บทที่ 2170 รังแกกันมากเกินไปแล้ว

The king of War

The king of War บทที่ 2170 รังแกกันมากเกินไปแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน กู้ไท่ชูก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ดีใจ และรีบพูดว่า “รีบเชิญเข้ามา เร็วเข้า!”

พูดจบ เขาก็หันกลับอย่างรวดเร็วและวิ่งเหยาะๆออกไปด้านนอก พลางพูดว่า “ผมต้องไปต้อบรับผู้อาวุโสสี่ด้วยตัวเอง!”

เมื่อตอนหยางเฉินมาครั้งแรก เนื่องจากคำพูดของหยางเฉินได้สมรู้ร่วมคิดกับการกระทำของคนในตระกูลบู๊โบราณอย่างเห็นได้ชัด กู้ไท่ชูเลยไม่พอใจหยางเฉิน และถึงกับไล่เขาออกไป

แต่เมื่อสิบวันก่อน งานเลี้ยงอาหารค่ำที่หยางเฉินจัดขึ้น เขาถึงตระหนักได้ว่าเขาเข้าใจหยางเฉินผิดไป คำพูดที่หยางเฉินพูดในคืนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการลองเชิงตัวเอง

ตอนนี้ ในใจของกู้ไท่ชู พอใจในตัวหยางเฉินเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

ในขณะนี้ เสียงหัวเราะที่เบิกบานใจดังขึ้น ตามด้วยเสียงของหยางเฉินก็ดังขึ้น “ผู้นำกู้ ผมมาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ จู้จี้จริงๆ!”

“ผู้อาวุโสสี่มาเยี่ยมตระกูลกู้ เป็นบุญของตระกูลกู้ จะว่าจู้จี้ได้อย่างไร? ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสสี่เชิญเข้ามาข้างใน!”

กู้ไท่ชูหัวเราะเสียงดังและพูด สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้น

กู้ซื้อซือและเซี่ยหลินสองสาวตามหลังกู้ไท่ชู และเหล่ตาไปที่หยางเฉินเป็นครั้งคราว

หญิงสาวสองคนรู้สึกหดหู่ใจมาก พวกเธอยังจำเหตุการณ์เมื่อตอนเจอหยางเฉินบนเครื่องบินเป็นครั้งแรก พอนึกถึงเรื่องที่อยู่บนเครื่อง สีหน้าของกู้ซือซือเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ

ตอนนั้นเธอดูถูกหยางเฉินเป็นอย่างมาก คิดว่าหยางเฉินเป็นเพียงคนยากจน ในเวลานั้นเธอไม่เคยเอาหยางเฉินเชื่อมโยงกับผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโสในจิ่วโจว

เซี่ยหลินก็อึดอัดมาก ในตอนนั้นเธอยังดึงหยางเฉินให้แสร้งทำเป็นแฟนของเธอ

เมื่อนึกถึงหยางเฉินที่เคยแสร้งทำเป็นเป็นแฟนของเธอ ใบหน้าเล็กๆของเซี่ยหลินก็แดงก่ำ

ในคืนนั้น หยางเฉินใช้ดาบฟันท้องฟ้าเพียงครั้งเดียว ทิ้งความประทับใจที่ยากจะลืมไว้ในใจของพวกเธอ แม้ว่าหลายคนจะบอกว่า ในคืนนั้นคนที่ใช้ดาบฟันเพียงท้องฟ้าเพียงครั้งเดียวคือจิตวิญญาณเทพมารที่อยู่ในร่างของหยางเฉิน แต่ในมุมมองของกู้ซือซือกับเซี่ยหลิน ก็คือการกระทำของหยางเฉินนี่แหละ

ไม่นาน กู้ไท่ชูก็พาหยางเฉินไปที่ห้องของเขา

“ผู้อาวุโสสี่ ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักสถานะของท่าน และยังไล่ท่านออกจากตระกูลกู้ เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงเรื่องนี้ ผมก็รู้สึกตื่นตระหนกตกใจ! คิดไม่ถึงว่า ท่านถึงกับไม่โกรธเคือง ยังมาเยือนถึงบ้านตระกูลกู้ ผมละอายใจจริงๆ!”

หลังจากนั่งลงแล้ว กู้ไท่ชูพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกละอายใจ จากนั้นรินชาต้าหงเผาจากต้นหลักให้หยางเฉินหนึ่งแก้ว ตัวเองยกแก้วน้ำชาขึ้นและพูดกับหยางเฉินว่า “ผู้อาวุโสสี่ ผมใช้น้ำชาแทนเหล้า เพื่อขอโทษท่าน!”

พูดจบ กู้ไท่ชูก็ดื่มจนหมดแก้ว

หยางเฉินรีบลุกขึ้น และพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้นำกู้พูดเกินไปแล้ว! ไม่มีอะไรที่ต้องขอโทษ หากต้องขอโทษจริงๆ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษผู้นำกู้ วันนั้นเป็นความผิดของผมที่ปิดบังสถานะของตัวเอง จงใจลองเชิง เป็นความผิดของผมเอง”

พูดจบ เขาก็ยกชาขึ้น ดื่มทีเดียวหมดแก้ว

เมื่อเห็นท่าทีของหยางเฉิน กู้ไท่ชูก็ยิ่งมีความรู้สึกชื่นชมมากขึ้น

จอมคนระดับสูงเช่นนี้ มาที่ตระกูลกู้ เป็นบุญของตระกูลกู้จริงๆ

“ผู้อาวุโสสี่ ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคารพ หนูก็ขอใช้ชาแทนเหล้า เพื่อเป็นการขอโทษท่าน!”

ในเวลานี้ กู้ซือซือก็ยกแก้วชาขึ้น โค้งคำนับไปทางหยางเฉินเล็กน้อย และดื่มจนหมดแก้ว

หยางเฉินทำสีหน้าจนปัญญา จะห้ามก็ไม่ใช่ หรือจะยอมรับก็ไม่เชิง ได้แต่ให้กู้ซือซือดื่มชาแทนเหล้าเพื่อขอโทษ

“คุณอา คิดไม่ถึงว่า ท่านถึงกับเป็นผู้อาวุโสสี่ของสมาคมผู้อาวุโสในเมืองจิ่วโจวของพวกเรา นี่ช่างทำให้ประหลาดใจจริงๆ”

เซี่ยหลินพูดด้วยรอยยิ้ม กระพริบดวงตากลมโตแล้วมองไปที่หยางเฉิน ราวกับว่าต้องการมองหยางเฉินให้ทะลุปรุโปร่ง เพื่อดูว่าหยางเฉินนั้นแตกต่างจากตัวเธอหรือไม่ มีวิชาทักษะที่ล้ำเลิศ ไม่เช่นนั้นทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้?

กู้ไท่ชูขมวดคิ้ว และตำหนิ “เซี่ยหลิน อย่าเสียมารยาทกับผู้อาวุโสสี่!”

เซี่ยหลินรีบละสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของเธอ และมองไปที่หยางเฉินด้วยท่าทางที่น่าสงสาร

“เอาล่ะ พวกเธอออกไปก่อน ฉันจะคุยกับผู้อาวุโสสี่!”

กู้ไท่ชูไล่เซี่ยหลินกับกู้ซือซือออกไปโดยตรง ในขณะที่สองสาวกำลังจะออกจากห้อง กู้ไท่ชูก็พูดกับกู้ซือซืออีกครั้ง “ซือซือให้พ่อของเธอรวบรวมสายเลือดของตระกูล และเตรียมงานเลี้ยงสำหรับผู้อาวุโสสี่”

“ค่ะ! คุณปู่!”

กู้ซือซือรีบตอบทันที

หลังจากหญิงสาวทั้งสองจากไป กู้ไท่ชูก็มองไปที่หยางเฉินและพูดว่า “ผู้อาวุโสสี่ ท่านมาเยี่ยมตระกูลกู้กะทันหัน คงจะมีคำสั่งอะไรใช่ไหม?”

เขาไม่เชื่อ ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหยางเฉิน จะมาที่ตระกูลกู้โดยไม่มีสาเหตุ

เพียงแต่ เขาคิดไม่ออกจริงๆว่า ตระกูลกู้สามารถทำอะไรเพื่อหยางเฉินได้บ้าง

หยางเฉินยิ้มและไม่ตอบ แต่ถามว่า “สถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลกู้ดูเหมือนจะแย่มาก?”

กู้ไท่ชูส่ายหัวอย่างขมขื่น “มันค่อนข้างแย่มาก แต่ไม่เป็นไร ตระกูลกู้อยู่ในจงโจวถือว่าเจริญรุ่งเรืองมาหลายทศวรรษแล้ว แม้ว่าจะเทียบตระกูลมหาเศรษฐีเหล่านั้นไม่ได้ แต่ก็ถือได้ว่าอยู่ในจงโจวก็เป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสอง”

“ตอนนี้ ถึงเวลาที่จะออกจากตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับสองแล้ว แบบนี้ก็ดี กองกำลังที่คอยจับจ้องตระกูลกู้ก็จะได้น้อยลง ก็ถือได้ว่าตระกูลกู้จะได้อยู่อย่างสงบสักระยะหนึ่ง

“ฟังดูแล้ว ดูเหมือนกู้ไท่ชูสามารถยอมรับความจริงเรื่องที่ว่าตระกูลกู้กำลังล่มสลาย แต่จากคำพูดของฝ่ายตรงข้าม หยางเฉินรู้สึกได้ถึงความหมดหนทางและไม่เต็มใจเล็กน้อย

ในฐานะผู้นำตระกูลกู้ มีหรือกู้ไท่ชูจะไม่ต้องการที่นำพาตระกูลกู้ไปสู่จุดสูงสุด?

เพียงแต่ว่า กองกำลังที่คอยจับจ้องตระกูลกู้มีมากเหลือเกิน และก่อนหน้านี้ตระกูลกู้ก็เคยล่วงเกินตระกูลบู๊โบราณเฉินมาก่อน กองกำลังที่คอยจับจ้องตระกูลกู้อยู่แล้ว จึงรีบฉวยโอกาสนี้ จัดการกับตระกูลกู้อย่างองอาจ

ตระกูลกู้รับมือกับสองตระกูลยังพอไหว แต่จะรับมือกับตระกูลมหาเศรษฐีมากมายในคราวเดียว ไม่ไหวจริงๆ

“กู้ไท่ชู!”

ในขณะนี้ มีเสียงโมโห ดังก้องไปทั่วตระกูลกู้

ทันใดนั้นสีหน้าของกู้ไท่ชูเปลี่ยนไปทันที จากนั้นกำหมัดแน่น และพูดด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลวพวกนี้ รังแกคนมากเกินไปแล้วจริงๆ!”

พูดจบ เขามองไปที่หยางเฉินอย่างละอายใจและพูดว่า “ผู้อาวุโสสี่ ท่านพักที่นี่สักครู่ก่อน ผมออกไปพบไอ้สารเลวพวกนั้นก่อน”

หยางเฉินพยักหน้า เขาไม่ได้มีท่าทีจะออกหน้า เขายกแก้วชา และเริ่มชิมชา

กู้ไท่ชูไม่ได้สนใจ หันหลังเดินออกไป

เมื่อเขาออกมาถึงข้างนอก ก็เห็นว่านักบูโดของตระกูลกู้มาถึงแล้ว และจ้องมองนักบูโดของฝ่ายตรงข้ามด้วยความโกรธสุดขีด

เนื่องจากความเสื่อมโทรมของตระกูลกู้ ทำให้มีนักบูโดเหลืออยู่ไม่มากนัก แต่พริบตาเดียวอีกฝ่ายได้ส่งนักบูโดมาหลายร้อยคน ในนั้นยังมีพรสวรรค์ด้านบูโดหลายคนรวมอยูุ่ด้วย

ในด้านของตระกูลกู้ แม้แต่นักบูโดแดนนภาก็ไม่มีเลยสักคน และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดเท่านั้น และมีเพียงคนเดียวเท่านั้น”

พวกคุณจะทำอะไร?

กู้ไท่ชูก้าวไปข้างหน้า จ้องมองไปที่แขกที่ไม่ได้รับเชิญ และถามอย่างโกรธเคือง

ชายชราที่เป็นหัวหน้าพูดว่า “กู้ไท่ชู พวกเราสามตระกูลมหาเศรษฐีมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียว และนั่นก็คือเพื่อให้ตระกูลกู้ ถอนตัวออกจากจงโจว!”

กู้ไท่ชูพูดด้วยความโกรธ “ ไช่เต๋อไห่ พวกคุณไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ? รากฐานของตระกูลกู้เราอยู่ที่จงโจว พวกคุณมีสิทธ์อะไรที่จะให้พวกเราถอนตัวออกจากจงโจว?”

“ฮ่าๆ!”

ในเวลานี้ ชายชราอีกคนที่ใส่ชุดจีนโบราณ ยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “กู้ไท่ชู ให้ตระกูลกู้ถอนตัวออกจากจงโจว พวกคุณก็ต้องถอนตัว! ถ้าคุณบอกว่าถือสิทธิ์อะไร งั้นฉันจะบอกคุณ ก็ถือสิทธิ์ที่พวกเราสามตระกูลมหาเศรษฐีร่วมมือกันไง สามารถทำลายตระกูลกู้ให้พินาศได้อย่างง่ายดาย!”

มีชายชราอีกคนก็พูดขึ้น “กู้ไท่ชู ตระกูลกู้ในวันนี้ไม่ใช่ตระกูลกู้ในอดีตอีกต่อไป ตอนนี้คุณไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่ก็พาตระกูลกู้ออกจากจงโจว หรือไม่ก็ พวกเราสามตระกูลมหาเศรษฐีร่วมมือกันเพื่อทำลายตระกูลกู้ให้พินาศหายไปจากจงโจว!”

ผู้นำของสามตระกูลมหาเศรษฐีมาถึงที่เอง ต้องการรวมพลังกันเพื่อทำลายล้างตระกูลกู้ให้พินาศ

กู้ไท่ชูโกรธจนตัวสั่น และพูดอย่างโกรธเคือง “ความแข็งแกร่งของตระกูลกู้ลดลงอย่างมาก แทบไม่สามารถข่มขู่พวกคุณได้แล้ว หากพวกคุณอยากขึ้นตำแหน่ง ก็ตามสบาย! ทำไมถึงต้องกำจัดให้สิ้นซากด้วย?”

“พวกคุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าสมาคมผู้อาวุโสจะตำหนิเอาโทษเหรอ?”