“ไม่อาจไม่พูดถึง ความกล้าของหลิงเสวียนจื่อนี่คนทั่วไปไม่อาจเทียบได้ เหมือนอย่างที่นายน้อยคาดเดาไว้จริงๆ เขาตามมาแล้ว”
ชายชราคนหนึ่งยิ้ม
“เป็นถึงมกุฎมหาจักรพรรดิ หากหลิงเสวียนจื่อไม่มีความกล้าเช่นนี้ นั่นต่างหากที่เรียกว่าผิดปกติ”
ฟางเสวียนเจินกล่าวราบเรียบ ในฐานะมกุฎมหาจักรพรรดิ เขารู้ดียิ่งว่าขอแค่เป็นคนที่ก้าวสู่มรรคานี้ได้ก็ย่อมไม่ใช่อัจฉริยะในความหมายทั่วไป หากแต่เป็นสัตว์ประหลาดในหมู่อัจฉริยะ
สภาวะจิต เจตจำนง พลังของแต่ละคนล้วนสามารถโอหังเหนือคนรุ่นเดียวกันได้ ทรงพลังไร้เทียมทาน
ด้วยเหตุนี้ยามมาถึงสมรภูมิมายาโบราณ หลังจากใช้ยันต์หยกที่หลินสวินมอบให้ รับรู้ทิศทางที่หลินสวินอยู่แล้ว ฟางเสวียนเจินจึงตัดสินใจเด็ดขาด
วางกระบวนค่ายกล!
เฝ้ารอเหยื่อ!
แม้ว่าฟางเสวียนเจินจะอวดดี แต่รู้ชัดว่าต่อให้เขากับคนข้างกายทั้งหมดรวมพลังลงมือพร้อมกัน คิดจะกำราบมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นหกอย่างหลินสวินก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนบางส่วน
ฟางเสวียนเจินไม่อยากเห็นผลลัพธ์เช่นนี้
ในแดนใหญ่พันศึกที่อันตรายเกินคาดเดาเหมือนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนี้ เมื่อรักษาพลังของตนได้จึงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานขึ้น
ฟางเสวียนเจินไม่อยากเสียค่าตอบแทนโดยไม่จำเป็นให้กับคู่ต่อสู้อย่างหลินสวิน
การวางกระบวนค่ายกลและเฝ้ารอโจมตีอีกฝ่ายถึงชีวิต เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้กระบวนค่ายกลที่ปกคลุมฟ้าดินแถบนี้มีนามว่า ‘เก้านรกกักเทพ’ วางกระบวนค่ายกลด้วยธงกระบวนเก้าสิบเก้าผืน พลังผนึกที่ปกคลุมมีมากถึงหลายพันชั้น
หากบรรพจารย์จักรพรรดิติดอยู่ภายในก็ไม่อาจหลุดรอดได้อย่างรวดเร็ว!
แน่นอนว่าฟางเสวียนเจินไม่ใช่ปฐมาจารย์สลักลายมรรค กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพนี้สร้างขึ้นจากยันต์ลายมรรค
กระบวนค่ายกลนี้ยังเป็นหนึ่งในไพ่ตายก้นหีบของฟางเสวียนเจินด้วย
“นายน้อย เขาติดกับแล้ว” มีคนกล่าวอย่างตื่นเต้น
ฟางเสวียนเจินเงยมองไป ก็เห็นเงาร่างของหลินสวินเข้ามาในฟ้าดินที่ปกคลุมด้วยกระบวนค่ายกลแล้ว
ส่วนระดับจักรพรรดิที่เผยร่องรอย เจตนาดึงดูดความสนใจของหลินสวินก่อนหน้านี้ เวลานี้ก็กลับมาแล้ว กล่าวด้วยสีหน้าลำพองใจ “เจ้าหมอนี่คงคิดว่าข้าถูกเขาทำให้ตกใจแล้วหนีมากระมัง ฮ่าๆ”
“ทำได้ไม่เลว”
ฟางเสวียนเจินส่งสายตาชื่นชม
ผู้เผยร่องรอยล่อหลินสวินมา แน่นอนว่าเป็นคนที่ฟางเสวียนเจินเตรียมไว้
ความจริงแม้แต่ฟางเสวียนเจินก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะกล้าตามมาเพียงลำพัง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนไม่สำคัญแล้ว
“ได้เวลาเก็บแหแล้ว ทะยาน!”
ดวงตาฟางเสวียนเจินวาวโรจน์ สูดหายใจลึกแล้วโคจรคันฉ่องทองแดงสีดำในมือทันที
ตูม!
ฟ้าดินพลันพลิกตลบเปลี่ยนไปในทันที กระบวนค่ายกลลายมรรคนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา สานพันเป็นพลังผนึกแน่นหนาบดบังฟ้าดินแถบนี้
เงาร่างหลินสวินที่อยู่ในนั้นถูกผนึกเป็นชั้นๆ ปกคลุมทันที
“สำเร็จแล้ว!”
หว่างคิ้วฟางเสวียนเจินเผยประกายยินดี
ในสายตาของเขา ทั่วร่างหลินสวินถูกผนึกลายมรรคนับไม่ถ้วนปกคลุม เหมือนนักโทษที่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา!
“ไป ตามข้าไปพบมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราคนนี้กัน!”
ฟางเสวียนเจินก้าวออกไปก่อน ถือคันฉ่องทองแดงสีดำเข้าไปในกระบวนค่ายกล ระดับจักรพรรดิคนอื่นตามหลังเขาไปติดๆ
กระบวนค่ายกลม้วนซัด ละอองแสงนับไม่ถ้วนไหลวน พลังผนึกเต็มแน่นฟ้าดินดุจกระแสน้ำ
ไม่นานฟางเสวียนเจินก็เห็นหลินสวิน เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“หลิงเสวียนจื่อหนอหลิงเสวียนจื่อ ก่อนหน้านี้ข้าให้โอกาสเจ้าหลายครั้งแล้ว แต่เจ้ากลับโง่เขลาดึงดัน เพื่อหินลับกระบี่ที่แม้แต่ตัวเจ้ายังไม่รู้จักวิธีใช้ชิ้นเดียว กลับนำชีวิตมาเดิมพัน คุ้มค่าหรือ”
ระดับจักรพรรดิคนอื่นที่ตามมาล้วนหัวเราะ มองหลินสวินเป็นแพะรอเชือด แฝงความเย็นชาและดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
กลับเห็นว่าต่อให้หลินสวินถูกผนึกแน่นหนาพันธนาการกำราบ แต่กลับดูไม่ตื่นตระหนก กล่าวเรียบๆ “มิน่าถึงได้ทำลายยันต์หยกที่ข้าให้เจ้า ที่แท้ก็เตรียมการพร้อมสรรพนานแล้ว”
มุมปากของฟางเสวียนเจินเหยียดขึ้นพลางกล่าว “เจ้ากับข้าล้วนก้าวสู่มกุฎ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงรู้ดีว่าอยากจัดการคนอย่างเจ้า จำเป็นต้องเอาชนะอย่างเหนือความคาดหมายจึงจะไม่เสียกำลัง”
“แน่นอนว่าหากในใจเจ้ามีความยำเกรงอยู่บ้าง ก็เกรงว่าคงไม่ต้องประสบเคราะห์ตายเช่นนี้ ต้องโทษเจ้าที่เห็นว่าตนเหนือกว่าเกินไป หรือเรียกได้ว่าโง่งม ถึงอย่างไรก็มาจากสถานที่ซอมซ่ออย่างทางเดินโบราณฟ้าดารา มีหรือจะเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน”
เขากล่าวอย่างสงวนท่าที เผยความรู้สึกเหยียดหยันและเหน็บแนม
เขาพูดพลางสะบัดมือ
“ไป เด็ดหัวของเขามา ข้าจะเก็บรักษาไว้อย่างดี ถึงอย่างไรการสังหารมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง… ก็ไม่ง่ายดายนัก…”
ระดับจักรพรรดิพวกนั้นพุ่งตัวมาทันที ล้วนเจือไอสังหารที่ไม่อำพรางแม้แต่น้อย ออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ
ตูม!
แสงมรรคพวยพุ่ง แสงสมบัติปรากฏ
วิชามรรคและศาสตราจักรพรรดินานัปการราวกับสายน้ำในธารสวรรค์ทลายเขื่อน กดอัดห้วงอากาศพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินสวินคนเดียว
ระดับจักรพรรดิพวกนี้ คนที่พลังปราณสูงคือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ คนที่พลังปราณต่ำก็มีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นห้า
กอปรกับมาจากสำนักใหญ่อย่างเรือนกระบี่ต้าเหิง ไม่ว่าจะเป็นวิชามรรคที่ครอบครองหรือศาสตราจักรพรรดิที่ใช้ล้วนเรียกได้ว่าชั้นยอด
ยามนี้เมื่อลงมือพร้อมกัน พลังนั้นย่อมทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิสิ้นหวังได้จริงๆ
พลันเห็นหลินสวินยิ้มน้อยๆ “โง่งม? ตอนนี้ข้าจะบอกเจ้าให้ ใครกันแน่ที่โง่งม”
เขาพุ่งตัวออกไป
ตูม!
อานุภาพน่าหวาดกลัวที่ไม่อาจบรรยายได้ปะทุจากตัวเขา ราวกับภูเขาถล่มสมุทรคำราม พลังผนึกแน่นหนาที่กักขังเขาไว้ระเบิดออกเหมือนเมฆพังทลาย
ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง เงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิมอย่างแปลกประหลาด
ครู่ต่อมา…
ฉัวะๆๆ!
เสียงหนาหนักทุ้มลึกระลอกหนึ่งดังก้องขึ้น เห็นเพียงปราณกระบี่เจิดจรัสเหลือคณาวาดกวาด ระดับจักรพรรดิทั้งหมดที่พุ่งเข้ามานั้น บ้างถูกฟันเป็นสองท่อน บ้างถูกตัดหัว บ้างถูกแทงทะลุหน้าอก บ้างถูกปราณกระบี่ไร้ขอบเขตบดขยี้โดยตรง…
เลือดจักรพรรดิแดงก่ำข้นคลั่กสาดพรม เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น แค่พริบตาเท่านั้นภาพการสังหารนองเลือดก็เปิดฉาก
เร็วเกินไปแล้ว!
หลังจากหลินสวินหลุดออกมาก็ฆ่าคนทันที ราวกับเทพมารที่หลุดพ้นจากเก้านรก ไม่ทันไรก็มีระดับจักรพรรดิหกคนถูกกำจัดโดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนตายยังมีสีหน้าตกตะลึงเจือความรู้สึกยากจะเชื่อ
หากไม่ใช่ว่าบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งตอบสนองทัน ลงมือเต็มกำลังถึงได้สกัดการสังหารของหลินสวินไว้ได้ การบาดเจ็บล้มตายคงรุนแรงยิ่งกว่านี้
แต่ไม่นานบรรพจารย์จักรพรรดิคนนี้ก็ถูกอานุภาพของหลินสวินบีบกดจนเงยหน้าไม่ขึ้น!
ห่างออกไปเห็นชัดว่าฟางเสวียนเจินก็ถูกภาพนี้โจมตีจนรับมือไม่ทัน จากนั้นสีหน้าพลันอึมครึมลง ตวาดลั่น “รนหาที่ตาย!”
เขาพุ่งทะยานออกไป อาภรณ์โบกสะบัด ปลดปล่อยมรรควิถีแห่งมกุฎทั้งตัวออกมาราวกับเทพกระบี่องค์หนึ่ง มีอานุภาพของผู้กล้าแห่งยุคสมัย ใครเล่าจะทัดเทียม
ชิ้ง!
กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางศีรษะเขา ขาวกระจ่างเผยประกายเจิดจรัสดุจดวงตะวัน ฟาดฟันไปทางหลินสวิน
กระบี่นี้ดุดันหาใดเปรียบ กลิ่นอายแน่นหนา ปั่นป่วนหยินหยาง กระบี่ยังมาไม่ถึง แต่อานุภาพของเจตกระบี่ที่ปลดปล่อยออกมา สามารถทำให้เทพผีหวั่นหวาดได้จริงๆ
นี่ก็คือพลังของฟางเสวียนเจิน ในเขตแดนดารานภาที่อยู่อันดับห้า สมญาจักรพรรดิกระบี่เสวียนเจินนั้นของเขาถือว่าเกริกก้องสะท้านใต้หล้า!
ทว่ายามหลินสวินเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ ในใจไร้ซึ่งความหวั่นไหวสักนิด
เมื่อเขาขับเคลื่อนความคิด เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพลันปรากฏ แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์ทั่วฟ้า เคลื่อนมาขวางข้างหน้าต้านกระบี่นี้ไว้ ดูง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
นัยน์ตาฟางเสวียนเจินพลันหดรัด ปั่นป่วนในใจ มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่ง ถึงกับต้านกระบี่แฝงโทสะของตนได้!
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของฟางเสวียนเจิน
เกือบจะเวลาเดียวกัน กายมรรคทั้งห้าพลันพุ่งออกมาจากตัวหลินสวิน ลงมือถล่มระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ถูกเขากำราบมาตลอดพร้อมกัน
หลินสวินคนเดียวก็ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิคนนั้นรู้สึกเกินกำลังหาใดเปรียบแล้ว ตอนนี้ยังมีร่างแยกมหามรรคที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นแม้แต่น้อยห้าคนบุกโจมตีพร้อมกัน แค่ภาพนั้นก็ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดินั่นตกใจจนหนังหัวแทบระเบิด ขวัญหนีดีฝ่อ
แต่เขาก็หลีกหลบไม่ทันแล้ว ได้แต่ใช้พลังทั้งหมดฝืนปะทะ
ตูม!
เพียงพริบตาบรรพจารย์จักรพรรดิคนนี้ก็ถูกฆ่าอย่างหมดจด ต่อให้สู้สุดชีวิตก็ไม่รอด เงาร่างและพลังจิตล้วนถูกบดขยี้ดับสิ้นจนสลายหายไป
“เป็นไปได้อย่างไร…”
ฟางเสวียนเจินตาค้าง เกือบจะคลุ้มคลั่ง
ระดับจักรพรรดิขั้นหกฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง?
ต่อให้เป็นแค่บรรพจารย์จักรพรรดิขั้นเก้าคนหนึ่ง ไม่ใช่บรรพจารย์มรรคอย่างแท้จริง แต่พลังที่น่าหวาดกลัวนั้น มีหรือจะเป็นสิ่งที่ระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกสั่นคลอนได้
อย่างน้อยฟางเสวียนเจินลองถามตัวเองดูแล้ว แม้แต่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดอย่างเขาก็ทำถึงขั้นนี้ไม่ได้!
ทุกอย่างล้วนดูผิดปกติมาก น่ากลัวเกินไปแล้ว
ต่อให้ฟางเสวียนเจินมีปัญญาฉลาดเฉลียวเยือกเย็นแค่ไหน เวลานี้ก็ยังมีความร้อนรนและโทสะจู่โจมจิตใจอยู่บ้าง สติได้รับผลกระทบ
กระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพที่ตั้งใจวางไว้ กลับเปลี่ยนเป็นไร้ตัวตนกะทันหัน เดิมทีก็ทำให้ฟางเสวียนเจินยากจะเชื่อ
แต่พลังต่อสู้ชวนประหวั่นที่หลินสวินสำแดงออกมา แทบล้มล้างความเข้าใจของเขายิ่งกว่า มีหรือจะให้เขาใจเย็นได้อีก
เวลานี้กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินออกโจมตี กำลังสังหารระดับจักรพรรดิที่เหลือเหมือนเด็ดผักหั่นแตง
ส่วนร่างต้นของหลินสวินก็พุ่งไปทางฟางเสวียนเจิน
ฟางเสวียนเจินสมเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากเรือนกระบี่ต้าเหิง หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลง การตอบสนองแรกไม่ใช่สู้สุดชีวิต หากแต่เลือกถอยร่น
ฟุ่บ!
เขาหันหลังจะจากไป
เขารู้ว่าตนมีโอกาสสูงที่จะทำพลาดไปอย่างร้ายแรง ประเมินความสามารถของหลินสวินต่ำไป ยามเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุไม่คาดฝันซ้ำอีก เขาจำเป็นต้องเอาตัวรอดก่อน
แต่เวลานี้เองเมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ แสงมรรคนับไม่ถ้วนควบรวมเป็นกระบวนค่ายกลลายมรรค หายไปในกระบวนค่ายกลเก้านรกกักเทพนี้ทันที
จากนั้นกระบวนค่ายกลราวกับเดือดพล่าน ม้วนซัดปั่นป่วน เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึง
“แย่แล้ว!”
ฟางเสวียนเจินพลันหน้าเปลี่ยนสี สังเกตเห็นว่าคันฉ่องสมบัติสีดำในมือตนควบคุมกระบวนค่ายกลไม่ได้แล้ว ซ้ำกำลังมีพลังผนึกแน่นหนาปกคลุมมาทางตนด้วย
“เป็นไปได้อย่างไร?!”
ดวงตาเขาเบิกถลน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สติของเขาแทบเรรวน
ตูม!
หลินสวินพุ่งโจมตีมาแต่ไกล กระบี่มรรคเล่มหนึ่งโฉบออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง อบอวลด้วยแสงมรรคล้นฟ้า ฟาดฟันออกไป
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ฟางเสวียนเจินพลันพ่นลมออกมาจากปากครั้งหนึ่ง
ยันต์ทองอร่ามชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา โหมปล่อยพลังราวกับระเบียบ ต้านทานกระบี่ของหลินสวินที่ฟาดฟันมาท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
หลินสวินอดแปลกใจไม่ได้ ตระหนักได้ว่ายันต์สีทองนี้เป็นสมบัติที่ผิดธรรมดาชิ้นหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายระเบียบสายแล้วสายเล่า
วู้ม!
ก็เห็นยันต์สีทองนั้นกลายเป็นแสงทองสายหนึ่งห่อหุ้มร่างของฟางเสวียนเจินไว้ กำลังจะหนีออกจากกระบวนค่ายกลนี้ไปโดยไม่กลัวพลังผนึกเป็นชั้นๆ นั้นอย่างสิ้นเชิง
นัยน์ตาหลินสวินมีประกายเย็นเยียบวูบผ่าน เผยไพ่ตายออกมาโดยไม่ลังเล
ครั้งนี้เขายอมให้ฟางเสวียนเจินจากไปทั้งเป็นไม่ได้เด็ดขาด!
…………………