บทที่ 2145 เป็นผู้อาวุโสสี่

The king of War

The king of War บทที่ 2145 เป็นผู้อาวุโสสี่

การกระทำของตู้ฉุนดึงดูความสนใจของทุกคนได้ทันที

“เจ้าหมอนั่นจบแล้วที่ดันไปโดนตู้ฉุนเพ่งเล็งเข้า ในหมู่ผู้บำเพ็ญไร้สังกัดในโลกบู๊โบราณล่างตู้ฉุนเป็นคนเย่อหยิ่งที่ค่อนข้างรังแกคนที่อ่อนแอกว่า”

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนพวกนี้น่าจะเป็นคนจากโลกมนุษย์ทั้งหมดเลยมั้ง? แล้วทำไมถึงมีสิทธิ์มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย?”

……

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างพากันวิจารณ์เรื่องนี้

แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่จะไม่รู้จักหยางฉิน มีบางคนที่จำหยางเฉินได้จึงได้ยิ้มเยาะออกมาทันที

“ตู้ฉุนนี่ช่างเป็นคนที่โง่เง่าจริงๆ ที่ไปมีเรื่องกับผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโส ผมอยากรู้จริงๆ ว่าผู้อาวุโสสี่คนนี้จะรับมือยังไง”

“ผู้อาวุโสสี่คนนี้สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งแดนนภาสิบห้าคนด้วยตัวคนเดียว แถมในนั้นยังมีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดถึงห้าคน ลำพังตู้ฉุนที่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นแค่คนเดียว คงมีแต่ตายกับตายเท่านั้น”

“เมื่อกี้ผมเห็นนะ เหมือนตู้ฉุนจะไปพูดอะไรกับคนของตระกูลเฉินด้วย เห็นได้ชัดว่าถูกเฉินไห่โจวไหว้วานแน่ ดูท่า เฉินไห่โจวนี่ก็เป็นไอ้งั่งคนหนึ่งเหมือนกัน ที่ไม่รู้แม้กระทั่งผู้อาวุโสสี่เป็นใคร”

……

เหล่าคนของตระกูลบู๊โบราณที่รู้ว่าหยางเฉินเป็นใคร ต่างทำหน้าคาดหวัง พวกเขาไม่ได้ออกหน้า แต่กลับทำเหมือนกำลังได้เห็นอะไรสนุกๆ

“ทำไมเขาถึงก่อเรื่องอีกแล้วเนี่ย?”

ท่ามกลางฝูงชน หญิงสาวที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่งมองไปทางหยางเฉิน แล้วพูดพร้อมขมวดคิ้ว

ส่วนหญิงสาวหน้าตาที่อีกคนที่อยู่ข้างๆ ได้พูดด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลว่า “พี่ซือซือ นี่มันไม่ใช่ความผิดของคุณลุงนะ ทั้งๆ ที่คนจากตระกูลบู๊โบราณคนนั้นจงใจชนคุณลุงเพื่อหาเรื่องเอง เมื่อกี้ฉันยังเห็นอีกด้วยว่าคนจากตระกูลบู๊โบราณคนนั้นไปคุยกับคนของ ตระกูลบู๊โบราณเฉินด้วย”

หญิงสาวท้งสอง ก็ต้องเป็นกู้ซือซือกับเซี่ยหลินอยู่แล้ว

ด้านข้างเซี่ยหลิน กู้ไท่ชูก็กำลังขมวดคิ้วเหมือนกัน เขามองดูหยางเฉินที่ถูกตู้ฉุนจงใจหาเรื่องทนไม่ไหวจนพูดออกไปว่า “นี่คุณครับ เมื่อกี้คุณเป็นคนที่ไปชนหยางเฉินเอง แต่คุณกลับไปหาเรื่องเขา แบบนี้มันดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่มั้งรับ?”

ไม่มีใครคาดคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ จำมีใครกล้าออกมาพูดแทนหยางเฉิน

หยางเฉินเองก็ตกใจเหมือนกัน จึงหันมองไปที่กู้ไท่ชู

ในตอนนี้ กู้ไท่ชูทำหน้าจริงจัง ไม่มีการแสดงความกลัวใดๆ ออกมา ราวกับไม่กังวลว่าจะถูกตู้ฉุนหมายหัว

เห็นได้ชัดว่าตู้ฉุนก็นึกไม่ถึงว่าในโลกมนุษย์จะมีใครกล้าออกหน้าแทนหยางเฉิน สายตาที่ดุร้ายคู่นั้น จ้องเขม็งไปที่กู้ไท่ชู

เขาได้เผยรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมออกมาที่มุมปาก หรี่ตาแล้วพูดกับกู้ไท่ชูว่า “นี่ไอ้แก่ แกพูดว่ายังไงนะ?”

การที่กู้ไท่ชูถูกจ้องด้วยสายตาแบบนั้น บวกกับตู้ฉุนที่ปล่อยแรงกดดันวิถีบู๊ใส่ ทำเอากู้ไท่ชูรู้สึกกดดันอย่างหนัก

กู้ซือซือกับเซี่ยหลินก็ทำหน้าตื่นเต้น พวกเธอเองก็นึกไม่ถึงว่ากู้ไท่ชูจะออกหน้าในสถานการณ์แบบนี้

ต้องรู้ก่อนว่า เมื่อคืนนี้ หลังจากที่หยางเฉินไปบ้านตระกูลกู้ แล้วพูดอะไรที่ไม่เข้าหูกู้ไท่ชู ก็ถูกกู้ไท่ชูไล่ออกไปทันที

แต่ในคืนนี้ กลับกล้าเผชิญหน้ากับตู้ฉุนเพื่อหยางเฉิน โดยไม่สนว่าตู้ฉุนจะเป็นใครด้วยซ้ำ

กู้ไท่ชูอดกลั้นความกลัวในใจเอาไว้ แล้วหันไปพูดกับตู้ฉุนว่า “ผมพูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าคุณยังดึงดันที่จะหาเรื่องหยางเฉินอีก มันก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว”

พูดจบ เขาก็หันมองไปทางเพื่อนที่อยู่ข้างๆ แล้วถามไปว่า “เจ้าจาง เมื่อกี้แกก็น่าจะเห็นใช่มั้ยว่าคนคนนี้ตั้งใจเข้าไปชนหยางเฉิน?”

คนที่ถูกเรียกว่าเจ้าจางสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบถอยไปหลายก้าวแล้วตะคอกใส่กู้ไท่ชูว่า “กู้ไท่ชูแกอย่าพูดอะไรบ้าๆ นะ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

สีหน้าของกู้ไท่ชูแข็งเกร็งทันที เจ้าจางก็เป็นผู้นำตระกูลเศรษฐีระดับเดียวกับเขา ปกติทั้งสองสนิทกันมาก แต่นึกไม่ถึงว่า ด้วยความหวาดกลัวที่มีต่อตู้ฉุนเจ้าจางจะพูดแบบนั้นออกมา

เขาหันมองไปยังเพื่อนที่อยู่อีกข้าง แล้วถ้าไปว่า “เจ้าหม่า……”

ทว่า เขายังไม่ทันได้พูดจบ เจ้าหม่าก็หันไปตะคอกใส่หยางเฉินว่า “เจ้าหนู นี่แกตาบอดรึไง? ถึงกล้าไปชนคุณคนนี้น่ะ ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก”

“เจ้าหม่าพูดถูก แกนี่นะ อายุน้อยๆ สายตาก็เสียแล้วเหรอ? มีคนอยู่ตรงหน้ายังมองไม่เห็น? หรือว่าแกจงใจไปชนคุณตู้อย่างนั้นเหรอ?”

“เจ้าหนู รีบคุกเข่าลงไปขอโทษคุณตู้เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ต่อให้คุณตู้จะปล่อยแกไป ฉันก็ไม่มีทางปล่อยแกไปเด็ดขาด”

……

ทันใดนั้น เหล่าผู้นำตระกูลเศรษฐีที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงต่างพากันตะคอกใส่หยางเฉิน และอยากจะฉีกหยางเฉินให้เป็นชิ้นๆ

สองพ่อลูกเฉินไห่โจวกับเฉินหยางแสดงสายตาที่พึงพอใจออกมา พร้อมยิ้มออกมาที่มุมปาก

ส่วนพวกตระกูลบู๊โบราณที่รู้ฐานะที่แท้จริงของหยางเฉินแล้ว ต่างพากันทำหน้าขบขัน รอดูอะไรสนุกๆ

กู้ไท่ชูมองดูเพื่อนแสนดีที่เขาคิดว่าเป็นพี่น้อง ตอนนี้กลับพากันกล่าวโทษหยางเฉิน สีหน้าของเขาแข็งเกร็ง ไม่นาน มันก็กลายเป็นความโกรธ

เขาไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อนว่าเพื่อรักของตน จะเป็นคนแบบนี้ แต่ละคนต่างโกหกกันหน้าด้านๆ

ถึงเขาจะรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่หยางเฉินพูดเมื่อคืนมาก แต่ก็ไม่อยากพูดโกหกกันหน้าด้านๆ และไม่อยากเห็นคนหนุ่มของโลกมนุษย์คนหนึ่ง ต้องถูกคนจากตระกูลบู๊โบราณเอาเปรียบ

ทำหน้าพอใจ ทันใดนั้นเขาได้ตู้ฉุนจ้องมองไปที่กู้ไท่ชู หรี่ตาแล้วพูดไปว่า “นี่ไอ้แก่ ตอนนี้แกยังคิดว่า ฉันจงใจไปชนเจ้าหมอนี่อยู่มั้ย?”

กู้ไท่ชูทำหน้าบึ้งตึง สีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่ก็ยังพูดอย่างหนักแน่ว่า “ผมเห็นกับตา คุณนั่นแหละที่จงใจไปชนหยางเฉิน”

“เยี่ยม! เยี่ยมมาก!”

ตู้ฉุนได้เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแกจะปากแข็งได้สักแค่ไหน”

“ฉันขอจัดการเรื่องของเจ้าหมอนี่ก่อน แล้วค่อยมาเคลียร์เรื่องระหว่างเรา”

พูดจบ ตู้ฉุนก็หันไปที่หยางเฉิน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ขบขันว่า “เจ้าหนู แกเองก็เห็นแล้วว่าแทบทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต่างคิดว่าแกจงใจมาชนฉัน แถมยังต้องการให้แกคุกเข่าขอโทษ เพื่ออ้อนวอนความเห็นใจจากฉัน”

“ตอนนี้ ฉันจะให้โอกาสที่แกจะทำให้ฉันหายโกรธหนึ่งครั้ง”

พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ชี้ไปที่กู้ไท่ชู แล้วพูดอย่างขบขันว่า “ขอแค่แกลงมือด้วยตนเอง อัดไอ้แก่นี่ให้หนัก แล้วฉันจะยอมปล่อยแกไป เป็นไง?”

พอคำพูดนี้ถูกพูดออกมา เหล่าคนของโลกมนุษย์ ต่างพากันทำหน้าตะลึง

กู้ไท่ชูเพิ่งออกหน้าแทนหยางเฉิน ถ้าตอนนี้หยางเฉินเกิดลงมือกับกู้ไท่ชูขึ้นมาจริงๆ แบบนั้นกู้ไท่ชูก็จะขายหน้าไปถึงตระกูลเลย

กู้ไท่ชูสีหน้าบึ้งตึงอย่างถึงที่สุด เขากันมองไปทางหยางเฉิน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หยางเฉินค่อยๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง หันมองตู้ฉุนที่ทำตัวโอหังแค่แวบเดียว จากนั้นสายตาก็มองไปทาง เฉินไห่โจว

“เฉินไห่โจว คุณนี่มันโง่เง่าจริงๆ!”

ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน หยางเฉินก็ได้พูดคำนี้ออกมา

ตูม!

ทุกคนต่างตกอยู่ในความช็อก!

แม้แต่ตัวเฉินไห่โจวเองยังถึงกับอึ้ง หยางเฉินถึงกับกล้าด่าว่าเขาโง่ต่อหน้าทุกคน

มันเอาความกล้ามาจากไหน?

รังสีแห่งความโกรธได้ระเบิดออกจากตัวของเฉินไห่โจว

และในตอนนั้นเอง รังสีที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าได้ระเบิดออกจากตัวหยางเฉิน

“ฆ่าทิ้ง!”

เขาแค่พูดออกมาอย่างสบายๆ ก็เห็นหม่าชาวที่ตามอยู่ด้านหลังเขาขยับเท้า แล้วหายวับไปกับตา

“ตุบ!”

วินาทีต่อมา ได้มีเสียงกระแทกอันอึดอัดดังขึ้นครั้งหนึ่ง

ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน หมัดอันรุนแรงของหม่าชาว ได้กระแทกไปที่หน้าอกของตู้ฉุนอย่างแรง ตู้ฉุนไม่มีโอกาสแม้แต่จะโต้กลับ ก็ได้กระอักเลือดแล้วลอยออกไปไกลสิบกว่าเมตร

และสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าก็คือ หลังจากที่ตู้ฉุนถูกชกใส่ สัญญาณชีพก็ได้หายไปทันที

หนึ่งหมัด สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นได้!

แล้วหม่าชาวจะแข็งแกร่งขนาดไหน?

สายตาของทุกคน ต่างมองไปที่หม่าชาวอย่างพร้อมเพรียงกัน

ส่วนหม่าชาวทำตัวเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ตามอยู่ข้างหลังหยางเฉินเดินตรงไปยังโพเดียมที่อยู่หน้าสุดของห้องจัดเลี้ยง

พอหยางเฉินเดินไปถึงโพเดียม ก็ได้นั่งไปยังที่นั่งตรงกลาง ตรงตำแหน่งที่เขียนว่า “ผู้อาวุโสสี่”

ส่วนหม่าชาวและคนอื่นๆ ต่างยืนอยู่ด้านหลังอย่างนอบน้อม

วินาทีนี้ ทุกคนในงานต่างตกอยู่ในความเงียบ!

ทุกคนต่างจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งของผู้อาวุโสสี่ด้วยความตะลึง หรือจะบอกว่า ชายหนุ่มตรงหน้าที่ชื่อหยางเฉินคนนี้ จะเป็นผู้อาวุโสสี่ที่เลื่องลือคนนั้น?