จ้งชิวกลิ่นอายปั่นป่วน นั่งอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บ แต่ยังคงมีอานุภาพที่น่ายำเกรง
เหมือนเสาที่ค้ำฟ้าดิน เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ในใจหลินสวินยิ่งบีบรัด นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
เขาพินิจรอบๆ กลับไม่เห็นร่องรอยของจักรพรรดิสวรรค์ดำรง
“นายท่าน!”
เห็นจ้งชิวหลับตาสนิท ไม่ตอบสนองสักนิด ต้าหวงลนลานขึ้นมาทันที หมายจะพุ่งเข้าไปแต่กลับถูกหลินสวินขวางไว้
“ศิษย์พี่รองยังไม่ประสบเคราะห์ อย่าทำอะไรโดยพลการ”
หลินสวินพูดจบก็พลันอึ้งไป มองเห็นว่าข้างๆ ร่างจ้งชิวยังมีระฆังมรรคสำริดอีกอัน เต็มไปด้วยรอยด่าง ประทับลายมรรคที่ลึกลับคลุมเครือ
เป็นระฆังมหามรรคไร้กฎ!
อีกทั้งไม่ใช่พลังเจตจำนง แต่เป็นร่างต้นของมัน!
หลินสวินนึกขึ้นได้ว่าระฆังนี้ถือกำเนิดที่ผาสยบมรรค เมื่อนานมากแล้วเคยยืมพลังของไม้เทพชางอู๋ เข้าไปฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณพร้อมกับศิษย์พี่หลี่เสวียนเวย
และหากพูดถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของระฆังไร้กฎ ถึงขั้นสามารถเทียบกับเตามารดาหลอมสมบัติได้!
“พลังของเตามารดาหลอมสมบัติ…”
และตอนนี้เอง ระฆังไร้กฎที่เงียบสงัดไม่ขยับเหมือนสัมผัสอะไรได้ ตื่นจากการหลับใหล ส่งเสียงที่เลื่อนลอยออกมา
ขณะเดียวกันจิตรับรู้ที่เก่าแก่พุ่งออกมา จับกลิ่นอายของหลินสวินและต้าหวงได้ในทันที
“ที่แท้ก็เป็นสหายน้อย”
ระฆังไร้กฎเอ่ยปาก เผยความประหลาดใจ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าถึงกับหลอมเก้าศาสตราจักรพรรดิคุนหลุนเข้าไปในศาสตราจักรพรรดิแห่งตนทั้งหมด สุดยอดจริงๆ”
ครั้งแรกที่หลินสวินเข้าไปในแดนลับเขาพญามังกรแห่งแหล่งสถานคุนหลุน ก็เคยได้รับการชี้แนะจากพลังเจตจำนงของระฆังไร้กฎ อีกฝ่ายจำได้ก็ไม่แปลก
ตอนนี้หลินสวินไม่มีกระจิตกระใจจะทักทาย อดถามไม่ได้ “ผู้อาวุโส นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ระฆังไร้กฎเอ่ยด้วยเสียงเลื่อนลอย “ไม่กี่ปีก่อนศิษย์พี่รองของเจ้ามานัดประลองกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่นี่ สุดท้ายแม้กำราบจักรพรรดิสวรรค์ดำรงไว้ใต้ภูเขานี้ได้ แต่ศิษย์พี่รองของเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”
หลินสวินและต้าหวงสีหน้าเปลี่ยนไปไม่นิ่ง เพิ่งจะรู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงถูกกำราบแล้ว มิน่าก่อนหน้านี้ถึงระดมระดับจักรพรรดิมากมายขนาดนั้นมาโจมตีภูเขาเทพแห่งนี้
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงทำเช่นนี้ จึงจะสามารถทำให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่ถูกกำราบอยู่ใต้ภูเขานี้หลุดพ้นได้!
“ตอนนี้ศิษย์พี่รองของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” หลินสวินถาม
“เขาต้องทุ่มพลังทั้งหมดถึงสามารถกำราบจักรพรรดิสรรค์ดำรงไว้ได้ ดังนั้นถึงได้ละทิ้งสิ่งรบกวนภายนอกทั้งหมด ทั้งกายใจมรรควิถีล้วนผสานอยู่ในพลังระเบียบแดนปรินิพพานนี้”
ระฆังไร้กฎหล่าว “แต่แม้เป็นเช่นนี้ ในช่วงสั้นๆ ก็ไม่อาจสังหารจักรพรรดิสวรรค์ดำรงให้ตายอย่างสิ้นเชิงได้ จากการคาดการณ์ หากศิษย์พี่รองของเจ้าสามารถเฝ้ากำกับอยู่ที่นี่ได้ประมาณร้อยปี น่าจะสามารถกำจัดศัตรูตัวฉกาจอย่างจักรพรรดิสวรรค์ดำรงนี้ได้อย่างเด็ดขาด”
ร้อยปี!
หลินสวินกับต้าหวงเผยความกังวลขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่
และก็เป็นตอนนี้ที่เสียงเฉยเมยของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงดังขึ้นมาอีกครั้ง
“น่าขัน จากบาดแผลบนร่างจ้งชิว จะทำให้เขาเฝ้าอยู่ที่นี่ได้ร้อยปีจริงหรือ จากที่ข้าดู ไม่เกินหนึ่งปีทั้งร่างกายและมรรควิถีของเขาล้วนต้องพังทลายเพราะบาดแผลรุนแรงเกินไป ร่างตายมรรคสลายอย่างสิ้นเชิง!”
ชั่วขณะเดียวต้าหวงดวงตาวาวโรจน์ โมโหจนขนตั้ง ตะคอกว่า “เฒ่าสารเลว เจ้าแม่งถูกกำราบไปล้ว ยังม่หน้ามาพูดไร้สาระมากมายเช่นนี้อีกหรือ!”
“โมโหอีกเท่าไรก็เปลืองแรงเปล่า ข้ามาจากอีกฟากฝั่ง ร่างมีพลังอมตะ ต่อให้ยามนี้ถูกกำราบ วันหน้าก็ต้องมีโอกาสหลุดพ้น”
พูดจบเสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็เงียบไปเพียงเท่านี้ ไม่ว่าต้าหวงจะก่นด่าอย่างไรก็ไม่เห็นอีกฝ่ายส่งเสียงอีก
หลินสวินถาม “ผู้อาวุโส บาดแผลบนร่างศิษย์พี่รองรักษาไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้”
ระฆังไร้กฎพูด “นี่คือบาดแผลมรรค จะต้องรักษาด้วยตัวเขาเอง อีกทั้งการกำราบนี้ คนนอกไม่สามารถแทรกแซงได้”
หลินสวินขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าการประลองที่ได้รับความสนใจจากทั่วหล้าฟ้าดาราครั้งนี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่อันตรายเช่นนี้
“จากที่ข้าเห็น จ้งชิงมีพลังแน่วแน่ มีสติปัญญา ไม่ประสบเคราะห์เพียงเท่านี้แน่ สหายน้อยไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป” ระฆังไร้กฎพูด
“บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร” ต้าหวงกระวนกระวายใจ
หลินสวินเองก็จนปัญญา
ร้อยปี หากสามารถสังหารจักรพรรดิสวรรค์ดำรงได้ นั่นแน่นอนว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แต่ในหนึ่งร้อยปี หากบาดแผลบนร่างกายของศิษย์พี่รองกำเริบจนธาตุไฟเข้าแทรกจะทำอย่างไร
“ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ” หลินสวินถาม
ระฆังไร้กฎเพิ่งหมายจะพูดอะไร ก็เห็นบนร่างของจ้งชิงที่นั่งนิ่งหลับตาสนิทอยู่ตรงนั้นมาตลอดส่งเสียงสายหนึ่งออกมา
“ศิษย์น้อง บาดแผลของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงรุนแรงกว่าข้า ในร้อยปีข้าย่อมสามารถฆ่าเขาได้อย่างสิ้นเชิง เจ้ากับต้าหวงไม่ต้องเป็นห่วง”
เสียงของจ้งชิวใจเย็นและราบเรียบ ยังคงมั่นใจและหยิ่งทระนงเหมือนที่ผ่านมา
ได้ยินเช่นนี้หลินสวินและต้าหวงล้วนตื่นเต้น ตาเป็นประกาย
“ศิษย์พี่ ข้า…”
หลินสวินเพิ่งคิดจะพูดอะไร เสียงของจ้งชิวก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ศิษย์น้อง ให้ต้าหวงอยู่ที่นี่ เจ้านำระฆังไร้กฎจากไป มุ่งหน้าไปหาศิษย์พี่สี่ของเจ้าที่ซากคีรีดวงกมลในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น…”
“ฆ่าเขาซะ!”
คำสั้นๆ ไม่กี่คำเผยความเด็ดขาด
หลินสวินตกใจ จิตใจสั่นไหว
ในบรรดาผู้สืบทอดทั้งห้าสิบคนของคีรีดวงกมล ศิษย์พี่ใหญ่จักรพรรดิสงครามยุทธ์ ศิษย์พี่สามรั่วซู่ ศิษย์พี่ห้าชื่อจวิน ศิษย์พี่แปดปู่ซ่วนจื่อ ศิษย์พี่สิบเอ็ดผู่เจิน… เป็นต้น หลังจากเอาชนะจอมจักรพรรดิไร้นาม ก็ข้ามฟ้าดารามุ่งหน้าสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราแล้ว
ส่วนพวกศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผู ศิษย์พี่สิบสี่จี้ซิว กลับสิ้นชีพไปนานแล้ว
หลินสวินก็เคยสงสัยอยู่ว่า ในบรรดาศิษย์พี่ที่อยู่ในห้าลำดับแรก ศิษย์พี่สี่คือใคร
ทว่าหลายปีมานี้ไม่ว่าเขาจะเจอศิษย์พี่คนไหน ล้วนไม่เคยพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับคนผู้นี้
ถึงขั้นตอนที่หลินสวินถามก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ
แต่ตอนนี้ศิษย์พี่รองจ้งชิวกลับบอกว่า จะให้ตนไปฆ่าศิษย์พี่สี่!
นี่ฟังแล้วน่าตกใจเกินไป!
และเพราะเหตุใดกันแน่
“เรื่องนี้หลังจากเจ้าจากไปแล้ว ให้ระฆังไร้กฎบอกเจ้า”
เสียงของจ้งชิวดังขึ้นอีกครั้ง “สรุปแล้วที่ตอนนั้นอาจารย์ไม่ได้ฆ่าเขา เพราะให้เขาสำนึกผิด สร้างจิตมรรคใหม่ แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะดึงดันเข้าสู่ทางมารไปแล้ว จะต้องกำจัด”
ในเสียงมีความผิดหวังและมีความเด็ดขาด
ถึงตรงนี้เสียงของจ้งชิวเงียบไปอีกครั้ง ไม่ว่าหลินสวินและต้าหวงจะพยายามสื่อสารอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“หลินสวิน เจ้ากับระฆังไร้กฎไปเถอะ ที่นี่ให้ข้าดูแลก็พอ” ต้าหวงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่ พูดพลางพุ่งไปยังยอดเขา คุ้มกันอยู่ตรงหน้าจ้งชิว
“สหายน้อย ไปเถอะ” ระฆังไร้กฎปรากฏตัวกลางอากาศ สาดเงาแสงลายพร้อย
หลินสวินอึ้งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้าพูด “ข้าจะกลับมา”
“ช้าก่อน”
แต่ตอนนี้เองจู่ๆ ซีก็ส่งเสียง จากนั้นเดินออกจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ “ตอนนั้นเขาช่วยข้าไว้ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ข้าก็จะอยู่ที่นี่คอยปกป้องเขา”
หลินสวินอึ้งไป ก่อนจะพยักหน้า “ก็ดี”
ในครั้งแรกที่เข้าสู่โลกมืด ซีต่อสู้กับหญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิงและได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นศิษย์พี่รองที่ยื่นมือช่วยนางไว้
ตอนนี้ซีเลือกจะอยู่ต่อ เห็นได้ชัดว่าต้องการทดแทนบุญคุณของศิษย์พี่รอง
อีกอย่างมีนางกับต้าหวงอยู่ด้วยกัน ก็ทำให้หลินสวินวางใจไม่น้อย
“เศษเดนน้อย เจ้าอธิษฐานให้ตนเองไม่ตายไวจะดีที่สุด ตอนที่ข้าหลุดไปได้จะไปกำจัดเจ้าทันที!” จู่ๆ เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงก็ดังขึ้น เผยความเย็นเยียบเสียดกระดูก
หลินสวินไม่สนใจ ลงเขาไปพร้อมกับระฆังไร้กฎ
……
เดินลงจากภูเขาเทพโดยมีระฆังไร้กฎเป็นคนนำทาง กระแสระเบียบที่พลุ่งพล่านทั่วฟ้าอย่างอหังการไม่สามารถส่งผลกระทบต่อหลินสวินได้
เมื่อมาถึงครึ่งทางหลินสวินอดหันกลับไปไม่ได้ มองตำแหน่งยอดภูเขาเทพนั่น สามารถมองเห็นเงาร่างของซี ต้าหวง และจ้งชิวรางๆ
“ภูเขานี้ชื่ออะไร” หลินสวินถาม
“สยบมรรค”
เสียงของระฆังไร้กฎเลื่อนลอย “ที่ที่จ้งชิวนั่งอยู่ก็คือผาสยบมรรค เจ้าดูสิ ฟ้าดินแห่งนี้เต็มไปด้วยกระแสระเบียบ รวบรวมกลิ่นอายต้นกำเนิดของมหามรรคนับไม่ถ้วน หากรั่วไหลออกไป ทั้งแหล่งสถานคุนหลุนคงถูกทำลายล้างไปกว่าครึ่ง”
หลินสวินพยักหน้าพูด “ผู้อาวุโส ตอนนี้สามารถเล่าเรื่องของศิษย์พี่สี่ได้หรือยัง”
ระฆังไร้กฎเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ศิษย์พี่สี่ของเจ้าฉายามรรคว่า ‘หลิงเสวียนจื่อ’ เป็นอัจฉริยะที่มีสติปัญญาที่สุดในบรรดาผู้สืบทอดคีรีดวงกมล…”
หลิงเสวียนจื่อ
มากปัญญาแต่กำเนิด ใจมีเก้าทวาร วิญญาณดั่งดอกบัว พรสวรรค์โดดเด่น หายากในหมื่นกาล กราบเป็นศิษย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลตั้งแต่เยาว์วัย
ตอนเก้าขวบ ทะลวงแก่นอัศจรรย์แห่งระดับจักรพรรดิ ตั้งปณิธานอริยมรรค ‘หมื่นวิชาทั่วหล้าล้วนหนีไม่พ้นสายตาข้า หมื่นมรรคทั่วหล้าล้วนควบคุมโดยข้า สรรพชีวิตตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน พบข้า ประหนึ่งพบสวรรค์!’
เก้าขวบ!
ก็ก้าวผ่านข้อผูกมัดห้าระดับล่าง ทลายอมตะเคราะห์เก้าด่านเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ ความเร็วในการทะลวงระดับเช่นนี้เรียกได้ว่าน่าตกตะลึง โดดเด่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอยู่แล้ว
ที่น่าตกใจกว่าคือปณิธานอริยมรรคที่หลิงเสวียนจื่อตั้งเอาไว้ พบข้า ประหนึ่งพบสวรรค์!
สิบปีหลังจากนั้น หลิงเสวียนจื่อไปหาเจ้าแห่งคีรีดวงกมลกล่าวว่า ‘อาจารย์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าสามารถเข้าสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิได้แล้ว เรียกว่าศิษย์เหนือกว่าอาจารย์ได้หรือไม่’
ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดก็คือ ความสำเร็จด้านมหามรรคที่ท่านผู้เป็นอาจารย์ครอบครองยามทะลวงระดับจักรพรรดิ สู้ข้าไม่ได้
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลนิ่งเงียบ เพียงถอนหายใจยาวคราหนึ่ง
ตามคาด วันนั้นหลิงเสวียนจื่อเผชิญเคราะห์มกุฎจักรพรรดิ บรรลุจักรพรรดิในคราเดียว!
เรื่องระดับนี้ฮือฮาไปทั่วคีรีดวงกมลใน ผู้สืบทอดคนอื่นๆ ล้วนตะลึงอย่างไม่มีข้อยกเว้น คิดว่าด้วยคุณสมบัติของหลิงเสวียนจื่อ เรียกได้ว่าเป็นเลิศในหมื่นกาล ความสำเร็จในอนาคตจะต้องเหนือกว่าพวกเขาแน่
แต่หลังจากหลิงเสวียนจื่อบรรลุจักรพรรดิได้ไม่นาน ก็ประสบด่านเคราะห์ฟ้าประทานในการฝึกปราณ ในส่วนลึกที่สุดของจิตมรรคเขามีจิตมารปะทะออกมา เดินสู้หนทางชั่วร้าย
ตอนนั้นหลิงเสวียนจื่อฉวยโอกาสยามเจ้าแห่งคีรีดวงกมลออกไปข้างนอก ท้าประลองกับศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก ประลองความสูงต่ำ
หากแพ้ ก็ต้องสาบานด้วยจิตมรรค ยกย่องหลิงเสวียนจื่อเป็นนาย
หากชนะ เขาหลิงเสวียนจื่อจะทำลายมหามรรคแห่งตน
การกระทำนี้ถูกเหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลต่อต้าน คิดว่าการกระทำนี้ของหลิงเสวียนจื่อนอกรีตและสุดโต่งเกินไป จึงไม่มีใครเข้าร่วมถกมรรค
เพียงแต่หลิงเสวียนจื่อกลับไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เขาเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน โจมตีศิษย์พี่ศิษย์น้องสิบกว่าคนจนพ่ายแพ้ และคุมตัวศิษย์พี่ศิษย์น้องเหล่านั้นไว้ ประกาศกร้าวว่าภายในสามวันจะทำให้พวกเขาสาบานด้วยความเต็มใจ ยกเขาเป็นนาย
การกระทำนี้กระตุ้นความโกรธในใจผู้สืบทอดคนอื่นๆ ของคีรีดวงกมลอย่างสิ้นเชิง และตัดสินใจลงมือจับหลิงเสวียนจื่อ
ทว่าศึกในสำนักยังไม่ทันปะทุ หลิงเสวียนจื่อก็ถูกเจ้าแห่งคีรีดวงกมลที่หวนกลับมาสยบแล้ว!
…………………..