บทที่ 2139 รู้จักผมมั้ย

The king of War

The king of War บทที่ 2139 รู้จักผมมั้ย

เรื่องการจัดงานพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอดของตระกูลเศรษฐีอันดับหนึ่งของจงโจวถูกแพร่กระจายไปทั่วจงโจวอย่างรวดเร็ว

ผู้คนมากมายกำลังตามสืบว่าผู้สืบทอดของตระกูลเหอคือใคร พอพวกเขาได้รู้ว่า ลูกชายคนรองของตระกูลเหอเหอสงจะขึ้นเป็นผู้สืบทอดต่างพากันตกใจอย่างมาก

หลายปีมานี้ จากอายุที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเหอหยวนหงก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน และในสถานการณ์แบบนี้เขาก็ได้เอากิจการส่วนใหญ่ไปให้เหอจื้อจัดการ คนของตระกูลเหอต่างปฏิบัติกับเหอจื้อราวกับเป็นผู้สืบทอด

แม้แต่เหล่าตระกูลที่ร่วมงานกับตระกูลเหอ ยังเลือกที่จะเข้าหาเหอจื้อเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีเลยส่วนเหอสงนั้น ได้ถูกมองข้ามไปนานแล้ว

ตอนนี้ ตระกูลเหอกลับประกาศออกมาว่า จะให้เหอสงขึ้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเหอ และตระกูลเหอก็ยังเป็นตระกูลที่รวยที่สุดของจงโจว เป็นตระกูลเศรษฐีที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจงโจวจริงๆแค่คิดก็รู้แล้วว่าข่าวนี้มันสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ขนาดไหน

“โลกภายนอกมีการตอบสนองยังไงบ้าง?”

คฤหาสน์ตระกูลเหอ ในเรือนเล็กของเจ้าบ้าน เหอหยวนหงถามพ่อบ้านด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

พ่อบ้านรีบตอบไปทันทีว่า “นอกจากพวกตระกูลเศรษฐีที่อยู่ระดับเดียวกับตระกูลเหอแล้ว ตระกูลเศรษฐีที่เหลือต่างหาทางเข้าหาเหอสงกันอยู่ครับ โดยเฉพาะตระกูลเศรษฐีที่ใกล้ชิดกับตระกูลเหอก็รีบหายทางไปเจอเหอสงกันใหญ่เลยครับ”

“พูดได้เลยว่า เหอสงในตอนนี้ กลายเป็นเป็นบุคคลที่ตระกูลมหาเศรษฐีทั้งหลายต้องการเข้าหาส่วนเหอจื้อก็ถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง ไม่มีตระกูลเศรษฐีไหนเข้าหาเขาเลยครับ”

เหอหยวนหงทำเสียงฮึดฮัด “นี่แหละคือความเป็นจริง เมื่อไหร่ที่พวกตระกูลที่เทียบตระกูลเหอไม่ได้ รู้ว่าเหอสงกลายเป็นผู้สืบทอดแล้ว ก็จะละทิ้งเหอจื้อที่เป็นผุ้พ่ายแพ้ไปทันที”

“แต่ว่า การคำนวณวางแผนของพวกมัน คงต้องผิดแผนแล้วล่ะ!”

พอได้ยินอย่างนั้น พ่อบ้านก็ทำหน้าตกใจ แล้วถามไปว่า “เจ้าบ้านครับ คุณได้ประกาศไปแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าจะให้เหอสงขึ้นเป็นผู้สืบทอด? หรือมันไม่ใช่?”

เหอหยวนหงยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมาที่มุมปาก แล้วถามกลับไปว่า “ผมแค่ประกาศออกไปว่าพรุ่งนี้เก้าโมงเช้า จะจัดงานพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอด ผมเคยประกาศสู่โลกภายนอกมั้ยว่า จะให้ใครเป็นผู้สืบทอด?”

พ่อบ้านเบิกตาโต การประชุมด่วนของตระกูลก่อนหน้านี้ เหอหยวนหงได้ประกาศต่อหน้าคนในตระกูลเหอว่าจะตั้งเหอสงเป็นผู้สืบทอด

ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แล้วเจ้าบ้านต้องการจะทำอะไรกันแน่?

เหอหยวนหงจ้องมองพ่อบ้านแล้วพูดไปว่า “กลับไปพักเถอะ!”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วกลับห้องไป

พ่อบ้านจากไปด้วยสีหน้าที่สับสน

เขารู้สึกเหมือนมองเหอหยวนหงไม่ออก พูดได้เลยว่า นอกจากตัวเหอหยวนหงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอดในวันพรุ่งนี้ คงไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะแต่งตั้งใครขึ้นเป็นผู้สืบทอดหรอกมั้ง!

สำหรับคนของตระกูลเหอนั้น คืนนี้เป็นคืนที่ไม่มีทางนอนหลับ เหล่าคนรับใช้ในตระกูลเหอ จัดเตรียมสถานที่ในบ้านตระกูลเหอทั้งคืน ทั่วบ้านตระกูลเหออยู่ในสภาวะของการเฉลิมฉลอง

เช้าวันต่อมา คนจากองค์กรต่างๆ ของจงโจว ต่างมาถึงบ้านตระกูลเหอพร้อมของขวัญที่มีมูลค่า

แน่นอนว่า พวกที่มาถึงแต่เช้า ต่างเป็นผู้นำองค์กรที่ฐานะและความสามารถห่างชั้นกับตระกูลเหอมากๆ

ตอนแปดโมงครึ่ง ตระกูลมหาเศรษฐีที่แท้จริงของจงโจวถึงทยอยกันมา

ตอนแปดโมงห้าสิบ เหล่าผู้มีอิทธิพลชั้นแนวหน้าของจงโจวที่ใส่ชุดจีนกลุ่มหนึ่งถึงพากันเข้างาน

“ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งจงโจว เจ้าบ้านตระกูลหวู หวูซิงเหอ มาด้วยตนเองเลยรึ!”

“ยังมีกองกำลังบูโดอันดับหนึ่งแห่งจงโจว หัวหน้าสมาคมบูโดจงโจว หนิงเทียนสงก็มาด้วย!”

“พระเจ้า! คนจากกองยุทธการจงโจว ก็มาด้วย! คนที่มาเหมือนจะเป็นจางจี้หนึ่งในสี่รองผู้บัญชาการที่ขึ้นตรงกับผู้บัญชาการใหญ่ของกองยุทธการจงโจว ผู้ต่างเรียกเขาว่า เจ้าบ้าจาง!”

……

พอทุกคนได้เห็นเหล่าผู้มีอิทธิพลทยอยมาถึง ต่างพากันตะลึงอย่างถึงที่สุด

การที่ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้มาเยือน ใบหน้าของเหอหยวนหงมีแต่รอยยิ้ม และออกมาต้อนรับด้วยตนเอง

“การที่พวกคุณมาร่วมงานในวันนี้ ช่างเป็นเกียรติอันประเสริฐให้กับตระกูลเหอเป็นอย่างยิ่งเลยครับ! ฮ่าฮ่า สหายทุกท่าน รีบเชิญนั่งก่อนเร็ว!”

เหอหยวนหงเชิญเหล่าผู้มีอิทธิพลไปด้านหน้าสุดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ซึ่งเป็นโต๊ะที่ถัดจากตัวหน้าสุดตัวนั้น

พอเห็นอย่างนั้น เหล่าผู้มีอิทธิพลทั้งหลายต่างพากันตกใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร และไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาด้วย

พวกเขาต่างเป็นระดับผู้มีอิทธิพลของจงโจว อยู่ระดับเดียวกับเหอหยวนหง เหอหยวนหงจึงควรจัดให้พวกเขานั่งโต๊ะหน้าสุดถึงจะถูก แต่ด้านหน้าของพวกเขา กลับมีโต๊ะอีกตัว ก็เท่ากับว่า ยังมีผู้มีอิทธิพลที่ฐานะและตำแหน่งสูงกว่าพวกเขาจะมาร่วมงานด้วย

ไม่นาน พวกเขาก็พอเดาๆ ได้ ในจงโจว ผู้มีอิทธิพลที่มีฐานะสูงกว่าพวกเขา คงมีแต่ตระกูลจากโลกบู๊โบราณเท่านั้นแล้ว

ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายต่างรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดมันออกมา

พอเห็นว่าใกล้จะเก้าโมงแล้ว ในตอนนั้น ได้มีเสียงอันกึกก้องดังขึ้น “ตระกูลบู๊โบราณ คุณเฉินไห่โจวจากตระกูลเฉิน และคุณชายเฉินหยาง ได้มาถึงแล้ว!”

ทุกคนต่างพากันมองไป ก็พบกับนักบูโดที่แต่งตัวแบบโลกบู๊โบราณหลายคนเดินเข้ามา

คนที่เป็นผู้นำ เป็นชายวัยกลางคนที่คิ้วคมหน้าน่าเกรงขามคนหนึ่ง มาพร้อมกับชายหนุ่มที่ดูดีมีสไตล์คนหนึ่ง และด้านหลังของพวกเขา ก็มีนักบูโดที่มีรังสีอันน่ากลัวติดตามมาด้วยสองคน

การมาถึงของคนกลุ่มนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างกดดันอย่างมาก ทำให้พวกเขาอยากก้มหมอบลงกับพื้น

บางคนที่รักตัวกลัวตาย ก็ไม่สามารถทนรับออร่าอันแข็งแกร่งที่ถูกปล่อยออกมาจากนักบูโดพวกนี้ได้ ร่างกายพากันสั่นเครือแม้แต่ความกล้าที่จะเงยหน้าไปมองคนคนเหล่านี้ก็ยังไม่มี

เหอหยวนหงพาพวกสายเลือดของตระกูลเหอเดินหน้า ทุกคนต่างทำตัวนอบน้อม มองไปที่ เฉินไห่โจวกับเฉินหยางแล้วพูดว่า “คุณเฉิน คุณชายเฉิน ในที่สุดพวกคุณก็มาถึง เชิญนั่งครับ!”

เฉินไห่โจวแค่พยักหน้าเบาๆ แล้วนั่งไปบนตำแหน่งประธานอย่างรู้งาน เฉินหยางนั่งลงข้างเขา ส่วนนักบูโดทั้งสองมีสิทธิ์แค่ยืนอยู่ด้านหลังทั้งสองเท่านั้น

และทันใดนั้นเอง ก็ถึงเวลาเก้าโมงเช้าพอดี เหอหยวนหงกำลังจะประกาศเปิดพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอด ทันใดนั้น ได้มีคนปรากฏขึ้นที่ทางเข้างานอีกครั้ง

คนของตระกูลเหอรีบตะโกนขึ้นมาว่า “ประธานเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ประธานหยางเฉิน มาถึงแล้ว!”

ทันใดนั้น สายตาทุกคู่ก็มองไปยังชายหนุ่มท่าทางมั่นคงที่กำลังเดินเข้ามา

ผู้มาก็คือหยางเฉิน หยางเฉินมาในชุดกีฬาสีเทา ใส่รองเท้ากีฬาสีขาว เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ มันก็ดูไม่เข้ากันอย่างยิ่ง

ทุกคนที่อยู่ในงาน ต่างมาในชุดทางการ มีเพียงเขาที่แต่งตัวตามใจแบบนี้

คนที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นผู้มีอิทธิพลในด้านต่างๆ ของจงโจว ชื่อเสียงของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็เคยได้ยินมาบ้าง เพราะอยู่ในเขตของจิ่วโจว เป็นธุรกิจส่วนน้อยที่อยู่ระดับท็อปร้อยของโลก แถมลำดับยังอยู่สูงกว่าหงเย่กรุ๊ปไม่มาก

ไม่เพียงเท่านั้น การเติบโตของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปยังรวดเร็วอย่าวมาก การจัดอันดับก่อนหน้า ยังเป็นอันดับของปีที่แล้วด้วย การจัดอันดับในปีนี้ น่าจะสูงขึ้นอีกหลายอันดับด้วย

ถึงทุกคนจะเคยได้ยินชื่อเสียงของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป แต่กลับไม่มีใครเคยพบประธานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเลย แม้จะมีคนรู้ว่าหยางเฉินอายุยังน้อยมาก ยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ แต่การที่ได้เห็นหยางเฉินตอนนี้ มันก็ยังน่าตกใจมากๆ อยู่ดี

“ที่แท้ก็ประธานหยางนี่เอง ฮ่าฮ่า เชิญนั่งครับ!”

เหอหยวนหงเข้ามาต้อนรับหยางเฉินอย่างกระตือรือร้นไม่ต่างจากพวกผู้มีอิทธิพลของจงโจวและเชิญหยางเฉินไปนั่งด้วยตนเอง

แต่หยางเฉินกลับไม่ได้ไปนั่งร่วมโต๊ะกับเหล่าผู้ มีอิทธิพลของจงโจวตามที่เหอหยวนหงบอก แต่กลับเดินไปที่โต๊ะหน้าสุด แล้วนั่งลงตรงข้ามของเฉินไห่โจว

สิ่ที่เกิดขึ้น ทำเอาทุกคนที่อยู่ในงานต่างอึ้งไปตามๆ กัน

เฉินไห่โจวเป็นถึงหนึ่งในตระกูลชั้นนำของโลกบู๊โบราณ ญาติๆของตระกูลเฉิน ตัวแทนของตระกูลเฉินที่อยู่ในจงโจวตอนนี้ มีอำนาจอยู่ในมือนักบูโดสองคนที่ติดตามมาด้วย ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นนักบูโดแดนนภา

หยางเฉินเป็นแค่ประธานบริษัทของโลกมนุษย์เท่านั้น ถึงบริษัทนี้จะเก่งมาก แต่ด้วยฐานะแค่นี้ของหยางเฉิน เมื่ออยู่ต่อหน้าสายเลือดตระกูลเฉิน ก็ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น!

สีหน้าของเหอหยวนหงเกร็งไปทันที

ส่วนสายตาของเฉินไห่โจวก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที หรี่ตาแล้วพูดกับหยางเฉินว่า “เจ้าหนู แกรู้มั้ย ว่าฉันเป็นใคร?”