บทที่ 2097

ชีวิตที่ยากลำบากแบบนี้ เย่ฉางหมิ่นไม่อยากอยู่ต่อไปสักวันเดียว

ถ้าหากจะรอจนถึงเทศกาลเช็งเม้งถึงจะสามารถกลับไป ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต่างกับการคร่าชีวิตของเธอไป

เย่โจงฉวนอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบโยนว่า: “เอาล่ะฉางหมิ่น แกก็ระงับอารมณ์หน่อยรออยู่ดีๆอีกไม่กี่วัน ถึงเวลานั้นถ้าเฉินเอ๋อไม่ยอมปล่อย
แก ฉันก็จะโทรหาเขา”

ในใจของเย่ฉางหมิ่นก็ย่อมน้อยใจเป็นหนึ่งหมื่นครั้ง และก็ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้อีก

เธอแอบคิดในใจว่า: “ตอนนี้หนูถึงได้เข้าใจแล้วว่า ในสายตาของพ่อ เย่เฉินถึงเป็นคนที่สำคัญที่สุดของตระกูลเย่ในตอนนี้”

“เนื่องจากว่า เกิดเขาแต่งงานกับกู้ชิวอี๋ลูกสาวของกู้เย้นจงจริงๆ งั้นเขาก็เป็นหนึ่งในทายาทของทรัพย์สมบัติล้านล้านของตระกูลกู้ สิ่งนี้
จะนำพาความช่วยเหลือมาสู่ตระกูลเยใหญ่เป็นอย่างมาก”

“ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หนูก็แค่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ความสำคัญในสายตาของพ่อ จะเทียบกับเย่เฉินได้อย่างไร?”

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าหนูทำได้เพียงอดกลั้นความโกรธแค้นในใจกล้ำกลืนลงไปเท่านั้น”

ดังนั้น เธอทำได้เพียงพูดอย่างโกรธแค้นว่า: “ได้ค่ะพ่อ หนูรู้แล้ว…งั้นหนูก็จะอดทนรออีกไม่กี่วัน ถ้าภายในสามถึงห้าวัน เย่เฉินยังไม่บอก
ว่าจะปล่อยหนู งั้นพ่อก็ต้องโทรไปคุยกับเขานะ…”

จากนั้น เธอรู้สึกเศร้าเสียใจ แล้วก็สะอื้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

เย่โจงฉวนพูดปลอบโยนว่า: “เอาล่ะ แกวางใจเถอะ สามวัน หลังจากสามวันเฉินเอ๋อยังไม่ปล่อยแก พ่อจะโทรหาเขาเอง!”

เย่ฉางหมิ่นพยักหน้า และพูดด้วยความสะอึกสะอื้นว่า: “งั้นหนูวางสายก่อนแล้ว….

“โอเค วางสายเถอะ”

เมื่อสิ้นสุดการสนทนาทางวิดีโอคอล น้ำตาในดวงตาของ เย่ฉางหมิ่นก็อดกลั้นไม่ไหว และไหลลงมาเป็นสาย

ในขณะนี้นี่เอง ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาอย่างกะทันหัน

เย่ฉางหมิ่นก็กระดดขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก วิ่งไปสองสามก้าวถึงหน้าประตูแล้วดึงประตูเปิดออกในทันที

ยังไม่ทันได้มองคนนอกประตูให้ชัดเจน เธอก็ด่าทออย่างเหลือทนว่า: “ไอ้สารเลวพวกนี้ เตรียมจะปล่อยฉันออกไปเมื่อไหร่กันแน่?”

เย่เฉินมองไปที่เย่ฉางหมิ่นที่ผิวหมองคล้ำและถุงใต้ตาบวม ขมวดคิ้ว และพูดว่า: “คุณอา อากาศที่เมืองจินหลิงเปียกชื้นหนาวเย็นขนาดนี้
คุณพักอยู่ที่นี่เก้าวัน ความโกรธแค้นนี้ก็ยังไม่สงบลงเลยเหรอ?”

เมื่อเย่ฉางหมิ่นเห็นเย่เฉิน ก็ถามด้วยความโกรธเคืองในทันทีว่า: “เย่เฉิน! แกบอกว่าเจ็ดวันก็จะให้ฉันออกไป แต่ฉันมองแวบเดียวก็ถูกคน
ของแกขังอยู่ที่นี่เก้าวันแล้ว ทำไมยังไม่ปล่อยฉันไป?!”

จากนั้น เธอก็เห็นหงห้าที่ยืนอยู่ข้างกายของเย่เฉิน ตวาดพูดด้วยความโกรธว่า: “ไอ้สารเลวนี่ กักขังฉันไว้เป็นเวลาสองโดยไม่ได้รับ
อนุญาต สมควรตายชัดๆ!”

เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ให้คุณอยู่ต่อสองวันเป็นเจตนารมณ์ของผม”

“เจตนารมณ์ของแกงั้นเหรอ?!”

เย่ฉางหมิ่นถามอย่างโกรธเคืองว่า: “ทั้งๆที่แกบอกว่าเจ็ดวัน ทำไมกลายเป็นเก้าวัน? ทำไม?”

เย่เฉินแสยะยิ้ม และพูดอย่างราบเรียบว่า: “คุณเป็นอาของผมใช่มั้ย? ไม่ง่ายเลยที่จะมาครั้งหนึ่ง ผ่านไปแค่เจ็ดวันก็จะไปได้อย่างไร? ไม่
ว่ายังไงก็ต้องให้คุณอยู่ต่อสักสองวัน คุณว่าใช่มั้ย?”

เย่ฉางหมิ่นกำลังจะบันดาลโทสะด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยลอยชายของเย่เฉินแล้ว และตวาดด้วยความโกรธว่า: “เย่เฉิน! แกอย่าใช้ความไม่
จริงใจมุขนี้กับฉัน! ฉันยังไม่รู้จักอีกเหรอ? ฉันจะบอกแกให้นะ ทางที่ดีแกอย่ามีความคิดแผลงๆกับฉัน รีบปล่อยฉันกลับไป!”

เย่เฉินส่ายหน้าเขาๆ และถอนหายใจพูดว่า: “ดูเหมือนว่าเวลาก้าวัน จะระงับความโกรธแค้นของคุณไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เย่นจิงอากาศแห้ง
แล้ง กลับไปคงจะหนักกว่าอย่างแน่นอน ในความคิดของผม คุณควรอยู่เมืองจินหลิงต่อไปอีกหลายวัน ระงับความโกรธแค้นนี้ ให้หายสิ้นทั้งหมด
ค่อยไปนะ!”

จากนั้น เขาก็พูดกับหงห้าที่อยู่ข้างกายในทันทีว่า: “หงห้า!”