ในตรอก
เมื่อเห็นหลินสวินกลับมาอย่างปลอดภัย สืออวี่พลันโล่งอก จากนั้นก็อึ้งงัน เหมือนเพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทำไม… ถึงกลับมาเร็วเช่นนี้
จากนั้นสืออวี่ก็เห็นว่าเมื่อแขนเสื้อหลินสวินพลิกตลบ เงาร่างกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปรากฏในลานเรือน
มีอาจารย์และศิษย์บางส่วนของสำนักศึกษามฤคมรกต มีนักสลักวิญญาณอย่างอวี๋เป่ยโต้วและฉู่เฟิงแห่งภาคีนักสลักวิญญาณ ทั้งมีพ่อลูกกู่เยี่ยนผิงกับกู่เหลียงแห่งโถงทองคำด้วย…
ไม่ทันไรก็เบียดเสียดทั่วลาน
สืออวี่อ้าปากค้าง อึ้งงันอยู่ตรงนั้น
เขาพลันนึกถึงคำพูดที่พวกเจ้าคางคกและอาหลู่บอกก่อนหน้านี้ สังหารจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่ มกุฎมหาจักรพรรดิคนแรกในรอบแสนปี…
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องเท็จ!
พ่อลูกกู่เยี่ยนผิง และคนของสำนักศึกษามฤคมรกต ภาคีนักสลักวิญญาณที่ถูกหลินสวินช่วยกลับมา เวลานี้ก็ตื่นเต้นหาใดเปรียบ
หลายปีที่ตกเป็นตัวประกันนี้ทำให้พวกเขาสิ้นหวังนานแล้ว เชื่อว่าตนต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา
ไหนเลยจะคิดว่าวันนี้หลินสวินกลับใช้ความเร็วดุจสายฟ้าฟาด ราวกับเทพจุติลงมา ช่วยพวกเขาออกมาจากการถูกกักขัง!
กระทั่งตอนนี้พวกเขายังรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง ราวกับฝันไป
“หลินสวิน เป็นเจ้าจริงหรือ” กู่เยี่ยนผิงตื่นเต้น
ยามหลินสวินเข้ามาในนครต้องห้ามครั้งแรก เขาเพิ่งเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยสิบสามสิบสี่ปี เวลานั้นเองที่กู่เยี่ยนผิงได้รู้จักกับหลินสวิน
แต่ตอนนี้ผ่านไปร้อยกว่าปีอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มในตอนนั้น กลายเป็นคนยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั่วหล้านานแล้ว!
ครั้งนี้เขายังบุกเข้าไปในขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งสามด้วยตัวคนเดียว ช่วยพวกเขาออกมาจากอันตราย!
คนอื่นก็เคลื่อนสายตามองหลินสวินเช่นกัน
ไม่เจอกันหลายปี หลินสวินยังคงมีลักษณะท่าทางเหมือนแต่ก่อน ราบเรียบละโลกีย์ สง่างามโดดเด่น ยืนอยู่ตรงนั้นง่ายๆ แต่ประหนึ่งเสาค้ำเวิ้งฟ้า ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบใจ
จิตใจของหลินสวินก็ปั่นป่วนยิ่งนัก ในบรรดาเงาร่างตรงหน้ามีใบหน้าที่เขาคุ้นเคยมากมาย อย่างเช่นกู่เยี่ยนผิงกับกู่เหลียง หรือเหล่าอาจารย์ของสำนักศึกษามฤคมรกต อวี๋เป่ยโต้ว ฉู่เฟิง…
ทว่าพวกเขาแต่ละคนกลับเสื้อผ้ามอมแมม ผมเผ้าสยายยุ่ง ท่าทางซีดเซียว กลิ่นอายอ่อนกำลังเซื่องซึม ดูน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง
พาให้ผู้คนไม่รู้ว่าหลายปีนี้พวกเขาถูกทรมานและทุกข์ทนมาเท่าไรกันแน่
หลินสวินสูดหายใจลึก ค้อมกายขออภัยพลางกล่าว “เรื่องที่เกิดขึ้นกับทุกท่าน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข้ากับตระกูลหลินที่อยู่เบื้องหลัง หลายปีนี้ทำให้ทุกท่านลำบากแล้ว!”
ทุกคนไหวหวั่น พวกอาหูกับเจ้าคางคกเองก็ตกใจ
ในหลายปีมานี้พวกเขาเพิ่งเคยเห็นหลินสวินขอโทษคนอื่นอย่างรู้สึกผิดเช่นนี้เป็นครั้งแรก
พวกกู่เยี่ยนผิงก็รับมือไม่ทัน เพิ่งหมายจะพูดอะไรก็เห็นหลินสวินหยัดตัวขึ้น กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทุกท่านวางใจ ครั้งนี้ข้าหลินสวินจะสะสางความแค้นนี้ซะ!”
ในที่นั้นพลันเงียบสงัด จากนั้นคนมากมายถึงกับน้ำตาคลอเบ้า บ้างถึงขั้นหลั่งน้ำตาโดยไร้เสียง
หลายปีนี้พวกเขาทรมานและทุกข์ทนจริงๆ อยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่สามารถ
เมื่อรู้ว่าหลินสวินจะออกหน้าแก้แค้นให้พวกเขา มีหรือจะไม่ซาบซึ้ง
ในใจหลินสวินก็ม้วนซัดไปพักหนึ่ง
วันนี้เขาให้พวกเจ้าคางคกทุ่มเทดูแลสหายเก่าในปีนั้นเหล่านี้
ส่วนเขาก็เดินออกจากตรอกนี้ไปเพียงลำพัง ก้าวไปบนท้องถนนที่เจริญรุ่งเรือง มาถึงหน้าภูเขาชำระจิตที่กลายเป็นซากปรักหักพังโดยไม่รู้ตัว
คนในตระกูลหลินพวกนั้น… ไปอยู่ที่ไหนกันแน่
หลินสวินสองมือไพล่หลัง อึ้งงันเหม่อลอย
…
ขณะเดียวกันนครต้องห้ามจมสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่ วายุก่อเมฆาซัด
เงียบหายไปหลายปี หลินสวินไม่กลับมาก็ไม่เท่าไร แต่พอกลับมาก็บดขยี้ขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งสามอย่างตระกูลฉือ ตระกูลฮวา ตระกูลฉี!
วิธีการนองเลือดและเผด็จการนั้น ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนอกสั่นขวัญแขวน
แต่เวลาเดียวกันก็มีคนรุ่นอาวุโสมากมายที่อาศัยอยู่ในนครต้องห้ามมารุ่นต่อรุ่นรู้สึกยินดีปรีดา
สำหรับพวกเขา นครต้องห้ามนี้อย่างไรก็เป็นของโลกชั้นล่าง หลายปีมานี้กลับถูกขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นยึดครอง ชิงแดนลับเกิดใหม่และถ้ำสวรรค์แดนมงคลไปนับไม่ถ้วน!
ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา เดิมทีเป็นโอกาสใหญ่ที่ทุกคนในโลกชั้นล่างจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ โอกาสเปลี่ยนชะตาชีวิตเช่นนี้กลับถูกคนนอกพวกนั้นยึดครอง
ที่น่าชังที่สุดคือขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นเผด็จการเหี้ยมโหดหาใดเปรียบ บุกรุกยึดครองและกลืนขุมอำนาจใหญ่ของโลกชั้นล่าง หากกล้าไม่ทำตามต้องถูกฆ่าล้างตระกูล
ปัจจุบันเมื่อหลินสวินกลับมา ก็ทำให้คนรุ่นอาวุโสของโลกชั้นล่างพวกนี้มองเห็นความหวัง!
พวกเขาล้วนเฝ้ารออย่างอดไม่ได้ เจ้าแห่งภูเขาชำระจิตที่เคยกำราบทั้งจักรวรรดิเพียงลำพังในปีนั้น ครั้งนี้จะพลิกสถานการณ์ เปลี่ยนโครงสร้างที่ถูกขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นปกครองได้หรือไม่!
แต่ไม่ทันไรก็มีคนก้าวออกมาพูด
“สิ่งที่หลินสวินทำในวันนี้บ้าบิ่นเกินไปแล้ว เบื้องหลังตระกูลฉือ ตระกูลฮวา ตระกูลฉีมีขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณหนุนอยู่ เขากำจัดสามตระกูลใหญ่นี้อย่างหมดจดชัดเจน ถึงจะสะใจแต่ต้องกระตุ้นให้ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นยกพวกมาโจมตีแน่!”
“อย่าลืมสิ เมื่อก่อนยามขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นเข้ามาในนครต้องห้ามก็กำจัดขุมอำนาจที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินทันที ครั้งนี้เขาเผยร่องรอยเด่นชัดเช่นนี้ ไม่เท่ากับหาเหาใส่หัวหรือ”
“หลินสวินตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”
ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา บรรยากาศที่อึกทึกครึกโครมทั่วนครต้องห้ามล้วนเปลี่ยนไป!
ใช่แล้ว ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณ
ซ้ำยังไม่ใช่แค่ที่เดียว!
สำหรับสรรพชีวิตในโลกชั้นล่าง ขุมอำนาจที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นก็เหมือนนายเหนือหัวบนสวรรค์ ได้แต่เคารพยำเกรงและแหงนมอง ทั้งจำต้องกริ่งเกรง
ยามขุมอำนาจใหญ่พวกนี้ปรากฏตัว ใช่ว่าไม่มีใครท้าประลอง
เคยมีผู้แข็งแกร่งระดับอริยะ รวมถึงกำลังพลของขุมอำนาจใหญ่แห่งหนึ่งไปโจมตีพวกเขา
แต่ขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้นแค่ส่งคนส่วนน้อยมาก็กำจัดผู้ท้าประลองทั้งหมดได้ ซ้ำยังขุดรากถอนโคนขุมอำนาจใหญ่ของโลกชั้นล่างนับไม่ถ้วน ทำให้คนตายนับล้าน!
ต้องรู้ว่าภายใต้สภาพยิ่งใหญ่ที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา สรรพชีวิตในโลกชั้นล่างก็มีผู้แข็งแกร่งที่เจิดจรัสหาใดเปรียบปรากฏตัวมากมาย
แต่ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณยังคงสำแดงพลังน่าพรั่นพรึงที่กำราบทุกอย่างออกมา
สรรพชีวิตในโลกชั้นล่างจะไม่แตกตื่นและหวาดกลัวได้อย่างไร
ตั้งแต่นั้นมาไม่มีใครกล้าท้าประลองกับขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณอีก ถึงขั้นว่ายามศิษย์ในสำนักของพวกเขาออกเดินทาง ล้วนสามารถวางอํานาจบาตรใหญ่ได้เหมือนจอมราชันท่องโลก
กล่าวได้ว่าฐานะของขุมอำนาจแห่งดินแดนรกร้างโบราณพวกนี้ ยิ่งใหญ่และโดดเด่นกว่าราชวงศ์ของจักรวรรดิกับตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตในปีนั้น
กระทั่งปัจจุบันผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์มากมายต่างเชื่อว่า สถานการณ์ที่ดินแดนรกร้างโบราณปกครองโลกชั้นล่างถูกลิขิตให้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแล้ว!
“เฮ้อ ถ้าเช่นนั้นเจ้าภูเขาชำระจิตกลับมาครั้งนี้ก็ยากจะเปลี่ยนอะไรได้หรือ”
เสียงทอดถอนใจนับไม่ถ้วนดังขึ้น
“ไม่แน่เสมอไป หลายปีก่อนหลินสวินเคยบดขยี้สองตระกูลจั่วและฉินด้วยตัวคนเดียว กวาดล้างภัยพิบัติจากสัตว์อสูรมารในอาณาเขตของจักรวรรดิจนราบคาบ กลับมาครานี้ยิ่งกำจัดสามตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฮวา ตระกูลฉือ ตระกูลฉีในคราเดียว หากเป็นไปดังคาด หลินสวินในตอนนี้ต้องเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิแล้วแน่!”
มีคนพูดจาคล่องปาก
ใต้หล้าในตอนนี้กึ่งจักรพรรดิเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่เหมือนนายเหนือหัวแล้ว
“เหอะๆ กึ่งจักรพรรดิ? ต่อให้เขาเป็นกึ่งจักรพรรดิ แต่ปีนั้นยามเขาจากโลกชั้นล่างไปก็พลาดจุดเปลี่ยนใหญ่ตอนไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมาแล้ว พลังปราณจะลึกล้ำได้เท่าไหร่เชียว”
มีคนยิ้มหยัน
คนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
ปีนั้นยามหลินสวินจากไปไม่นาน โลกชั้นล่างนี้ก็ต้อนรับมหายุคที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา ทำให้พลาดจุดเปลี่ยนของมหามรรคที่เลิศล้ำ
กลับมาตอนนี้แม้จะเป็นกึ่งจักรพรรดิ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีแค่ตัวคนเดียว
แต่ในขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณ ระดับกึ่งจักรพรรดินั้นมีนับไม่ถ้วน!
“น่าเสียดาย หากปีนั้นเจ้าภูเขาชำระจิตยังอยู่โลกชั้นล่าง ย่อมพอจะกลายเป็นผู้กล้าที่นำพายุคสมัยได้ อย่าว่าแต่กึ่งจักรพรรดิ ต่อให้ทะลวงระดับจักรพรรดิก็มีความเป็นไปได้สูงมาก… แต่ตอนนี้…”
คนมากมายทอดถอนใจ เสียดายแทนหลินสวิน
“ลือกันว่าในสำนักกระบี่เทียมฟ้า มีผู้อาวุโสคนหนึ่งฝึกปราณในแดนลับเกิดใหม่แห่งหนึ่งแล้วก้าวสู่ระดับจักรพรรดิในคราเดียว!”
เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปก็ทำให้ทุกคนในนครต้องห้ามราวกับถูกฟ้าผ่า ไม่มีใครไม่ตื่นตระหนก หนาวเยือกในใจอย่างที่สุด
ระดับจักรพรรดิ?
กึ่งจักรพรรดิก็เป็นตัวตนน่ากลัวที่สรรพชีวิตไม่กล้าจินตนาการแล้ว
นับประสาอะไรกับระดับจักรพรรดิที่อยู่เหนือกว่ากึ่งจักรพรรดิ
“หากเป็นเช่นนี้จริง เจ้าภูเขาชำระจิต… เกรงว่าคงจบเห่แล้ว…”
เสียงทอดถอนใจนับไม่ถ้วนดังขึ้น
…
สำหรับขุอำนาจดินแดนรกร้างโบราณพวกนั้น การกลับมาของหลินสวินก่อให้เกิดคลื่นลมใหญ่เช่นกัน
เขาม่วงกระจ่าง
หลายสิบปีก่อนถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในนครต้องห้าม ปัจจุบันถูกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยึดครองแล้ว
ยอดเขาม่วงกระจ่าง
ในตำหนักโอ่อ่าหลังหนึ่ง คนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่สวมชุดดำ ดวงตาแดงก่ำหลายสิบคนกำลังร่ำสุราเจรจาพาที
คนใหญ่คนโตเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายดุดันเป็นอย่างยิ่ง ไม่ขาดกึ่งจักรพรรดิ สาวใช้คนงามที่รูปร่างร้อนแรงและเพรียวบางมากมายคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้างอย่างอกสั่นขวัญแขวน พวกนางล้วนเป็นบ่าวรับใช้ที่ถูกจับตัวมา
มีคนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหิวแล้วจับสาวใช้มากัดคอและกินเลือดเนื้อของนาง เหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง
“เทพมารหลิน? ปีนั้นก็เป็นเจ้าสวะบัดซบนี่ที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าข้าไปนับไม่ถ้วน ความแค้นนี้ถึงปัจจุบันก็ยังไม่สะสาง ไม่คิดเลยว่าเขาจะปรากฏตัวด้วยตนเอง”
ชายชราร่างผอมเหมือนไม้ฟืนตรงที่นั่งประธานเอ่ยปากเนิบช้า
“ไม่ผิด วันนี้เจ้าหมอนี่กำจัดขุมอำนาจในเมืองไปสามแห่ง จากการสันนิษฐาน หลายปีนี้พลังปราณของเจ้านั่นคงพัฒนาไปมาก น่าจะเป็นกึ่งจักรพรรดิแล้ว”
“กึ่งจักรพรรดิหรือ หากเป็นเช่นนี้ปัจจุบันก็ได้เวลากำจัดหมอนี่แล้ว ความแค้นในปีนั้นพวกเราไม่มีทางลืม!”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น!”
คนใหญ่คนโตของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬพวกนี้พูดคุยคร่าวๆ แล้วตัดสินใจเด็ดขาด
เวลานี้ไม่ใช่แค่เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
ขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณอย่างสำนักกระบี่เทียมฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ สำนักยุทธ์นครนิล เขาวิญญาณหมื่นอสูร ล้วนกำลังหารือเรื่องเกี่ยวกับหลินสวินทั้งสิ้น
“ในที่สุด… เจ้าหมอนี่ก็ปรากฏตัวแล้ว ข้าอยากดูนักว่ามกุฎมหาอริยะอันดับหนึ่งแห่งเก้าดินแดนในปีนั้น หลังจากผ่านมาหลายปีจะพัฒนาไปมากเพียงใด!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักกระบี่เทียมฟ้ากล่าวเสียงเรียบ
“เทพมารหลินหนอเทพมารหลิน เจ้ายังกล้ากลับมาอีก เจ้าควรรู้ว่าภายใต้สภาพที่ไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมา เจ้าได้พลาดโอกาสไปห้าสิบปีเต็มแล้ว”
“เด็กๆ ประกาศไปยังโลกภายนอก สำนักยุทธ์นครนิลของข้าจะนัดประลองกับหลินสวิน ข้าจะให้สรรพชีวิตในนครต้องห้ามเห็นกับตาว่าเจ้าสวะนี่ตายอย่างไร!”
“ไป บอกทุกคนในนครต้องห้าม ใครกล้าให้การคุ้มครองหลินสวินต้องถูกฆ่าล้างตระกูล!”
“ไปติดต่อกับสำนักอื่นให้ร่วมกันปิดผนึกนครต้องห้าม ครั้งนี้ต้องจับตะพาบในไห จับตายเจ้าเดรัจฉานนี่เพื่อสะสางบัญชีเลือดในปีนั้น!”
…ทุกคำสั่งส่งต่อออกมาจากขุมอำนาจของดินแดนรกร้างโบราณต่างๆ ทำให้บรรยากาศของนครต้องห้ามที่เดิมทีก็ปั่นป่วน ถูกจุดชนวนอย่างสมบูรณ์ในชั่วขณะเดียว
………………………