“ลงมือ!”
เพียงพริบตาระดับกึ่งจักรพรรดิทั้งหมดออกโจมตีเต็มกำลัง ไม่คิดให้โอกาสหลินสวินลงมือแต่แรก สมบัตินับร้อยชิ้นสาดประกายพร่างพราย แทรกสอดวิชามรรคน่าหวาดกลัวนานัปการ พุ่งสังหารไปทางหลินสวินพร้อมกัน
เหตุการณ์นั้นสามารถทำให้เทพผีหวั่นหวาด!
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ไม่โศกเศร้ายินดี นัยน์ตาดำยิ่งไม่มีคลื่นความรู้สึกใดๆ
ก็เห็นเขาชี้นิ้วออกไปลวกๆ ดูผ่อนคลายสบายใจ
แต่ผู้อาวุโสเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่เอ็ดตะโรมาตลอดคนนั้น กล่าวกันว่าเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิด่านสาม กลับถูกนิ้วที่แหวกอากาศออกไปซัดจนร่างระเบิด!
เลือดสีสดแดงก่ำนับไม่ถ้วนสาดกระจายเต็มห้วงอากาศ แขนขาขาดวิ่นปลิวว่อนไปทั่วฟ้า
หลังจากนั้นหลินสวินยื่นนิ้วมือออกมาตวัดวาดกลางอากาศ ปราณกระบี่เจิดจรัสยาวพันจั้งสายหนึ่งเคลื่อนกวาด ฟันตัวกึ่งจักรพรรดิสิบกว่าคนขาดเป็นสองท่อนตรงๆ ง่ายดายเหมือนถางวัชพืชแถบหนึ่ง
เลือดสีสดราวน้ำตกเจือเสียงร้องโหยหวนดังก้องท้องนภา
ผู้คนนับไม่ถ้วนตื่นตระหนก ตกใจจนหน้าถอดสี ขนพองสยองเกล้า
นี่ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ล้มล้างความคิดของทุกคนอย่างสิ้นเชิง!
เวลานี้หลินสวินเหมือนกลัวว่าจะช้าไปจึงทะยานตัวขึ้นมา
เสื้อแขนกว้างพลันพลิกตลบโบกสะบัด
ชิ้งๆๆ…
ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่พร่างพรายบาดตานับไม่ถ้วนแผ่คลุมราวกับมรสุมคลั่ง แสงกระบี่เจิดจรัสพุ่งทะลวงเหนือเก้าชั้นฟ้า บดบังท้องนภาแถบนั้น
จากนั้นก็ตกลงมาพร้อมกันทันที
เหมือนฝนกระบี่ไร้เทียมทานห่าหนึ่งตกลงมา!
ตูม!
มีระดับกึ่งจักรพรรดิสามสิบกว่าคนถูกฆ่าตายคาที่ หลังจากร่างระเบิดกระจุยก็ถูกกระแสปราณกระบี่ไร้สิ้นสุดนั้นบดขยี้จนเหือดระเหย สลายหายไปจนเกลี้ยง
ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของหลินสวินราบเรียบพ้นโลกีย์ แต่ตอนนี้ยามสำแดงพลังออกมา ผู้คนถึงได้รับรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าไร้คู่ต่อกร อะไรที่เรียกว่ากดกำราบ!
กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนนั้น ความแข็งแกร่งของกระบวนรบสามารถทำให้สรรพชีวิตในโลกชั้นล่างสิ้นหวังได้จริงๆ
แต่ภายใต้การสังหารของหลินสวิน เพิ่งผ่านไปแค่ชั่วดีดนิ้วก็ถูกปลิดชีพอย่างง่ายดาย ราวกับต้นหญ้าไร้ค่าในชนบท!
สมบัติอะไร วิชามรรคอะไร ทั้งหมดราวกับกระดาษเปื่อยยุ่ย ไม่ว่าพลังปราณจะแข็งแกร่งแค่ไหน พลังกายแข็งแกร่งเท่าไหร่ เวลานี้ก็ล้วนดูเปราะบาง
กระทั่งฝนกระบี่ทั่วฟ้าจางหายไป
ภายใต้เวิ้งฟ้านั้นหมอกควันเคล้าคาวเลือดม้วนซัดปั่นป่วน เหลือเพียงกึ่งจักรพรรดิไม่กี่คนด้วยอยู่ห่างไปค่อนข้างไกล ทั้งหลีกหลบสุดชีวิตตั้งแต่พริบตาแรกจึงโชคดีหอบชีวิตกลับมาได้
กึ่งจักรพรรดิคนอื่นอีกเก้าสิบกว่าคนกลับถูกฆ่าตายหมด!
เวลานี้ทั้งโลกเงียบกริบ
เหลือเพียงเงาร่างที่สูงตระหง่านนั้นของหลินสวินหยัดยืนกลางอากาศ ผมดำนัยน์ตาดำ ท่าทางนิ่งเฉยไม่แยแส แต่อานุภาพนั้นกลับเหมือนเทพสวรรค์อุบัติบนโลก!
แววตาของคนนับไม่ถ้วนไหววูบ ตกใจจนจิตวิญญาณสูญเสียการควบคุม สั่นไปทั้งตัว
“จะ… เจ้าภูเขาชำระจิตเหมือนแค่ดีดนิ้ว… ก็ฆ่ากึ่งจักรพรรดิเก้าสิบกว่าคนได้? นี่น่าจะเป็นภาพหลอนกระมัง ข้า… ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเหมือนฝันไป”
“ฝันหรือ น่าจะใช่กระมัง…”
คนมากมายตะลึงงัน แววตานิ่งค้าง
อันที่จริงผลกระทบที่ตามมาจากเหตุการณ์นองเลือดเมื่อครู่นั้นมากเกินไปจริงๆ แค่ดีดนิ้ว กึ่งจักรพรรดิเก้าสิบกว่าคนก็สลายกลายเป็นธุลี?
ใครจะกล้าเชื่อ
บนโลกนี้จะมีพลังที่น่าหวาดกลัวเช่นนั้นได้อย่างไร
เวลานี้ต่อให้เป็นเหล่าผู้อาวุโสที่อวดตัวว่ามีแผนการล้ำลึกสุดหยั่ง ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางโลกมามากในที่นั้นก็ยังตกใจจนหนังศีรษะแทบระเบิด ในใจปั่นป่วน
ความจริงเป็นเพราะพวกเขาประเมินหลินสวินต่ำไปตั้งแต่ต้น กระทั่งเมื่อหลินสวินลงมือระเบิดอานุภาพของระดับมกุฎจักรพรรดิออกมา ถึงได้ทำลายความคาดหมายทั้งหมดของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง!
หากให้มหาจักรพรรดิบนทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกนั้นเห็นเข้า ย่อมไม่มีทางเสียอาการเช่นนี้แน่
ถึงอย่างไรด้วยอานุภาพของจักรพรรดิเต้ายวน ยามจัดการกึ่งจักรพรรดิพวกนี้ นั่นก็เหมือนเทพไท้บนสวรรค์บดขยี้มดปลวกบนพื้นดิน ง่ายดายยิ่งกว่าฆ่าไก่เชือดสุนัข
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
สืออวี่ตื่นเต้นจนตะโกนลั่นขึ้นมา
“หึๆๆ ตื่นตูมไปได้ เจ้ายังไม่เคยเห็นมาดสง่างามยามพี่ใหญ่สังหารระดับจักรพรรดิ นั่นต่างหากที่เรียกว่าร้ายกาจ!”
พวกเจ้าคางคกกับอาหลู่ต่างหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เจ้าภูเขาชำระจิตไร้คู่ต่อกร!”
“ห้าวหาญนัก!”
“สะใจ!”
เวลานี้บุคคลรุ่นอาวุโสบางส่วนตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น ราวกับหวนไปตอนยังหนุ่ม ภาพปีนั้นปรากฏขึ้นมา หลินสวินในตอนนั้นครองอำนาจทั่วหล้าเหมือนวันนี้ กร้าวแกร่งเจิดจ้า เป็นหนึ่งไม่มีสอง!
ไม่นานในที่นั้นพลันมีเสียงโห่ร้องยินดีระลอกหนึ่งดังขึ้น ผู้ฝึกปราณท้องถิ่นในโลกชั้นล่างมากมายต่างส่งเสียงตะโกน กู่ร้องยินดีให้หลินสวินอย่างอดไม่ได้
หลายปีมานี้ขุมอำนาจดินแดนรกร้างโบราณรุกรานโลกชั้นล่าง ยึดครองวาสนามหามรรคตามอำเภอใจ ก่อให้เกิดพายุโลหิตนับครั้งไม่ถ้วน ยึดรวบขุมอำนาจไปไม่รู้เท่าไหร่ สยบผู้ฝึกปราณท้องถิ่นในโลกชั้นล่างจนหายใจไม่สะดวก
แต่ฝีมือของหลินสวินในตอนนี้ กลับทำให้พวกเขาเห็นแสงอรุณเสี้ยวหนึ่งที่ทำลายความมืดมิด พลิกสถานการณ์ของใต้หล้า!
แม้แต่คนที่ไม่เห็นหัวหลินสวินก่อนหน้านี้ เวลานี้ก็พากันเลื่อมใส
“ไป!”
ท่ามกลางบรรยากาศอึกทึกครึกโครมนี้ กึ่งจักรพรรดิสองสามคนที่เหลืออยู่นั้นถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อนานแล้ว เลือกหลบหนีตั้งแต่พริบตาแรกทันที
“ต่อหน้าข้าคนแซ่หลิน ไหนเลยจะมีหนทางรอดให้เลือกได้”
สายตาหลินสวินลุ่มลึก ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
ตูม!
ห้วงอากาศที่มีหลินสวินเป็นศูนย์กลางระเบิดกระจุยดังสนั่นราวกับเครื่องแก้ว พลังทำลายล้างชวนประหวั่นแผ่กระจายออกมาเหมือนลมกาฬวาต
กึ่งจักรพรรดิที่เหลืออยู่นั้นราวกับฟางข้าวที่ถูกม้วนกลืนเข้าไปในคลื่นทะเลพิโรธ ท่ามกลางเสียงร้องตื่นตระหนกหมดหนทาง ร่างแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ จิตสิ้นวิญญาณซ่าน
ตอนนี้กึ่งจักรพรรดินับร้อยคนที่มารับคำท้าถูกสังหารเกลี้ยง!
ตั้งแต่เริ่มจนจบเพิ่งผ่านไปไม่นานเท่านั้น
ในที่นั้นพลุ่งพล่านอย่างสมบูรณ์แล้ว ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำ ตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่งราวกับกำลังระบายความตื่นเต้นในใจ
ใต้เวิ้งฟ้าเงาร่างสูงตระหง่านนั้นเหมือนเทพในตำนาน กวาดล้างศัตรูทั้งมวลได้อย่างง่ายดาย!
สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกคาดไม่ถึงที่สุดคือหลินสวินดูผ่อนคลายเกินไปแล้ว เหมือนไม่ต้องใช้พลังที่แท้จริงก็สังหารกึ่งจักรพรรดินับร้อยคนได้ในคราเดียว หากไม่ใช่ว่าเห็นกับตา ยามข่าวแพร่ออกไปเกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเชื่อ
หลินสวินในตอนนี้ต้องมีพลังปราณที่น่าหวาดกลัวเพียงใด
ขณะที่ทุกคนต่างกำลังโห่ร้องยินดีกระโดดโหยงเหยง แสงดาบสีขาวน่าพรั่นพรึงสายหนึ่งโผล่ออกมา เจือพลังที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ฟันไปทางหลินสวิน
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ!
“นี่…”
พวกอาหูกับอาหลู่ล้วนตกตะลึง
ฉัวะ!
เงาร่างของหลินสวินถูกแสงดาบฟันเป็นสองท่อน
“ไม่!”
เวลานี้ผู้คนนับไม่ถ้วนร้องเสียงหลงออกมา แม้แต่พวกอาหูกับเจ้าคางคกยังหน้าเปลี่ยนสี ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากหลินสวินฆ่าศัตรูทั้งหมดแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงเช่นนี้
กะทันหันเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินถูกสะบั้นระเบิดแหลก คนบางส่วนล้วนถูกกระตุ้นจนแทบจะพังทลาย
แต่พริบตาต่อมา
เงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏอยู่กลางอากาศที่ห่างไปไม่ไกล
เวลานี้ผู้คนจึงรับรู้ได้อย่างฉับพลันว่าสิ่งที่ถูกปราณดาบฟันแหลกเมื่อครู่เป็นแค่ภาพมายาของหลินสวิน สาเหตุอยู่ที่ความเร็วยามเขาหลีกหลบว่องไวเกินไป!
“เจ้าหมอนี่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิแล้วดังคาด”
เสียงเยียบเย็นน่าเกรงขามดังขึ้นแต่ไกล บาดหูของทุกคนในที่นั้นราวกับคมศาสตราเสียดสีกัน ทรมานจนเกือบกระอักเลือด
จากนั้นเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ
คนผู้นี้ผมหนวดขาวโพลน สวมชุดบัณฑิตสีดำ รอบตัวมีกฎเกณฑ์มหามรรคที่เปล่งประกายเจิดจรัสหลากสายเวียนวน ราวกับก้าวออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเขาปรากฏตัว อานุภาพกดดันของระดับจักรพรรดิที่น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบม้วนกลืนฟ้าดินแถบนี้เหมือนคลื่นซัดสาด เวลานี้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนล้วนขวัญหนีดีฝ่อ สภาวะจิตใกล้จะพังทลาย
นั่นคืออานุภาพกดดันที่สูงส่งไร้ขอบเขตอย่างหนึ่ง ทำให้ไม่อาจขจัดไปจากจิตใจของพวกเขาได้
“น่ากลัวยิ่งนัก นะ… นี่คือมหาจักรพรรดิ! บนโลกนี้… ในที่สุดก็มีคนก้าวสู่ระดับนี้แล้ว!”
ทุกคนตื่นตระหนก
แม้แต่พวกอาหูกับเจ้าคางคกยังรู้สึกผิดคาดอย่างอดไม่ได้ โลกชั้นล่างนี้ถึงขั้นมีระดับจักรพรรดิถือกำเนิดขึ้นจริงๆ
นี่หมายความว่าไอวิญญาณฟื้นคืนกลับมาจนถึงตอนนี้ วาสนาแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิบางส่วนก็ปรากฏขึ้นแล้วใช่หรือไม่
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนหนาวเยือกในใจอย่างที่สุดคือ คนที่ปรากฏตัวไม่ใช่แค่ระดับจักรพรรดิคนเดียว!
“พี่หมิงหยา ระดับจักรพรรดิไม่ใช่พวกที่จัดการได้ง่ายเช่นนั้น แต่หากให้ข้ากับสหายยุทธ์ซิวอวิ๋นจื่อและเยวี่ยเหิงช่วยกันจับตัวหมอนี่ไว้ ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”
พร้อมกับเสียงผ่อนคลาย ชายสวมชุดแขนกว้าง ท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งเหินห้วงอากาศเข้ามา
ผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักกระบี่เทียมฟ้า เซี่ยซั่งซวี!
คนที่ถูกเซี่ยซั่งซวีเรียกว่าหมิงหยา ก็คือชายชราผมหนวดขาวโพลนและสวมชุดบัณฑิตนั่น เป็นผู้อาวุโสชั้นสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ยามเซี่ยซั่งซวีปรากฏตัว ในสองทิศทางอื่นต่างมีเงาร่างหนึ่งปรากฏ
คนหนึ่งผมยาวสยาย สวมชุดดำท่าทางอำมหิต เป็นซิวอวิ๋นจื่อ สัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งสำนักยุทธ์นครนิล
อีกคนเป็นผู้หญิงสวมชุดหลากสี ท่วงท่างามเพียบพร้อม ร่างกายแผ่แสงมรรคเปล่งประกาย เป็นผู้อาวุโสชั้นสูงเยวี่ยเหิงแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูร
ทั้งสี่คนล้วนแผ่อานุภาพของระดับจักรพรรดิออกมา อัดแน่นห้วงอากาศราวปกคลุมฟ้าดิน บีบกดจนผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนหน้ามืด ในหัวมีเสียงดังก้องจนแทบระเบิดออก
“ถอย!”
“ถอยอีก!”
ที่แห่งนั้นพลันโกลาหล ผู้คนนับไม่ถ้วนลนลาน ไม่กล้าเข้าใกล้แถบนี้อีก
ระดับจักรพรรดิสี่คนปรากฏตัวที่นี่พร้อมกัน
ก่อนหน้านี้นี่เป็นสิ่งที่ใครต่างไม่คาดคิด ความจริงแล้วนี่ยังเป็นครั้งแรกที่คนมากมายในที่นี้ได้เจอระดับจักรพรรดิด้วย
แค่มองก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกและหวั่นกลัว ไม่อาจปลุกใจให้คิดต้านทานแม้แต่น้อย
อานุภาพนั้นสูงส่งและน่าหวาดกลัวเกินไป!
เวลานี้ความรู้สึกของผู้คนที่เดิมตื่นเต้นดีใจล้วนอันตรธานหายไป ถูกความหนาวเยือกไร้สิ้นสุดเข้ามาแทน
ระดับจักรพรรดิสี่คนมาเยือน หลินสวินยังมีโอกาสต้านได้อีกหรือ
“หลินสวิน ความแค้นของเจ้ากับพวกเราสำนักแห่งดินแดนรกร้างโบราณไม่ตายไม่เลิกรานานแล้ว แต่ข้าสามารถมอบโอกาสให้เจ้าครั้งหนึ่ง ก้มหัวยอมจำนนต่อพวกเราตอนนี้ เรื่องในอดีตก็ถือว่าแล้วกันไป”
เซี่ยซั่งซวีแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้ากล่าวอย่างผ่อนคลาย เสียงของเขาดูจองหองราวสูงส่งเหนือผู้อื่น มองว่าให้หลินสวินยอมจำนนก็เหมือนการสร้างบุญคุณอย่างหนึ่ง
หมิงหยาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ซิวอวิ๋นจื่อแห่งสำนักยุทธ์นครนิล เยวี่ยเหิงแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรก็เคลื่อนสายตาจับจ้องหลินสวิน
บนสีหน้าล้วนเผยความเฉยชา ท่าทีราวกำชัยไว้แล้ว
ฟ้าดินกดอัด ทั้งนครต้องห้ามปกคลุมด้วยไอสังหารที่ทำให้ผู้คนใจสั่นระรัว
กลับเห็นหลินสวินเอามือไพล่หลัง กล่าวขำขัน
“พวกเจ้านับเป็นตัวอะไร เพิ่งก้าวสู่ระดับจักรพรรดิก็กล้าให้ข้ายอมจำนนหรือ คิดว่าบรรลุจักรพรรดิแล้วไม่ต้องเกรงกลัวฟ้าดินจริงหรือ”
หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา แม้จะเป็นหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ ก็เกรงว่าคงไม่กล้าพูดจาโอ้อวดไร้ยางอายกับเขาเช่นนี้
ตอนนี้เจ้าเฒ่าที่เพิ่งบรรลุจักรพรรดิไม่กี่คนก็กล้าวางท่าเช่นนี้ ทำให้หลินสวินรู้สึกขบขันมากจริงๆ
ว่ากันตามจริงปัญหาอยู่ที่โลกทัศน์
ถูกจำกัดด้วยความรู้ความเข้าใจ แน่นอนว่าย่อมไม่รู้ความเหมือนกบก้นบ่อ!
……………………..