เทียบกับทัพใหญ่ทหารนรก ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นมีเพียงแค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้น เหมือนคลื่นลูกหนึ่งในมหาสมุทร ไม่สะดุดตาเลยสักนิด
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีคนถอย กลับล้วนสู้สุดกำลัง พุ่งไปข้างหน้า
หลินสวินสังเกตเห็นว่าระดับจักรพรรดิเหล่านี้แม้จำนวนจะน้อย กลับมีมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งและบรรพจารย์ขั้นเก้าสามคนเป็นเสาหลัก
ในนั้นบรรพจารย์ขั้นเก้าสองคนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับแม่ทัพนรก
บรรพจารย์ขั้นเก้าอีกคนคุ้มกันอยู่ข้างกายมกุฎมหาจักรพรรดิ นำระดับจักรพรรดิทั้งหมดพุ่งโจมตีทัพใหญ่ทหารนรก
เห็นชัดว่าพวกเขาไม่คิดสู้ถึงขั้นตัดสินเป็นตายกับทหารนรกที่น่าสะพรึงทัพนี้ ต้องการเพียงแหวกฝ่าวงล้อมโจมตีอันหนาแน่น มุ่งหน้าไปยังส่วนที่ลึกกว่าของทางน้ำพุเหลือง
เพียงแต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ระดับจักรพรรดิกลุ่มนี้ยากจะแหวกออกจากการปิดล้อมแน่นหนานี้ในชั่วเวลาอันสั้น
เหตุผลง่ายมาก จำนวนของทหารนรกเยอะเกินไป และเหี้ยมหาญไม่กลัวตาย โจมตีมาอย่างไม่ขาดสาย ระดับจักรพรรดิเหล่านี้จึงต้องดิ้นรนอย่างยากลำบาก
และในการต่อสู้กับแม่ทัพนรก บรรพจารย์ขั้นเก้าสองคนแม้สู้เต็มกำลังแต่ทำได้เพียงสกัดกั้นเท่านั้น ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
หลินสวินสังเกตเห็นว่าบุคคลขอบเขตมกุฎที่เป็นแกนหลักที่สุดคือชายชุดขาวคนหนึ่ง ผมสีม่วงทั้งหัวทิ้งตัว ในฝ่ามือถือบรรทัดหยกสีทองอร่าม อานุภาพการโจมตีเผด็จการทรงพลังอย่างมาก ห้าวหาญยิ่งยวด
ชายชุดขาวมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นหก ทั่วตัวเปล่งแสงอร่าม รูปลักษณ์ก็หล่อเหลาอย่างมาก ยามกะพริบตาปรากฏลวดลายมัจฉาหยินหยางที่เร้นลับ ลึกลับไม่อาจคาดเดา น่าหวาดหวั่นถึงขีดสุด
แม้ตกอยู่ในการปิดล้อมหนาแน่น เยื้องย่างยากลำบาก แต่สีหน้าของชายชุดขาวไร้ซึ่งความเคร่งเครียด กลับเผยความเหลืออดอยู่รางๆ
ราวกับเบื่อหน่ายการต่อสู้ที่ถูกปิดล้อมเช่นนี้แล้ว
นี่ทำให้หลินสวินชี้ชัดได้ว่าบนตัวชายชุดขาวคงมีไพ่ตายที่แข็งแกร่ง สามารถจัดการสถานการณ์ยากลำบากตรงหน้าได้
ที่ยังไม่ใช้เสียที คงเพราะไม่อยากจะสิ้นเปลืองกับคู่ต่อสู้ระดับนี้
ตามคาด เหมือนต้องการพิสูจน์การคาดเดาของหลินสวิน ไม่นานในมือชายชุดขาวพลันมีม้วนไผ่สีเขียวที่แผ่กลิ่นอายไพศาลม้วนหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างไร้สุ้มเสียง
แต่บนใบหน้าของเขากลับเผยความลังเล เห็นได้ชัดว่ามูลค่าของม้วนไผ่สีเขียวนี้ทำให้เขาทำใจใช้ไม่ลงอยู่บ้าง
เห็นเช่นนี้หลินสวินไม่ลังเลสักนิด พุ่งตรงไปข้างหน้าพลางกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งห่อหุ้มด้วยแสงมรรคสะดุดตา ถล่มโจมตีลงมายังทหารนรกแน่นขนัดภายใต้เสียงกึกก้องสะเทือนหู
ปังๆๆ…
ก็เห็นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งร่วงลงมา เหมือนภูเขาเทพลูกหนึ่งตกลงจากฟ้า กระแทกทหารนรกเจ็ดแปดคนรวมถึงม้าศึกที่พวกเขาขี่อยู่จนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
พวกชายชุดขาวล้วนตกใจกับภาพนี้ ต่างหันหน้ามองมา
ตอนที่สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหลินสวิน พวกเขาอดอึ้งไม่ได้ นี่มันสถานการณ์อะไรกัน การต่อสู้ที่ดุเดือดขนาดนี้ กลับยังมีคนกล้าเข้ามาช่วยเหลือ
ถูกคนช่วย แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ
เพียงแต่เมื่อเห็นว่าหลินสวินมาคนเดียว อีกทั้งยังแปลกหน้าไม่คุ้นเคยกันสักนิด กลับเสี่ยงเข้าร่วมการต่อสู้ชุลมุนครั้งนี้ นี่เหนือความคาดหมายของพวกชายชุดขาวโดยสมบูรณ์
ต่างอึ้งงันไปบ้าง
ในแดนใหญ่พันศึก มีผู้กล้าที่ห้าวหาญ มีน้ำใจเข้าช่วยเหลือผู้อื่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“นายน้อย เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่มองฐานะของท่านออกแล้ว จึงจงใจประจบประแจงท่านกระมัง” มีคนพึมพำ
ชายชุดขาวอึ้งไป เอ่ยว่า “นี่เป็นการเสี่ยงชีวิตช่วยพวกเรา คนขี้ประจบแบบใดกล้าไม่กลัวตาย สละชีวิตช่วยเหลือกันเช่นนี้”
ทุกคนมองหน้ากัน นี่ก็จริงอยู่
และระหว่างที่พวกเขาสนทนากัน ห่างออกไปไกลมีเสียงอึงอลราวกับฟ้าสะเทือนดังขึ้นอีกระลอก
ก็เห็นว่า…
เมื่อหลินสวินโจมตี เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกดกำราบอย่างต่อเนื่อง ทุกที่ที่ผ่านทหารนรกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าล้วนถูกบดขยี้แหลกละเอียด ร่างระเบิดออกกลายเป็นหมอกสีดำ
ภาพทำลายล้างนี้ พวกชายชุดขาวเห็นแล้วต่างตาค้าง
“คนผู้นี้ถึงกับเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง! มิน่าถึงว่ากล้าเสียสละตน…” มีคนอุทานตกใจ
“ฆ่าทหารนรกอย่างง่ายดาย เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
“ดุดันเกินไปจริงๆ คนผู้นี้เป็นใคร เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”
…สายตาของชายชุดขาวเองก็วูบไหวระลอกหนึ่ง ในใจสั่นสะท้าน
พลังของทหารนรกไม่เพียงพอแก่การพูดถึง แต่ทหารนรกนับร้อยพันรวมตัวบุกพร้อมกันกลับเรียกได้ว่าน่ากลัว
ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่มีทางถูกขังอยู่ที่นี่
ดังนั้นเมื่อเห็นอานุภาพโจมตีที่ราวกับผ่าลำไผ่นั้นของหลินสวิน ชายชุดขาวเองก็อดหวั่นไหวไม่ได้ คนระดับนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
คนเช่นนี้ มีหรือจะเป็นฝ่ายมาประจบประแจงตนก่อน
“รีบลงมือพร้อมกัน โจมตีเต็มกำลัง!”
ชายชุดขาวสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วออกคำสั่ง
ทุกคนตอบรับทันที
การปรากฏตัวของหลินสวินเหมือนเหล็กแหลมที่คมกริบ เสียบเข้าไปในทัพใหญ่ทหารนรก ปั่นป่วนสถานการณ์ทั้งสนามรบ
ถึงขั้นทำให้ทหารนรกมากมายล้วนโจมตีใส่หลินสวินราวกับกระแสน้ำ
เช่นนี้เท่ากับแบ่งเบาความกดดันของพวกชายชุดขาวไปมากอย่างอ้อมๆ และพวกเขาย่อมเข้าใจ ว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการฝ่าวงล้อมอย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับหลินสวิน ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้เรียกได้ว่าใหญ่มาก ในใจปิติยินดี สำแดงฝีมือทั้งหมดพุ่งสังหารอย่างต่อเนื่อง
ในสายตาคนอื่น ทหารนรกเหล่านั้นพัวพันและรับมือยาก แต่ในสายตาของหลินสวิน กลับเป็นเหยื่อที่เต็มไปด้วยความยั่วยวนอย่างไม่ต้องสงสัย รอแค่ตนไปล่าสังหาร
“ฆ่า!”
แม่ทัพนรกที่กำลังต่อสู้กับบรรพจารย์ขั้นเก้าทั้งสองอย่างดุเดือดห่างออกไป ตอนนี้ก็สังเกตเห็นความผิดปกติของสถานการณ์ และมองเห็นหลินสวินแล้ว
เขาส่งเสียงคำรามคลุมเครือ ทันใดนั้นทหารนรกในสนามรบแทบจะพุ่งไปทางหลินสวินทั้งหมด
พวกชายชุดขาวฉวยโอกาสนี้พุ่งออกจากการปิดล้อมแน่นขนัด แต่ละคนล้วนฮึกเหิม
เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าในสนามรบกว้างใหญ่มีหลินสวินกำลังต่อสู้อยู่ในนั้นคนเดียว ทหารนรกมากมายเหมือนไม่กลัวตาย โจมตีเข้าใส่เขา
“นายน้อยรีบไปเถอะ!” มีคนรีบเตือน ฝ่าวงล้อมหนาแน่นได้แล้ว ขืนยังไม่ไปอีกเป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
กลับเห็นชายชุดขาวแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ เอ่ยว่า “หากไม่มีความช่วยเหลือของสหายยุทธ์คนนั้น พวกเราจะมีโอกาสฝ่าวงล้อมได้อย่างไร ไม่ว่าเขาทำเพื่อช่วยพวกเราหรือไม่ ตอนนี้ข้าถานไถเฟิงไม่อาจมองดูเขาต่อสู้เพียงลำพังตาปริบๆ ได้!”
คำพูดดังก้องและทรงพลัง
ทุกคนล้วนคาดไม่ถึง
ไม่รอพวกเขาเกลี้ยกล่อม ชายชุดขาวก็ชี้ไปยังแม่ทัพนรกที่อยู่ห่างไป เอ่ยว่า “จับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน พวกเราเข้าไปพร้อมกัน ช่วยผู้อาวุโสทั้งสองฆ่าแม่ทัพนั่นซะ บางทีอาจจะสามารถสลายการต่อสู้ครั้งนี้ได้”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของเขาก็มีเสียงตะโกนดังมาจากไกลๆ “ทุกท่านรีบจากไปจะดีกว่า อย่าได้หาเรื่องอีก ข้าหลิงเสวียนจื่อย่อมมีวิธีฝ่าออกไป! เร็ว! ไม่ต้องลังเล รีบไป!”
เสียงเผยความเร่งเร้า
นี่แน่นอนว่าเป็นเสียงของหลินสวิน เขาไม่อยากให้ทหารนรกเหล่านั้นถูกชายชุดขาวชิงไปหรอกนะ…
ชายชุดขาวอดอึ้งไม่ได้ เจ้าหมอนี่… ถึงกับยังปฏิเสธ
คนอื่นๆ เหมือนยกภูเขาออกจากอก เกลี้ยกล่อมว่า “นายน้อย สหายยุทธ์คนนั้นก็บอกแล้ว โอกาสหายาก พวกเรารีบไปกันเถอะ บนทางน้ำพุเหลืองเต็มไปด้วยอันตราย พวกเราจำต้องรักษาพลังที่สมบูรณ์จึงจะรอดชีวิตไปถึงด่านจักรพรรดิอมตะนั่น”
“นี่…”
ชายชุดขาวลังเลแล้ว จากนั้นเขาเงยมองไปยังหลินสวินที่อยู่ในสนามรบ ถามเสียงกังวาน “สหายยุทธ์หลิงเสวียนจื่อ ขอถามสักคำว่าเหตุใดเจ้าต้องช่วยข้า”
หลินสวินต่อสู้ไปพลางเอ่ยพูดอย่างเปี่ยมคุณธรรมน่าเกรงขาม “ข้าไม่มีความสามารถอื่นใด แค่มีความสุขกับการช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้น!”
คนบางส่วนเกือบหลุดขำออกมา สีหน้าพิกล หากไม่ใช่เพราะหลินสวินช่วยพวกเขาไว้ พวกเขาคงถุยน้ำลายใส่แล้ว
ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอะไรกัน ทุกคนล้วนเป็นระดับจักรพรรดิที่มีชีวิตมาไม่รู้นานเท่าไหร่ เหตุผลที่ปัญญาอ่อนน่าขันเช่นนี้ คิดจะหลอกใครกัน!
สีหน้าของชายชุดขาวเองก็แปลกไป มุมปากกระตุกคราหนึ่ง
ครู่ใหญ่เขาถึงเอ่ยว่า “สหายยุทธ์ คือ…”
“รีบไป!” หลินสวินที่อยู่ห่างออกไปตัดบทอย่างไม่เกรงใจ
ชายชุดขาวท่าทางเหมือนร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกยิ่งนัก หรือเจ้าหมอนี่ไม่กลัวตายจริงๆ
“นายน้อย ในเมื่อคนผู้นี้กล้าหาญมีคุณธรรม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เช่นนั้นพวกเรายังจะลังเลอะไรอีก จากไปก็พอแล้ว!”
ฉับพลันนั้นบรรพจารย์ขั้นเก้าสองคนที่ต่อสู้กับแม่ทัพนรกที่อยู่ไกลๆ มาโดยตลอดก็พุ่งทะยานมาแล้ว พาชายชุดขาวจากไปโดยไม่ลังเล
ชายชุดขาวเพิ่งคิดจะปฏิเสธก็ถูกหิ้วตัวจากไปแล้ว
เขาอดหันกลับไปไม่ได้ ตะโกนว่า “สหายยุทธ์หลิงเสวียนจื่อ บุญคุณครั้งนี้ข้าถานไถเฟิงจะจำไว้ หากได้เจอกันอีกข้าจะเชิญเจ้าไปดื่ม…!”
เสียงยังคงก้องอยู่ แต่พวกเขาทั้งกลุ่มจากไปแล้ว
สายตาของหลินสวินก็วาบแววประหลาดเล็กน้อย ถานไถเฟิงคนนี้ถือว่ามีจิตสำนึกอยู่บ้าง…
ตูม!
ไอสังหารน่าสะพรึงระลอกหนึ่งแผ่พุ่ง แม่ทัพนรกนั่นได้โจมตีเข้ามาแล้ว
หลินสวินไม่กล้าคิดมาก ทิ้งความคิดฟุ้งซ่านแล้วควบคุมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที ต่อสู้เต็มพลัง ทว่าถึงกับมีท่าทีประหนึ่งว่า เหนือฟ้าใต้ดินนอกจากข้าใครเล่าจะไร้ศัตรู
หนึ่งร้อยคน
หนึ่งร้อยห้าสิบคน
สองร้อยคน
…พร้อมๆ กับการต่อสู้ที่ดำเนินไป ทหารนรกที่ถูกหลินสวินสังหารก็มากขึ้นเรื่อยๆ หมอกสีดำที่กลืนกินราวกับกระแสน้ำไม่ขาดสาย พุ่งเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอย่างต่อเนื่อง
ผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้ทำให้จิตต่อสู้ของหลินสวินยิ่งลุกโชน เขาไม่ได้เร่งรีบจะฆ่าแม่ทัพนรกนั่นให้ตาย ด้วยกังวลว่าหากอีกฝ่ายตาย พวกทหารนรกที่เสียการควบคุมจะแตกกระเจิง เช่นนี้จะไม่คุ้ม
สามร้อยคน
สี่ร้อยคน
ห้าร้อยคน…
มองจากไกลๆ หมอกดำอบอวล การต่อสู้สะเทือนฟ้า ทหารนรกกลุ่มแล้วกลุ่มเหล่าล้มลงภายใต้การโจมตีของหลินสวิน ดูประหนึ่งกำลังเก็บเกี่ยวพืชผลอย่างไรอย่างนั้น
“แข็งแกร่งมาก!”
“วิปริตเกินไปแล้ว!”
“เขามีโอกาสฝ่าวงล้อมเป็นชั้นๆ ออกมาชัดๆ กลับไม่ทำเช่นนี้ หรือคิดจะกวาดล้างทัพใหญ่ทหารนรกนี้ทั้งหมด”
“เหตุใดบนโลกนี้จึงมีคนร้ายกาจเช่นนี้”
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ติดตามอยู่ด้านหลังหลินสวินมาตลอดทาง ตอนนี้ก็เห็นทุกภาพเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในสนามรบเช่นกัน พลันอึ้งจนพูดไม่ออก จิตใจสั่นไหว
“เมื่อครู่นี้ไม่ใช่บอกว่าหากสหายยุทธ์คนนั้นเจออันตรายที่ยากจะรับมือ พวกเราก็จะเข้าไปช่วยหรือ ตอนนี้จะไปหรือไม่”
มีคนอดถามไม่ได้
“ไม่ต้อง!”
ไม่รอทุกคนตอบ เสียงตะโกนของหลินสวินก็ดังมาจากไกลๆ “หากพวกเจ้าอยากตามต่อไป ก็ไม่ต้องสอดมือเข้ามา”
ประโยคเดียวทำเอาผู้ฝึกปราณเหล่านั้นเกือบอึ้งตาค้าง แม้แต่จะช่วยยังถูกปฏิเสธ! บนโลกนี้มีคนเช่นนี้ได้อย่างไร
……………..