิธีนี้จะสามารถฝึกพลังจิตได้ ถึงแม้เวลาจะเพิ่มขึ้นเพียงแค่สี่วินาที แต่มันเป็นเพียงครั้งที่สองที่เขาฝึกด้วยวิธีนี้ ถ้าฝึกด้วยวิธีนี้อีกหลายวัน พลังจิตของตนเองอาจจะเพิ่มเป็นสองเท่า?

ความเร็วในการพัฒนาพลังจิตแบบนี้ เร็วกว่าวิธีการฝึกแบบเดิมของหยางเฉินหลายเท่า

หยางเฉินรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาหยิบหินอาถรรพ์ออกมาอีกหกก้อน และเริ่มดูดซับ

หยางเฉินเริ่มฝึกแบบนี้ด้วยความบ้าระห่ำ หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเต็ม ๆ หยางเฉินฝึกด้วยวิธีแบบนี้หกครั้ง และแต่ละครั้ง เวลาที่ยืนหยัดนานขึ้น

และตอนแรกจากหนึ่งนาทีสองวินาที เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งนาทียี่สิบสามวินาที เพิ่มขึ้นยี่สิบเอ็ดวินาที

นี่เป็นเพียงผลลัพธ์ของการฝึกสามชั่วโมง ส่วนพลังจิตของเขาพุ่งสูงขึ้นถึงหนึ่งในสาม

หยางเฉินสามารถรับรู้ได้ว่าขณะที่ตนเองฝึกพลังจิตด้วยวิธีนี้ แดนบูโดของเขาก็ได้รับการขัดเกลามากขึ้นเช่นกัน และเข้าใกล้การทะลวงแดนมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่เขาฟื้นสู่สภาวะสูงสุดแล้ว และกำลังเตรียมตัวสำหรับการฝึกครั้งต่อไป มีคนมาอยู่ข้างนอกแล้ว

หยางเฉินหยุดฝึก และขมวดคิ้ว

ขณะนี้ เสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก และมีคนกล่าวว่า “ผมชื่อฉีเฟิง มาจากตระกูลฉีของตระกูลบู๊โบราณ รบกวนถามว่าผู้อาวุโสสี่อยู่ไหม?”

เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว สีหน้าของหยางเฉินเคร่งขรึมทันที นึกไม่ถึงว่าคนของตระกูลบู๊โบราณจะมาหาถึงที่

บทที่ 2084 ดำเนินการตามกฎ

บทที่ 2086 นี่เป็นจุดพลิกเปลี่ยน