The king of War บทที่ 2102 มู่หรงเยียนเอ๋อร์
กู้ไท่ชู มองไปที่ กู้ซือซือ อย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “กู้ซือซือ ตัวตนของเขาคืออะไร เธออย่าได้ไปสอบถามมั่วซั่ว เรื่องนี้ฉันฝากมันไว้กับเสี่ยวหลินแล้ว ถ้าเธอทำมันพัง ฉันจะไล่เธอออกจากตระกูลกู้ด้วยตัวเอง!”
กู้ซือซือ ตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ แม้แต่ตัวตนของอีกฝ่ายก็ไม่สามารถถามได้?
แต่ยิ่ง กู้ไท่ชู เป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของหยางเฉินมากไปอีกและยิ่งอยากได้ความกระจ่างมากขึ้นเท่านั้น
เซี่ยหลิน สั่นสะท้านไปทั้งตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็น กู้ไท่ชู เข้มงวดขนาดนี้
ในขณะเดียวกัน ดาดฟ้าของโรงแรมจงโจว
ร่างที่สง่างามกำลังยืนอยู่กลางดาดฟ้าและรายล้อมด้วยซากศพ
ผู้มีอำนาจตัดสินใจจากตระกูลบู๊โบราณทั้งห้า ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดห้าคน และแดนนภาขั้นสองชั้นปลายห้าคน ทุกคนล้วนเป็นศพแบบไม่มีข้อยกเว้น
ถ้าใครได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าขภ พวกเขาจะต้องตกตะลึงตาค้างอย่างแน่นอน
ใครจะคิดว่าชายหนุ่มในโลกมนุษย์ซึ่งมีอายุเพียง 29 ปีสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งจากตระกูลบู๊โบราณได้มากมายขนาดนี้
หยางเฉินอ้าปากสูดลมหายใจ เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง กระบี่โอรสสวรรค์ในมือของเขาเต็มไปด้วยเลือด
กระบี่โอรสสวรรค์เป็นดาบอาถรรพ์ระดับสูง แม้ว่าหยางเฉินจะได้รับการยอมรับให้เป็นนายของมัน แต่หากจะใช้กระบี่โอรสสวรรค์ก็ยังต้องใช้พลังเป็นจำนวนมาก
ถ้าเขาไม่ได้ครอบครองกระบี่โอรสสวรรค์ หากหยางเฉินคิดจะฆ่าทุกคนในตระกูลบู๊โบราณ เขาก็แทบไม่มีความหวัง
หากไม่มีกระบี่โอรสสวรรค์ อย่างมากเขาก็แค่สามารถปล่อยพลังการต่อสู้ได้เทียบเท่ากับแดนนภาขั้นสองชั้นยอด และพลังนี้หากคิดจะฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดก็ยังยากลำบาก อย่าว่าแต่การฆ่าผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้
“ออกมาเถอะ!”
ในเวลานี้ หยางเฉินก็เลิกคิ้วขึ้นและตะโกนอย่างเย็นชาไปทางมุมมืด
เมื่อหยางเฉินพูดจบ หญิงสาวสวมชุดพรางตัวยามค่ำคืนและสวมผ้าคลุมหน้าสีดำก็เดินออกมาช้าๆ
วิธีการปกปิดตัวตนของหญิงสาวนั้นทรงพลังมาก หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเกิดจิตสังหารและหยางเฉินคงไม่สามารถรู้สึกได้ถึงการดำรงอยู่ของอีกฝ่าย นี่ทำให้หยางเฉินตกใจอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในความมืดเป็นเวลานาน แต่เขากลับไม่ค้นพบจนกระทั่งตอนนี้
ผู้หญิงคนนี้คือใครกันแน่?
แม้จะตกใจ แต่หยางเฉินก็มองผู้หญิงในชุดดำด้วยสีหน้าราบเรียบและเย็นชา
หญิงในชุดดำพูดอย่างเย็นชา: “อาจารย์ เดาไม่ผิดจริงๆ ความแข็งแกร่งของนายไม่ใช่พลังที่ยืมมาจากจิตวิญญาณของเทพมาร แต่เป็นพลังของนายเอง”
หยางเฉินตกตะลึง นอกจากกลุ่มสมาคมผู้อาวุโสแล้ว ยังมีคนที่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาอยู่
ผู้หญิงในชุดดำก็ตกใจเช่นกัน ความสามารถในการต่อสู้ของหยางเฉิน ทำให้เธอรู้สึกหมดหวังขึ้นมาเล็กน้อย เธอเป็นนักบูโดอันดับหนึ่งในอันดับจอมคนบูโด และเพิ่งจะเข้าสู่แดนนภาได้ไม่นาน แต่ชายหนุ่มจากโลกมนุษย์ที่อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีกลับสามารถใช้พลังของตัวเองฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดห้าคนและแดนนภาขั้นสองชั้นปลายอีกห้าคนได้ รวมถึงแดนนภาขั้นสองชั้นต้นสี่คน และยังมีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นยอดอีกคน
พลังการต่อสู้ที่ทรงพลังขนาดนี้ เปรียบได้กับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามขั้นต้น
แม้ว่าเธอจะซ่อนตัวเก่งมาก แต่การคิดจะฆ่าหยางเฉินนั้นไม่มีความหวังเลย
หญิงในชุดดำเป็นบูโดอัจฉริยะอันดับหนึ่งในอันดับจอมคนบูโด ชื่อมู่หรงเยียนเอ๋อร์
นอกจากนี้ เธอยังมีอีกตัวตนหนึ่งก็คือองค์กรนักฆ่าแห่งแรกในโลกบู๊โบราณล่าง และเป็นศิษย์ของผู้นำปีศาจดำ
แม้แต่บูโดอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในโลกบู๊โบราณล่าง มาตอนนี้ยังต้องรู้สึกว่าวิธีบู๊ของตนเป็นเพียงเหขยะเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางเฉิน
หยางเฉินถามอย่างเย็นชา “คุณเป็นใคร? มาที่นี่เพื่อฆ่าฉันเหมือนกันหรือไง?”
มู่หรงเยียนเอ๋อร์หัวเราะเยาะตัวเอง: “นายคิดว่าฉันที่เพิ่งจะเข้าสู่แดนนภา จะสามารถฆ่านายได้หรือไง?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด หยางเฉินก็คลายความระมัดระวังลง
ไม่รู้ว่าทำไม เห็นได้ชัดว่าตนมีประสิทธิภาพการต่อสู้เทียบเท่ากับแดนนภาขั้นสามขั้นต้นก็จริง แต่หญิงสาวสวมหน้ากากตรงหน้าตนคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกอันตราย
ทันใดนั้น หยางเฉินก็พูดขึ้นว่า “ฉันหวังว่า เรื่องวันนี้จะไม่มีใครรู้ นอกจากฉันและเธอ”
มู่หรงเยียนเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหยางเฉินไม่ได้หมายถึงการฆ่าเธอ แต่เดิมเธอคิดว่าถ้าเธอเปิดเผยตัวเองไปแล้ว หยางเฉินจะฆ่าปิดปากเธอแน่
ท้ายที่สุดแล้ว ทั่วโลกต่างเชื่อว่าความแข็งแกร่งของหยางเฉินนั้นเกิดจากการมีจิตวิญญาณเทพมารอยู่ในร่างกายของเขา หากข่าวประสิทธิภาพการต่อสู้ของที่เทียบได้กับแดนนภาขั้นสามขั้นต้นของเขารั่วไหลออกไป ก็อาจนำมาซึ่งภัยถึงฆาตให้กับตัวหยางเฉิน
และตอนนี้เธอซึ่งเป็นคนในโลกบู๊โบราณล่างที่รู้ความลับนี้ฌห แต่หยางเฉินกลับปล่อยเธอไป
“โอเค ฉันรับปาก วันนี้ญข ถือว่าฉันเป็นหนี้ชีวิตนาย!”
เมื่อ มู่หรงเยียนเอ๋อร์ พูดจบเธอก็หันหลังและจากไป พริบตาก็หายลับไปจากสายตาของหยางเฉิน
เมื่อหยางเฉินพยายามรับรู้ถึงอีกฝ่าย เขาก็พบว่าอีกฝ่ายหายไปแล้ว
“จากเสียงของเธอน่าจะอายุประมาณ 30 เท่านั้น ในโลกบู๊โบราณล่าง มีหญิงสาวที่เข้าสู่แดนนภาด้วยอายุเท่านี้ ซ้ำยังมีทักษะในการซ่อนตัว ดูเหมือนว่าจะมีเพียงคนเดียว มู่หรงเยียนเอ๋อร์ ศิษย์ของ ซางหยุนเฟิงผู้นำปีศาจดำ!”
หยางเฉินพึมพำกับตัวเอง
นอกจากนี้เขายังเดาเจตนาของ มู่หรงเยียนเอ๋อร์ ได้แล้ว ก่อนหน้านี้ปีศาจดำส่งนักฆ่าไปฆ่าเขา แต่กลับถูกเขาฆ่าทิ้ง เห็นได้ชัดว่า มู่หรงเยียนเอ๋อร์ มาเพื่อล้างแค้นให้คนของปีศาจดำ
อย่างไรก็ตาม มู่หรงเยียนเอ๋อร์ พบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหยางเฉินเข้า ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือ
หากความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย มันจะสร้างปัญหามากมายให้กับเขาอย่างแน่นอน แต่สำหรับเขาแล้วนั่นมันไม่สำคัญอีกต่อไป ตอนนี้คนที่อยากฆ่าเขา มีน้อยหรือไงกัน?
หลังจากคิดออกแล้ว หยางเฉินก็ไม่เสียใจที่ปล่อยมู่หรงเยียนเอ๋อร์ไป
เขากดโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการเย่หบ จัดคนมาที่ดาดฟ้าของโรงแรมจงโจวเพื่อทำความสะอาดสนามรบ!”
ในขณะที่เขาเพิ่งวางสายไป จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งมาจากข้างหลังของเขา
ใบหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเก็บกระบี่โอรสสวรรค์ไปในแหวนแล้วดังนั้นจึงไม่มีเวลาที่จะจับดาบและได้แต่ต้องหลบโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่เขาหลบ ร่างสีดำก็เข้ามาโจมตีเข้าทันที อีกฝ่ายถือมีดสั้นสีดำและแทงเข้าที่หัวใจของหยางเฉิน
ครั้งนี้ หยางเฉินจำอีกฝ่ายได้ซึ่งก็คือมู่หรงเยียนเอ๋อร์ที่เขาเพิ่งปล่อยตัวไป
หยางเฉินโมโหทันที เขายกมือขึ้นและปล่อยหมัดออกไปใส่มู่หรงเยียนเอ๋อร์
“ปัง!”
กำปั้นของหยางเฉินกระแทกหน้าอกของ มู่หรงเยียนเอ๋อร์ อย่างแรง จน มู่หรงเยียนเอ๋อร์ ส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดออกมา
เมื่อหยางเฉินพยายามมู่หรงเยียนเอ๋อร์อีกครั้งร่างของเธอก็หายไปแล้ว แม้กระทั่งลมปราณของเธอก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
ครั้งนี้หยางเฉินไม่กล้าประมาทและมู่หรงเยียนเอ๋อร์ก็ไม่ปรากฏตัวอีก
ในเวลาเดียวกัน ในตรอกมืดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมจงโจว มู่หรงเยียนเอ๋อร์ซึ่งสวมชุดสีดำได้สูญเสียหน้ากากสีดำบนใบหน้าของเธอไปแล้ว มีคราบเลือดติดอยู่ที่ปากของเธอ ใบหน้าก็ซีดเซียวอย่างมาก
แม้ว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่งดงามไม่มีใครเทียบได้
เธอมองลงไปที่หน้าอกของตนและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ถ้าไม่ใช้เพราะของอาถรรพ์ที่อาจารย์ให้ซ่อนเอาไว้อยู่ เกรงว่าฉันคงตายด้วยน้ำมือของหยางเฉินไปแล้ว! เขาเป็นพ่อมดจริงๆ! ถ้าใช้งานเขาไม่ได้ก็ต้องตาย!”
ใบหน้าที่บอบบางของเธอเต็มไปด้วยความโหดร้ายซึ่งไม่เข้ากับอายุของเธอ