บทที่ 2010

ดั่งนั้น หลังจากที่ซ่งเทียนหมิงวางยาให้ตัวเองแล้วก่อนหน้าที่เเฉินยังไม่กลับมา ตัวเองก็ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์คนหนึ่ง
ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ใช้โทรศัพท์ไม่เป็น ดังนั้นในระยะเวลาช่วงนี้ตัวเองไม่สามารถที่จะแตะโทรศัพท์ได้
ดังนั้น เผื่อเอาไร้ การลบซอฟต์แวร์โดยตรงจะมีความมั่งคงมากขึ้น

ต่อจากนั้น คุณท่านซ่งก็หายาอายุวัฒนะ ขูดจากข้างในหนึ่งชั้น แช่ไว้ในน้ำแล้วทานลงไป

ต่อจากนั้น เขาก็กลับไปนอนที่เตียงของตั๋วเอง

ในขณะนี้ หน้าจอกาพที่หัวเตียงก็สว่างขึ้นอย่างกะท้นหัน ซ่งเทียนหมิงก็ปรากฏอยู่ในกาพ สิ่งที่ตามมาด้วย เสียงเรียกเข้าอันไพเราะ
ของTurkish march

นี่เป็นกริ่งประตูห้องของคุณท่านซ่ง

เนื่องจากห้องชุดของตัวเขาเองใหญ่เกินไป ตอนที่คนอยู่ในห้องนอนหรือห้องหนังสือ ไม่ได้ยินเสียงมีคนเคาะประตูอยู่ข้างนอกด้วยซ้ำ ดัง
นั้นถึงได้ติดตั้งกริ่งประตูวิดิโอชุดนี้

เมื่อมองดูลูกชายคนโตของตัวเองมาพร้อมกับรังนกที่วางยา มาถึงที่ประตูข้างนอกห้องของตัวเอง: คุณท่านซ่งก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วกด
ปุ่มตอบรับ:”เทียนหมิง แกมีเรื่องอะไรเหรอ?”

ซ่งเทียนหมิงรีบพูดกับกล้องว่า: “พ่อครับ พ่อยังนอนอยู่หรือเปล่า?”

คุณท่านซ่งแกล้งทำเป็นน้ำเสียงเหนื่อยเล็กน้อยพูดว่า: “ฉันเพิ่งจะนอนหลับไปก็ถูกแกทำให้ตื่น มีเรื่องอะไรรีบร้อนขนาดนี้เหรอ?”
ซ่งเทียนหมิงรีบพูดว่า: “พ่อ เมื่อกี้นี้เห็นท่าทางของพ่อเหนื่อยล้า ก็เลยให้ห้องครัวตุ่นรังนกใส่น้ำตาลกรวดให้พ่อหนึ่งชาม อยากให้พ่อดื่ม
ตอนที่ยังร้อนๆบำรุงกำลังกาย และก็ฟื้นฟูปราณต้นทุนแต่กำเนิดสักหน่อย”

คุณท่านซ่งอือคำหนึ่ง และพูดว่า: “แกมีใจ ก็เข้ามาเถอะ”

พูดแล้ว ก็กดปุ่มเพื่อเปิดประตู

เมื่อซ่งเทียนหมิงได้ยินเสียงประตูดังแกร๊ก ก็รู้ว่ากุญแจถูกปลดล็อกแล้ว ดังนั้นจึงผลักประตูเข้าไปในห้อง เดินผ่านห้องนั่งเล่น มาถึงที่
ห้องนอน

เขาก้าวเดินไปที่หน้าเตียงของคุณท่านซ่ง และถามด้วยความเป็นห่วงว่า: “พ่อ พ่อพักผ่อนเป็นยังไงบ้าง?”

คุณท่านซ่งพูดอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า: “ค่อยยั่งชั่วแล้ว หลับไปสักพัก”

หลังจากที่พูดจบ เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามว่า: “หวั่นถึงเป็นยังไงบ้าง? ทางประเทศญี่ปุ่นมีข่าวคราวบ้างมั้ย?”

ซ่งเทียนหมิงส่ายหน้า พูดด้วยสีหน้าท่าทางที่เจ็บปวดเล็กน้อยว่า: “พ่อ ทางประเทศญี่ปุ่นนั้นตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวใดที่มีค่า ผมก็ติดต่อ
กับซ่งหรงวี่อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันผมก็ให้เขาไปกดดันทางกรมตำรวจนครบาลประเทศญี่ปุ่นแล้ว เกิดมีรายละเอียดเบาะแสอะไร จะแจ้ง
ให้พ่อทราบโดยเร็วที่สุด”

คุณท่านซ่งพยักหน้า และถอนหายใจพูดว่า: “แกกลับมาฉันก็วางใจมากขึ้นแล้ว”

ซ่งเทียนหมิงยิ้มเล็กน้อย และพูดด้วยความเคารพ: “พ่อ ร้งนกน้ำตาลกรวดเหมาะมากสำหรับการบำรุงเลือดลม ตอนนี้พ่อดื่มตอนที่ยัง
ร้อยเถอะ!”

ร่องรอยของความเศร้าโศกแวบเข้ามาในสายตาของคุณท่านซ่งเล็กน้อย

สุดท้ายแล้ว ลูกชายคนนี้ของตัวเอง ยังจะลงมือกับตัวเอง

ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย พูดกับซ่งเทียนหมิงว่า: “ไป ประคองฉันไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นสักพัก ฉันไปดื่มที่ห้องนั่งเล่น!”
ในใจของซ่งเทียนหมิงก็ดีใจ และรีบพูดว่า: “ได้ครับพ่อ! ผมประคองพ่อไปที่ห้องนั่งเล่น!”

ซ่งเทียนหมิงประคองคุณท่านมาถึงที่ห้องนั่งเล่น ให้คุณท่านนั่งลงที่บนโซฟา ก็รอไม่ไหวที่จะยื่นร้งนกน้ำตาลกรวดไปให้ในทันที และพูด
ด้วยความเคารพว่า: “พ่อครับ พ่อดื่มตอนที่ยังร้อนอยู่เถอะ”

คุณท่านซ่งไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย พยักหน้ารับรังนกน้ำตาลกรวดชามนั้นมา ดื่มคำหนึ่ง และพูดชื่นชมว่า: “รสชาติดีนะ แกมิใจแล้ว!”
ซ่งเทียนหมิงคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะราบรื่นขนาดนี้ ในใจอดไม่ได้ที่จะดีใจ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “พ่อ พ่อยังจะเกรงใจผมขนาดนั้น
ทำไม สิ่งนี้ผมควรทำไม่ใช่เหรอ?”

“ควรทำเหรอ?”คุณท่านซ่งยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าอย่างจริงจังในทันที เขาระงับความเศร้าโศกในส่วนลึกของหัวใจไว้ และอุทานออกมา
อย่างจริงใจว่า: “โธ่เอ๊ย พูดถูก ควรที่จะทำ ควรที่จะทำจริงๆ! ฉันช่งจี่โม่ เลี้ยงดูลูกชายที่ดีคนหนึ่ง! าๆๆๆๆ!”