บทที่ 2062

อีกอย่าง มากไปกว่านั้นก็คือ เธอกับเขายังมีเหตุให้ต้องมาเจอกันตั้งหลายครั้ง…

ถึงขนาดที่ว่า ขาข้างซ้ายของเธอ กำลังถูกเขาประคองเอาไว้ในมือ….

คิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆซูรั่วหลีก็รู้สึกเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง

เธออดคร่ำครวญขึ้นมาในใจไม่ได้ว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันพยายามทุ่มทรับใช้ตระกูลซูมาตลอด ถึงขนาดที่ว่ายอมอุทิศชีวิตให้
ตระกูลซู….

“แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ตระกูลซูจะหลอกต้มฉันจนมีสภาพแบบนี้ เกือบจะพรากชีวิตฉันไปแล้วด้วยซ้ำ…”

“เย่เฉินคนนี้ เป็นลูกหลานตระกูลเย เดิมที่แล้วคือศัตรูคู่แค้นของตระกูลซู กอปรกับที่เขาเป็นลูกของเย่ฉางอิง สำหรับซูโส่วเต้าแล้ว
เขาก็ยิ่งขัดหูขัดตา เหมือนเสี้ยนหนามคอยทิ่มแทง แต่ทั้งที่เป็นศัตรูของตระกูลชู กระนั้นก็ยังยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตฉันในยามคับขันแบบนี้
ทุกอย่างมันดูขัดกันไปหมด….”

เย่เฉินเห็นสีหน้าหลากหลายอารมณ์ของซูรั่วหลี จึงเอ่ยแซวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ทำไม? พอรู้ว่าฉันเป็นคนตระกูลเย่ ความโกรธแค้น
ที่มีต่อตระกูลเย่ของคนตระกูลซูอย่างเธอเลยถูกกระตุ้นขึ้นมาเหรอ?”

ซูรั่วหลีรีบโบกมือ เอ่ยพูดอย่างลนลานว่า “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ…ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ฉันรู้ว่านายเป็นคนตระกูลเย่ ฉันคงเกลียดนาย
มากกว่านี้…”

ขณะที่พูด ซูรั่วหลีก็ถอนหายใจออกมา เอ่ยพูดอย่างปลงๆว่า “เฮ้อ….ตอนนี้ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะ ฉันเป็นแค่เครื่องมือของตระกูลซู
ทั้งยังเป็นเครื่องมือที่พร้อมเสียสละตลอดเวลา พวกเขาเลยไม่ได้ถือสาเรื่องที่ฉันเป็นลูกนอกสมรส…..

พูดมาถึงตรงนี้ ชูรั่หลีก็เอ่ยพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ยตัวเอง “พ่อของฉันกลัวว่าภรรยาของเขาจะรู้ถึงตัวตนของฉัน บางสำหรับเขาแล้ว
ถ้าฉันตายไปอาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้ตัวตนของฉันหายไปตลอดกาล พอตายแล้วก็ไม่สามารถให้การอะไรได้ เขาจะได้ไม่ต้อง
กังวลว่ากรรยาสุดที่รักของเขาจะรู้ความจริงที่เขาเคยนอกใจ…..

เย่เฉินมองมาที่ซูรั่วหลีแล้วพูดอย่างเห็นใจว่า “เธอไม่ต้องเสียใจหรอก จริงๆแล้วถ้ามองอีกมุม ก็ยั่งมีข้อดีอยู่บ้าง อย่างน้อยตอนนี้เธอ
ก็ได้เห็นธาตุแท้ของพวกเขา อีกอย่างเธอก็ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง มันก็ดีกว่าเธอต้องเผชิญกับความตายใช่ไหมล่ะ?”

ซูรั่วหลีพยักหน้า มองมาที่เย่เฉินด้วยดวงตาแดงก่ำ เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “คุณชายเย่ เรื่องนี้ฉันขอบคุณจริงๆนะ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน
โดยไม่ถือโทษโกรธกัน ถ้าเรื่องในวันนี้สลับบทบาทกัน กลายเป็นนายที่กำลังถูกฆ่าต่อหน้าฉัน ฉันก็คงไม่ใจกว้างช่วยนายเหมือนที่นายช่วย
ฉันเอาไว้….”

เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “มันแน่อยู่แล้ว เธอไม่ใช่แค่ไม่ช่วยฉันนะ แต่น่าจะฆ่าฉันเองกับมือด้วย”

ซูรั่วหลีพลั่นรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที เธอก้มหน้าลง แล้วพูดเสียงเบาว่า “เรื่องนี้ฉันโง่เองแหละ ตลอดเวลาที่ผ่านมา สมองฉันคิดแต่เรื่อง
รับใช้ตระกูลซูและคุณพ่อ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยคิดเลยว่า ในสายตาคนอื่นจะมองฉันเป็นคนยังไง…..

เย่เฉินเอ่ยถามเธอ “แล้วตอนนี้เธอคิดจะทำยังไงต่อ?”

ซูรั่วหลีเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “คุณชายเย่ นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะพาฉันกลับเมืองจินหลิงด้วย? หรือว่านายเปลี่ยนใจแล้ว?”

“ใช่” เย่เฉินพยักหน้า แล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันตั้งใจจะพาเธอกลับไปที่เมืองจินหลิง อีกอย่างฉันก็ไม่กลัวที่จะพูดอะไรแย่ๆออกมาเป็นอย่าง
แรกหรอกนะ ในเมื่อตอนนี้ ฉันยังไม่ค่อยวางใจในตัวเธอเท่าไหร่”

พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็พูดต่อว่า “งนั้น หลังจากที่เธอกลับไปที่เมืองจินหลิงกับฉัน ฉันจะไม่ให้เธอเป็นอิสระในทันที แต่จะกักบริเวณ
เธอเอาไว้ จนกว่าฉันจะจัดการทุกอย่างเสร็จ หรือไม่ก็ตอนที่แน่ใจว่าเธอไว้ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจริงๆ ฉันถึงจะคืนอิสระให้เธอ”
ซูรั่วหลีพยักหน้าอย่างไม่หยุดคิด แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ที่นายพูดมาก็สามารถเข้าใจได้ ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ฉันก็คงไม่ไว้ใจตัวเองใน
ทันทีเหมือนกันนั่นแหละ”

จากนั้น ชูรั่วหลีก็ยิ้มเฝื่อนออกมา แล้วพูดว่า “คุณชายเย่ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คงต้องรบกวนนายแล้วล่ะ….”

“แต่ว่านายสบายใจได้ ซูรั่วหลีคนนี้พูดคำไหนคำนั้นมาตั้งแต่เด็กจนโต!”

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะเชื่อฟังนายทุกอย่าง และจะไม่มุ่งร้ายต่อนายหรือคนรอบข้างของนายเด็ดขาด!”

“แล้วก็ถ้าถึงเมืองจินหลิงแล้ว ฉันจะทำตามที่นายสั่งทุกอย่าง…

“เพราะถึงยังไง นายก็ช่วยชีวิตฉันเอาไว้….