เมื่อได้ยินว่า สวีเจิ้นฮั๋วมีแผนการแล้ว อีกสี่คนต่างก็ประหลาดใจ
ท้ายที่สุดแล้ว หยางเฉินก็เป็นถึงผู้ที่ทำลายม่านพลัง อีกทั้งการพยายามทำลายมันก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขามีความแข็งแกร่งอย่างน้อยอยู่ที่แดนนภาขั้นสามชั้นยอด มิฉะนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายม่านพลังลง
ในเมื่อเป็นแบบนี้ สวีเจิ้นฮั๋วยังบอกว่าเขามีแผนตอบโต้แล้ว นั่นก็หมายความว่าตระกูลสวีมีความแข็งแกร่งที่จะฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดงั้นหรือ?
เจียงอานจวิน กล่าวว่า “พี่สวีในเมื่อตระกูลสวีมีแผนตอบโต้แล้ว อย่างนั้นก็โปรดบอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
คนอื่นๆ อีกหลายคนก็เปิดปากพูดเช่นกัน ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอ
สวีเจิ้นฮั๋วยิ้มแล้วหยิบขวดหยกดั้งเดิมออกมาจากแหวน ขวดหยกสูงประมาณ 30 ซม. และรูปร่างก็แปลกมากเช่นกัน
ทันทีที่นำขวดหยกออกมา หลายคนที่อยู่ที่นั่นก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ดูเหมือนจะมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของพวกเขา
เฉินจื้อจง ชี้ไปที่ขวดหยกที่ถูกสวีเจิ้นฮั๋ววางอยู่บนโต๊ะและพูดว่า “ขวดหยกนี้สมควรเป็นของอาถรรพ์ใช่ไหม? คุณต้องการที่จะบอกเราว่านี่คือวิธีจัดการกับหยางเฉินของตระกูลสวีงั้นหรือ?”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋ หัวเราะเยาะ: “ฉันรู้สึกได้ว่าขวดหยกของอาถรรพ์นี้สมควรเป็นของอาถรรพ์ระดับสูง แต่ในตัวหยางเฉินมีจิตวิญญาณของเทพมารอยู่ อีกทั้งเขายังสามารถใช้พลังของจิตวิญญาณเทพมารเพื่อสร้างความแข็งแกร่งเทียบได้กับแดนนภาขั้นสามชั้นยอดได้ อาศัยแค่:black”ของอาถรรพ์ระดับสูง คงไม่มีหวังที่จะปราบปรามเด็กนั่นได้หรอก”
เจียงอานจวิน และ ฉีเฟิงไม่พูดอะไร แต่ทั้งคู่ขมวดคิ้วและจ้องมองที่ขวดหยก
สวีเจิ้นฮั๋วมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “พี่เจียง พี่ฉี น่าจะมองออกถึงที่มาของขวดหยกนี้ได้ใช่ไหม?”
เจียงอานจวิน ถามอย่างระมัดระวัง “ขวดหยกนี้เป็นของอาถรรพ์ในตำนานประจำตระกูลสวีขวดกักวิญญาณงั้นหรือ?”
ฉีเฟิงจ้องมองที่ สวีเจิ้นฮั๋วอย่างแน่แน่ว
หลังจากได้ยินสิ่งที่ เจียงอานจวิน พูด คนอื่นๆ ก็ตกใจและมองไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วในทันใด
สมบัติที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นของอาถรรพ์ประจำตระกูลถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดไม่ว่าจะเป็นในตระกูลบู๊โบราณตระกูลไหนในโลกบู๊โบราณล่างก็ตาม
สวีเจิ้นฮั๋วยิ้มและพยักหน้า “ใช่! ขวดหยกนี้เป็นของอาถรรพ์ประจำตระกูลสวีของเรา ขวดกักวิญญาณ!”
บูม!
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ทั้งสถานที่ก็เกิดความเงียบขึ้น!
ความตกตะลึงของทุกคนเกินกว่าจะวัดได้
ของอาถรรพ์ประจำตระกูลเป็นสมบัติที่พบได้เฉพาะในตระกูลบู๊โบราณอันดับต้น ๆ เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถใช้ได้เฉพาะเมื่อตระกูลเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่หรือการคุกคามจากภัยทำลายล้าง อีกทั้งยังมีเพียงผู้นำตระกูลบู๊โบราณเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะใช้มัน
ตระกูลสวีอยู่ในโลกบู๊โบราณล่างและเป็นหนึ่งในสุดยอดกองกำลังโลกบู๊โบราณ การที่สามารถทำให้ตระกูล สวีถือเป็นของอาถรรพ์ประจำตระกูลได้ นึกออกได้เลยว่าขวดกักวิญญาณนี้ทรงพลังมากแค่ไหน
ในเวลานี้ สวีเจิ้นฮั๋วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ขวดกักวิญญาณเป็นสมบัติที่ดีที่สุดของตระกูลสวีและเป็นสมบัติชั้นยอดสำหรับจิตวิญญาณโดยเฉพาะ พวกเราสามารถลงมือกับหยางเฉินได้ด้วยความมั่นใจ หากจิตวิญญาณเทพมารไม่ปรากฏออกมาก็แล้วไป แต่ถ้าเขาปรากฏขึ้น หรือว่าหยางเฉินใช้พลังของจิตวิญญาณเทพมาร จิตวิญญาณเทพมารก็จะถูกระงับโดยขวดกักวิญญาณ”
“นี่คือความจริงใจของตระกูลสวีของเรา อีกทั้งยังเป็นความเชื่อมั่นของตระกูลสวีของเราในการจัดการกับหยางเฉิน ตอนนี้ทุกคนสนใจที่จะร่วมมือหรือไม่?”
เฉินจื้อจง ระเบิดเสียงหัวเราะและมองไปที่ สวีเจิ้นฮั๋วจากนั้นพูดว่า “พี่สวีนำมาแม้กระทั่งขวดกักวิญญาณแล้ว หากพวกเรายังกลัวกับอีแค่จิตวิญญาณ อย่างนั้นพวกเราก็เป็นแค่คนไร้ค่าในเมื่อพี่สวีตั้งใจจะต่อสู้กับหยางเฉินเราก็มาร่วมมือกัน!”
ไป๋หลี่เฉิงจี๋ หัวเราะลั่น: “ใช่ มีขวดกักวิญญาณอยู่ หากจิตวิญญาณเทพมารปรากฏขึ้น หรือหยางเฉินใช้พลังวิญญาณของจิตวิญญาณเทพมารจิตวิญญาณเทพมารก็จะถูกระงับโดยขวดกักวิญญาณ พวกเราไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้ความร่วมมือ”
เจียงอานจวิน และ ฉีเฟิงเองก็ยังแสดงความเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ
แม้ว่าตระกูลฉีจะส่งผู้แข็งแกร่งมายังจงโจว แต่ตอนนี้ ฉีเฟิงก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธความร่วมมือ
แม้ว่า สวีเจิ้นฮั๋วจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ความหมายของเขานั้นชัดเจนมาก นี่คือคำสั่งของหัวหน้าตู้ของพันธมิตรพิทักษ์
หากพวกเขาสามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จก็ล้วนได้รับผลงานกันทั้งหมด
สวีเจิ้นฮั๋วพอใจกับท่าทีของทุกคนมาก เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ดี ในเมื่อพวกคุณทุกคนตกลงที่จะร่วมมือกัน เราก็มาพูดถึงรายละเอียดการจัดการกัน”
ในเวลาที่ตระกูลบ๊โบราณทั้งห้าในจงโจวกำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีจัดการกับหยางเฉิน มีหญิงสาวบุคลิกดุดันกำลังยืนอยู่ต่อหน้า เย่จางกั๋ว ในจวนบัญชาการของกองยุทธการจงโจว
ผู้หญิงคนนั้นดูโกรธและพูดว่า “ผู้บัญชาการเย่ คุณอย่ามัวแต่อมพะนำ ผู้อาวุโสสี่คนใหม่จะมาที่จงโจวในวันนี้ใช่หยางเฉินหรือไม่?”
เย่จางกั๋ว ยิ้มและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็พูดว่า “เทพสงครามเมิ่งอย่าได้มาคาดคั้นฉันเลย เมื่อการประชุมในเวลาทุ่มนึงเริ่มขึ้น คุณก็จะรู้ว่าใครคือผู้อาวุโสสี่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งคนนั้น แต่เวลาก่อนหน้านั้นทุกอย่างเป็นความลับ ”
คนผู้ถูกเย่จางกั๋วเรียกว่าเทพสงครามเมิ่งก็คือหนึ่งในจอมพลชายแดนตะวันตกของจิ่วโจว เมิ่งชิงหลัน!
หลังจากได้ยินสิ่งที่ เย่จางกั๋ว พูด เมิ่งชิงหลัน ก็โกรธมากขึ้น
เมื่อมองไปที่ท่าทางโกรธเกรี้ยวของ เมิ่งชิงหลัน เย่จางกั๋ว ก็ถอนหายใจอยู่ในใจ คนเดียวที่สามารถทำให้เทพสงครามหญิงคนแรกของจิ่วโจวอารมณ์เสียได้ เกรงว่าคงมีหยางเฉินเท่านั้น
เขาเองก็รู้ว่าหยางเฉินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับ เมิ่งชิงหลัน แต่เมื่อเขาเจอหยางเฉินและบอกไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เมิ่งชิงหลัน แต่หยางเฉินกลับไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มที่จะติดต่อ เมิ่งชิงหลัน นี่แสดงให้เห็นว่าหยางเฉินมีความคิดของเขาเอง และ เย่จางกั๋ว ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยข้อมูลของหยางเฉิน
เย่จางกั๋ว ยิ้มและพูดว่า “ชิงหลัน เธออย่าโมโหเลย ตอนนี้ห่างจากทุ่มนึงไปอีกไม่นานแล้วถึงตอนนั้นเธอก็ได้เจอคนรักแล้วไม่ใช่หรือ?” ”
“ลุงเย่!”
เมิ่งชิงหลันยิ่งโกรธจนแทบอยากจะพุ่งไปดึงผมของเย่จางกั๋วออกมา
เย่จางกั๋ว เป็นนักเรียนที่ปู่ของ เมิ่งชิงหลัน นำมา เธอรู้จัก เย่จางกั๋ว ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
เมื่อเห็น เมิ่งชิงหลัน จากไปด้วยความอับอายและโกรธ เย่จางกั๋ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เขาเดินสองมือไพล่หลังออกจากห้องไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้มแล้วพูดว่า “ท้องฟ้าในจงโจวกำลังจะเปลี่ยนไป!”
หลังพูดจบ เลขาของเขาก็เข้ามา
เลขาเอ่ยกระซิบ “ผู้บัญชาการตอนนี้ คนของเราพบว่าคนที่มีอำนาจตัดสินใจของห้าตระกูลบู๊โบราณระดับท็อป กำลังรวมตัวกันในโรงแรมตงฮั๋วของจงโจว”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เย่จางกั๋วก็หรี่ตาลงและพูดว่า “ดูเหมือนว่าตระกูลบู๊โบราณจะคาดเดาความตั้งใจของผู้อาวุโสสี่ที่มายังจงโจวได้แล้ว พวกเขาน่าจะตั้งใจร่วมมือกันต่อสู้กับผู้อาวุโสสี่”
เลขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ผู้บัญชาการ พวกเราจะรายงานเรื่องนี้ต่อสมาคมผู้อาวุโสหรือไม่?”
เย่จางกั๋ว ส่ายหัวและพูดว่า “ในเมื่อสมาคมผู้อาวุโสได้จัดให้ผู้อาวุโสสี่มาที่จงโจว อย่างนั้นก็คงต้องคิดเรื่องนี้มานานแล้ว เราแค่ต้องทำตามคำแนะนำของผู้อาวุโสสี่ก็พอ”
“คุณไปกระจายข่าวเดี๋ยวนี้ ให้ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ทุกคนในกองยุทธการจงโจวพร้อมที่จะเริ่มลงมือได้ทุกเมื่อตามคำสั่งก่อนหน้านี้!”
เลขารีบตอบว่า “ครับ!”
หลังจากที่เลขาออกไป ดวงตาของ เย่จางกั๋ว ฉายแสงที่เฉียบคมและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ไอ้พวกกากเดนของโลกบู๊โบราณล่าง อีกเดี๋ยวพวกนายก็รอชดใช้อย่างหนักแล้วกัน!”
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินยังคงบำเพ็ญเพียรอย่างบ้าคลั่ง ลมปราณบูโดของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้วและอาจจะฝ่าแดนไปได้ทุกเมื่อ