บทที่ 2177 ยังไม่ได้จากไป

The king of War

The king of War บทที่ 2177 ยังไม่ได้จากไป

จงโจว ตระกูลเหอ บ้านหลังที่สอง ห้องนอนเซี่ยเหอ

“บูม!”

ประตูห้องถูกถีบออกอย่างกะทันหัน และเหอสงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความโกรธ

“คุณลุงรอง!”

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่ดุร้ายของเหอสง เซี่ยเหอรู้สึกประหลาดใจ โดยคิดว่าเธอทำให้เหอสงขุ่นเคืองใจตรงไหน

เหอสงพูดด้วยความโกรธ “เหอจื้อไอ้สารเลวนั่น บอกพ่อของเขาว่า เขาต้องการให้เธอไปปรนนิบัติเจียงเจี้ยนของตระกูลบู๊โบราณเจียง”

“อะไรนะ?”

สีหน้าของเผวี่ยเหอปลี่ยนไปอย่างมาก กัดริมฝีปากสีแดงของเธอไว้แน่น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง

การตายของแม่เธอ ก็ทำให้เธอเกลียดตระกูลเจียงอยู่แล้ว ไม่คาดคิดว่าตระกูลเหอยังคงพยายามใช้เธอเพื่อแลกกับผลประโยชน์

เซี่ยเหอดวงตาแดงก่ำมองไปที่เหอสงและพูดว่า “คุณลุงรอง แม้ฉันต้องตาย ก็ไม่ยอมไปปรนนิบัติรับใช้คนของตระกูลบู๊โบราณ”

สีหน้าเหอสงก็เต็มไปด้วยความโกรธเช่นกัน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาของเขาก็ฉายแววหนักแน่น เขามองไปที่เซี่ยเหอและพูดว่า “ฉันจะให้คนส่งเธอไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ จากนี้ไป ห้ามกลับมาที่บ้านตระกูลเหออีก”

เซี่ยเหอรู้สึกประหลาด คิดไม่ถึงมาก่อน เหอสงจะให้คนส่งเธอไปจากที่นี่

ในช่วงเวลานี้ เธอถูกกักบริเวณที่บ้านตระกูลเหอมาตลอด แม้ว่าครั้งก่อนเหอสงจะเคยบอกเธอว่าให้เธอไปจากที่นี่ได้ แต่เธอก็รู้ว่า ถ้าเธอไปจากที่นี่ จะทำให้เหอสงได้รับความเดือดร้อนมากมาย

ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้ เหอหยวนหงได้ตัดสินใจส่งตัวเองไปปรนนิบัติทายาทของตระกูลบู๊โบราณเจียง หากในเวลานี้คนของเหอสงได้ส่งตัวเธอไปจากที่นี่ เหอสงก็หลีกหนีความผิดไม่ได้

เซี่ยเหอถามว่า “ถ้าฉันไปแล้ว จุดจบของคุณลุงรองจะต้องแย่มากใช่ไหม?”

เหอสงขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันเป็นนายคนที่สองของตระกูลเหอ ต่อให้ปล่อยเธอไป ใครจะกล้าแตะต้องฉัน? แม้ว่าปู่ของเธอจะโกรธ ก็จะไม่ทำอะไรฉันหรอก”

“แต่เธอสิ ถ้าไม่ไปจากที่นี่ เกรงว่าจะต้องตายที่นี่”

เขารู้ดีว่า หากเซี่ยเหอถูกส่งตัวไปปรนนิบัติเจียงเจี้ยนจริงๆ หากแม้ต้องตายเซี่ยเหอก็จะไม่ยอมจำนนต่อเจียงเจี้ยนแน่นอน

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหอยังคงลังเลอยู่ เหอสงก็กังวลทันที และพูดอย่างโกรธๆ “เธอยังคิดอะไรอยู่? ถ้ายังไม่รีบไป ก็จะออกไปไม่ได้จริงๆ!”

ในที่สุดเซี่ยเหอก็ตัดสินใจได้ ดวงตาแดงก่ำมองไปที่เหอสงและพูดว่า “คุณลุงรอง พระคุณของท่าน ฉันจะจดจำไปตลอดชีวิต!”

เหอสงพยักหน้า “คนขับรถของฉันอยู่ที่ประตูแล้ว เธอรีบไปขึ้นรถ!”

เซี่ยเหอก็มองไปที่เหอสงด้วยแววตาลึกซึ้งอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังและจากไป

ทันทีที่เธอขึ้นรถ เหอสงก็พูดขึ้นทันที “หากวันหนึ่ง ตระกูลเหอกำลังจะล่มสลาย ฉันหวังว่า เธอจะสามารถช่วยตระกูลเหอได้ ตระกูลเหอไม่จำเป็นจะต้องฟื้นสภาพความรุ่งโรจน์เหมือนเดิม ขอเพียงในจงโจวยังมีตระกูลเหอ ก็เพียงพอแล้ว”

ครั้งที่แล้วเขาก็เคยถามเซี่ยเหอ ถ้าวันหนึ่ง ตระกูลเหอกำลังจะล่มสลาย เซี่ยเหอจะช่วยตระกูลเหอได้ไหม ในตอนนั้นเซี่ยเหอไม่ได้ตอบคำถามของเขา

วันนี้ เขาขอให้เซี่ยเหอช่วยเหลือตระกูลเหออีกครั้ง

ภาพของแม่เธอที่ฆ่าตัวตายด้วยการโขกหัวกับก้อนหินก็ปรากฏขึ้นในสมอง และความเกลียดชังต่อตระกูลเหอก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเธอนึกถึงเหอสง มีเพียงลุงคนนี้คนเดียวในตระกูลเหอที่ใจดีกับเธอ จนเธอทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร ฉันแค่พูดเล่นๆ ถ้าเธอไม่เต็มใจ ก็……”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหอไม่ได้พูดอะไร เหอสงก็ยิ้มอย่างขมขื่น และในขณะที่เขากำลังจะพูดว่าช่างมันเถอะ ก็ได้ยินเซี่ยเหอพูดว่า “คุณลุงรอง ฉันรับปากค่ะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความเศร้าโศกของเหอสงก็หายไปทันที และก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นลุงรองก็ขอขอบใจล่วงหน้านะ!”

เมื่อเห็นรถค่อยๆออกไป เหอสงก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ไม่ว่ายังไง เธอก็เป็นทายาทคนเดียวของน้องสาม สิ่งที่ฉันทำได้ ก็มีแค่นี้แหละ หวังว่าเธอจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันในวันนี้”

ดวงตาของเหอสงแดงก่ำ มองไปรอบๆ ส่ายหัว ได้แต่ถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง

เขาทราบดีว่าสมาคมผู้อาวุโสต่อต้านตระกูลบู๊โบราณ และยังรู้ถึงการต่อสู้ลับๆระหว่างสมาคมผู้อาวุโสและตระกูลบู๊โบราณ

ตระกูลบู๊โบราณต้องการเข้าสู่โลกมนุษย์ และเป็นผู้นำในการควบคุมโลกใหม่

แต่สมาคมผู้อาวุโส ได้ขัดขวางมาตลอด และพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของผู้คนในโลกมนุษย์

เมื่อตระกูลบู๊โบราณได้เป็นผู้นำของโลกใหม่ คนธรรมดาในโลกมนุษย์เหล่านั้นที่ไม่มีพลังบู๊ จุดจบจะน่าสมเพชมาก

อาจกล่าวได้ว่า ระหว่างตระกูลบู๊โบราณกับสมาคมผู้อาวุโส เหอหยวนหงได้เลือกตระกูลบู๊โบราณแล้ว

หากตระกูลบู๊โบราณชนะ จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตระกูลเหอได้อย่างมาก แต่ว่า พวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของตระกูลบู๊โบราณเจียงเท่านั้น

ทั้งชีวิต ตระกูลเหอเป็นได้แค่ตระกูลหุ่นเชิดเท่านั้น

หากสมาคมผู้อาวุโสชนะ ตระกูลเหอจะกลายเป็นเป้าหมายของการถูกใช้เป็นตัวเชือดไก่ให้ลิงดู

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เหอสงรู้สึกว่าความชั่วร้ายไม่สามารถเอาชนะความดีได้ สุดท้ายชัยชนะ จะเป็นของสภาคมผู้อาวุโสเท่านั้น และในใจของเขา ก็มีความมั่นใจต่อสมาคมผู้อาวุโสมากกว่า

ในขณะนี้ มีคนกลุ่มวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางดุร้าย

“ช่างใจกล้านัก!”

เหอสงตะโกนด้วยความโกรธและพูดด้วยความไม่พอใจ “พวกแกยังมีกฏอยู่ไหม? มาที่บ้านรอง แม้แต่การแจ้งให้ทราบก่อนก็ไม่ทำแล้วหรือ?”

ผู้นำเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านรองโปรดสงบสติอารมณ์ พวกเราได้รับคำสั่งจากผู้นำเพื่อมาเชิญคุณเซี่ยเหอไปกับพวกเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน จึงลืมมาแจ้ง ได้โปรดท่านรอง อย่าตำหนิเลย”

มาได้เร็วมาก

เหอสงรู้สึกกังวลเล็กน้อย คฤหาสน์ตระกูลเหอนั้นใหญ่มาก และรถที่ส่งเซี่ยเหอเพิ่งออกไปได้สักพักหนึ่ง เมื่อข่าวการจากไปของเซี่ยเหอถูกเปิดเผย รถอาจจะยังไม่ได้ออกจากคฤหาสน์ตระกูลเหอ ก็อาจถูกสะกัดกั้นไว้

“เพี๊ยะ!”

เหอสงตบหน้าอีกฝ่ายและพูดด้วยความโกรธ “กฎก็คือกฎ! กล้าบุกรุกบ้านรองโดยพละการ ตามกฎของบ้านรอง นั่นคือความผิดร้ายแรง!”

อีกฝ่ายถูกตบเข้าที่ใบหน้า และรอยตบที่ชัดเจนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที

“ท่านรอง ผมบอกแล้วว่า ผมได้รับคำสั่งจากผู้นำ ท่านลงโทษผมในที่สาธารณะ ยังเห็นผู้นำอยู่ในสายตาท่านไหม?”

อีกฝ่ายถามอย่างเฉยเมย

มีนักบูโดหลายคนตามหลังเขา ทุกคนจ้องเขม็งไปที่เหอสง โดยไม่เห็นเหอสงอยู่ในสายตาเลย

เหอสงขมวดคิ้ว และตะคอกอย่างเย็นชา “เฝิงหู่ นี่แกยังต้องการลงมือทำร้ายฉันหรือ?”

เฝิงหู่พูดอย่างเย็นชา “ไม่กล้า!”

เหอสงพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อไม่กล้า ก็ไสหัวออกไปซะ สำหรับเซี่ยเหอฉันจะพาเธอไปหาพ่อเอง”

โดยไม่คาดคิดว่า เฝิงหู่จะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว โดยจ้องมองที่เหอสง และพูดว่า “ท่านรองผู้นำสั่งให้ผมพาคุณเซี่ยเหอไปด้วยตัวเอง ได้โปรดท่านรองอย่าทำให้ลำบากใจ”

“ฮึ่ม!”

เหอสงพูดอย่างเย็นชา “ฉันก็อยากดู ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ใครจะกล้าโอหังในบ้านรอง?”

เฝิงหู่โบกมือ และสั่ง “ไปขวางท่านรองไว้!”

ตามคำสั่งของเขา นักบูโดหลายคนล้อมเหอสงทันที

ทันใดนั้นเหอสงก็โกรธมาก “ช่างใจกล้านัก! เฝิงหู่ แกรู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?”

เฝิงหู่ไม่แม้แต่จะมองเหอสง แต่รีบตรงไปที่ห้องของเซี่ยเหอ

เพียงแต่ว่า หลังจากรีบวิ่งเข้าไปในห้องแล้ว ก็พบว่าไม่มีใครอยู่

“คนอยู่ที่ไหน?”

ชั่วขณะเฝิงหู่ก็เป็นกังวลทันที มองไปที่เหอสงและถาม

เหอสงมองไปที่เฝิงหู่อย่างเย็นชา โดยไม่ตอบ

จนกระทั่งวินาทีนี้เอง เฝิงหู่เพิ่งตระหนักถึงบางสิ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก และพูดด้วยความโกรธ “เหอสง คุณกล้าปล่อยเซี่ยเหอไปเหรอ!”

ในเวลานี้ เขาไม่ได้เรียกท่านรองด้วยซ้ำ เรียกเขาด้วยชื่อจริงเท่านั้น

โดยไม่ต้องคิดมาก เฝิงหู่รีบกดโทรศัพท์หาเหอจื้อทันที และพูดว่า “นายท่าน เหอสงได้ปล่อยเซี่ยเหอไปจากที่นี่แล้ว!”