The king of War บทที่ 2175 ยอมจำนนต่อตระกูลเจียง
ตอนนี้เหอจื้อกลัวจริงๆ หลังจากรู้ว่าหยางเฉินได้มอบสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายยาให้กับตระกูลกู้แล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาสร้างปัญหามากมายให้กับตระกูลเหอ
“คุณพ่อ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? ผู้อาวุโสสี่จะมาที่ตระกูลเหอหรือไม่? ถ้าเขามา เขาจะฆ่าผมไหม? จะทำลายล้างตระกูลเหอหรือไม่?”
เหอจื้อสั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว
สีหน้าของเหอหยวนหงเคร่งเครียดสุดๆ โกรธจนสั่นไปทั้งตัว เขาปิดตาแน่น พยายามระงับความโกรธในใจ
แต่เมื่อเขานึกได้ว่าตระกูลกู้ได้รับสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายยา เขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้
“กูจะฆ่าแกไอ้สารเลว!”
เหอหยวนหงยืนขึ้นอย่างกะทันหัน หยิบเก้าอี้หวายของตัวเองขึ้นมา แล้วฟาดไปที่เหอจื้ออย่างแรง
ในขณะที่ฟาดเขาก็ตะคอกด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว เพราะแก นำหายนะมากมายมาสู่ตระกูลเหอ แกรู้ไหม?”
“เดิมทีตระกูลเหอก็ได้รุกรานผู้อาวุโสสี่แล้ว และตอนนี้แกก็ให้ตระกูลฉ่ายตระกูลหวังตระกูลตู้สามตระกูลนี้ไปลงมือทำร้ายตระกูลกู้ บังเอิญผู้อาวุโสสี่มาเจอเข้า”
แม้ว่าผู้อาวุโสสี่จะไม่ถือสาตระกูลเหอของเรา แต่แกปล่อยให้สามตระกูลมหาเศรษฐีไปจัดการกับตระกูลกู้ เดิมทีตระกูลกู้เป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสอง และตอนนี้ก็ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนของตระกูลในการจำหน่ายยา ในไม่ช้าตระกูลกู้จะกลายเป็นตระกูลมหาเศรษฐีต้นๆในจงโจว
ในเวลานั้น ตระกูลกู้จะยอมปล่อยตระกูลเหอของเราหรือ?”
เหอจื้อถูกทุบตีจนกลิ้งไปมากับพื้น และในขณะที่หลบเขาก็ขอร้อง “คุณพ่อ หยุดทุบตีได้แล้ว ถ้าทุบตีอีกผมก็ตายแน่! ตอนนี้พวกเราต้องรีบหาวิธีแก้ไขเพื่อกู้คืน! ถ้าผู้อาวุโสสี่มาหาถึงที่ ตระกูลเหออาจถูกทำลายล้างจริงๆ!”
ในเวลานี้ เหอหยวนหงก็ระบายอารมณ์มากพอแล้ว เก้าอี้หวายถูกเขาฟาดจนพังเสียหาย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งบนโซฟาข้างๆ และจิบชา
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เหอหยวนหงก็จ้องเขม็งไปที่เหอจื้อและพูดว่า “แกให้สามตระกูลมหาเศรษฐีไปจัดการกับตระกูลกู้ ได้ทิ้งหลักฐานไว้หรือเปล่า?”
เหอจื้อรีบส่ายหัว “คุณพ่อ แม้ว่าผมจะบอกพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่สถานที่ของการสนทนาก็อยู่ในอาณาเขตของพวกเราเอง และจะไม่ทิ้งหลักฐานใดๆไว้แน่นอน?”
เหอหยวนหงขมวดคิ้วและถามอย่างเคร่งขรึม “แกแน่ใจหรือ?”
เหอจื้อรีบพยักหน้า “แน่ใจมาก!”
เหอหยวนหงทุบตีอย่างโหดเหี้ยม หน้าผากของเหอจื้อถูกทุบตีจนเป็นแผล และมีเลือดไหลซึมออกมา
“ในเมื่อไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ แม้ว่าผู้อาวุโสสี่จะมาหาถึงที่ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้ ยังไงเขาก็เป็นผู้อาวุโสสี่ของจิ่วโจว ในสถานกาณ์ที่ไม่มีหลักฐานใดๆคงไม่สามารถทำเรื่องที่ไม่ดีต่อตระกูลเหอได้มั้ง?”
เหอหยวนหงพูดอย่างเฉยเมย “เหอจื้อ แกฟังให้ดีๆ ถ้าผู้อาวุโสสี่ไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขามา หรือหากทีมนักบูโดมาตรวจสอบ ต่อให้แกต้องตาย ก็ห้ามยอมรับว่าแกเป็นคนสั่งสามตระกูลมหาเศรษฐีไปจัดการกับตระกูลกู้ล่ะ”
“ถ้าแกยอมรับ ตระกูลเหอทั้งหมดจะถูกแกทำลาย แกเข้าใจไหม?”
เหอจื้อพยักหน้าและรีบพูด “คุณพ่อ ไม่ต้องกังวล ถ้ามีคนมาตรวจสอบจริงๆ ผมจะไม่ยอมรับเด็ดขาด ทั้งหมดเป็นเพราะตระกูลฉ่ายตระกูลหวังตระกูลตู้สามตระกูลมหาเศรษฐีวางแผนประสงค์ร้ายต่อตระกูลกู้ ดังนั้นจึงลงมือทำร้าย ผมไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน”
เหอหยวนหงพยักหน้า ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกไม่สบายใจมาก มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างถูกละเลย แต่ก็จำไม่ได้
เหอหยวนหงถอนหายใจ และพูดว่า “หวังว่าตระกูลเหอจะผ่านอุปสรรค์นี้ไปได้!”
ดูเหมือนกำลังคุยกับเหอจื้อ และดูเหมือนว่ากำลังพูดกับตัวเอง
ในเวลานี้ ตระกูลเหอ ซึ่งเป็นบ้านรอง
“ลุงรอง ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”
เซี่ยเหอกำลังอยู่ในห้องคนเดียว จู่ๆเหอสงก็เคาะประตูและเดินเข้ามา
ใบหน้าของเหอสงเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่มองเซี่ยเหอเต็มไปด้วยความซับซ้อน
จู่ๆเหอสงก็ถามขึ้นว่า “เซี่ยเหอถ้าวันหนึ่ง ตระกูลเหอต้องเผชิญกับหายนะ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถช่วยตระกูลเหอได้ เธอจะเต็มใจช่วยหรือไม่?”
เซี่ยเหอเงียบไปครู่หนึ่ง
แม้ว่าเธอจะเป็นสมาชิกของตระกูลเหอ แต่เมื่อแม่ของเธอไม่ต้องการเป็นภาระของเธอ เธอจึงเลือกที่จะเอาหัวไปโขกหินเพื่อฆ่าตัวตาย เธอก็ไม่มีความรู้สึกผูกพันใดๆต่อตระกูลเหออีกต่อไป
เหตุผลที่ตระกูลเหอพาเธอกลับมาที่ตระกูลเหอ ก็เพียงเพื่อให้เธอแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์ และใช้โอกาสนี้เพื่อช่วยให้ตระกูลเหอได้รับความช่วยเหลือที่ดี
เมื่อมองไปที่เซี่ยเหอที่นิ่งเงียบ เหอสงก็ถอนหายใจและพูดว่า “เซี่ยเหอก็ถือซะว่าลุงรองไม่ได้ถามคำถามนี้”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังและจากไป แต่เมื่อเขาไปถึงประตู เขาก็หยุดกะทันหัน หันกลับมามองเซี่ยเหอที่ยังคงเงียบอยู่ และพูดว่า “เซี่ยเหอ ถ้าต้องการไปจากที่นี่ ก็ไปได้เลยนะ!”
คราวนี้ เขาไม่อยู่ต่อ หันหลังและออกจากห้องไป
จนถึงประตูห้องปิดลง เซี่ยเหอก็หันกลับมา ดวงตาแดงก่ำจ้องมองที่ประตูด้วยอาการใจลอย
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าตระกูลเหอต้องพบกับวิกฤตครั้งใหญ่ และมีโอกาสสูงที่อาจถูกทำลายล้าง
ในขณะนี้ กลุ่มนักบูโดที่สวมชุดโลกบู๊โบราณล่าง มาที่บ้านตระกูลเหอ
เหอหยวนหงรีบนำคนในเผ่าของเขาออกไปต้อนรับทันที
“คุณคือเหอหยวนหงผู้นำตระกูลเหอเหรอ?”
คนที่เป็นผู้นำเป็นนักบูโดมีอายุประมาณห้าสิบปี สวมชุดจีนโบราณฝีมือประณีต มีดาบยาวคาดเอว
แม้ว่าเหอหยวนยงจะไม่รู้ตัวตนของคนเหล่านี้ แต่เขาสัมผัสได้ว่า คนเหล่านี้ต้องมีฐานะตำแหน่งที่สูง ต้องมาจากตระกูลมหาเศรษฐีในโลกบู๊โบราณล่าง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขารีบพูดว่า “ผมคือเหอหยวนหง แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน มาจากโลกบู๊โบราณล่างที่มีอำนาจสูงสุดหรือไม่?”
เหอหงยวนสามารถสัมผัสได้ถึงถึงลมปราณของผู้แข็งแกร่งแดนนภา
และไม่ใช่แค่คนเดียว คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา
กลุ่มคนผู้แข็งแกร่งแดนนภาทั้งสิบสองคน เป็นเรื่องยิ่งใหญ่จริงๆ!
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำจ้องมองเหอหยวนหงอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ผมชื่อเจียงเจี้ยน!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เหอหยวนหงก็ดีใจทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ตั้งแต่ม่านพลังถูกทำลาย บุคคลสำคัญของกองกำลังต่างๆในโลกบู๊โบราณล่าง ก็ถูกเผยแพร่ในโลกมนุษย์แล้ว
และชื่อเจียงเจี้ยน เหอหยวนหงยอมรู้จักดี
ตระกูลเจียง ซึ่งเป็นตระกูลชั้นนำในโลกบู๊โบราณล่าง
สำหรับเจียงเจี้ยนเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลเจียง ซึ่งเคยเป็นที่สองในอันดับจอมคน เมื่อสิบปีก่อน ในอันดับจอมคน เขาเป็นรองเพียงฉีเทียนเหอเท่านั้น
ตอนนี้ อายุสี่สิบแปดปี แดนบูโดได้มาถึงระดับแดนนภาขั้นสามชั้นกลาง และแม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งในระดับแดนนภาขั้นสามชั้นปลาย เจียงเจี้ยนก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้
อาจกล่าวได้ว่า ทั่วทั้งโลกบู๊โบราณล่าง เจียงเจี้ยนนั้นเป็นบูโดอัจฉริยะชั้นเลิศ
ดูจากสถานการณ์เช่นนี้ ใช้เวลาไม่นาน คาดว่าเจียงเจี้ยนก็จะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ในโลกบู๊โบราณล่าง
ในขณะนี้ เจียงเจี้ยนมาที่บ้านตระกูลเหอ
จู่ๆเจียงเจี้ยนก็พูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเหอยอมจำนนต่อตระกูลเจียง คุณเต็มใจไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหอหยวนหงแข็งไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงว่า เจียงเจี้ยนมาที่บ้านตระกูลครั้งแรก ประโยคแรกก็คือคำนี้
หลังจากงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เหอหยวนหงก็ถามว่า หากตระกูลเหอยอมจำนนต่อตระกูลเจียง ตระกูลเหอจะได้อะไร?”