บทที่ 2102

เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ก่อนหน้านี้เขาอยู่คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติไม่ใช่เหรอ? เท่าที่ผมรู้มา สำหรับประเทศ
ใดประเทศหนึ่ง คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้นคนในคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่ง
ชาติ ระดับก็ต้องสูงกว่ากองทัพอย่างแน่นอน คุณให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานหรือว่าหัวหน้าเมื่อก่อนนี้ ให้คณะกรรมการความ
ปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติออกหน้าไปจับตัวคนในกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดิน เชื่อว่ากองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินไม่ความกล้าที่
จะเข้ามาก้าวก่ายอย่างแน่นอน”

หลังจากที่ชะงักไปชั่วครู่ เย่เฉินก็พูดว่า: “รอหลังจากที่คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติจับกุมคนแล้ว ต่อจากนั้นก็
สามารถที่จะส่งมอบตัวไปให้กรมตำรวจนครบาลโตเกียวดำเนินการไต่สวน ถึงเวลานั้นไม่ว่าจะจับได้กี่คน ทั้งหมดก็ต้องถูกแยกจากกันไต่สวน
คนเดียว และจะสามารถเจอเบาะแสสำคัญอย่างแน่นอน!”

อิโตะ นานาโกะอดไม่ได้ที่จะอุทานว่า: “เย่เฉินซัง วิธีการของคุณยอดเยี่ยมมากจริงๆ! ฉันจะบอกเขาเดี๋ยวนี้! ขอบคุณคุณแทนคุณอาคน
นี้ของฉันก่อนแล้วนะ!”

เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม: “เอาล่ะ คุณรีบไปบอกเขาเถอะ ผมก็จะรอดูการแสดงที่ยอดเยี่ยมของการพลิกสถานการณ์ในครั้งนี้!”

เย่เฉินเพียงแค่เปิดเผยเรื่องที่ตระกูลซูสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินเปลี่ยนตัวซูรั่วหลีไปให้กับอิโตะ นานาโกะเท่านั้น
แต่ไม่ได้บอกเธอว่า เรื่องทั้งหมดเป็นตระกูลซูร่วมเล่นละครด้วยกันกับกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินปล่อยตัวคนแค่เบื้องหน้า อันที่จริงแล้ว
การเปลี่ยนมือซ้ายไปมือขวาเป็นเรื่องหลังฉาก

สาเหตุหลักเป็นเพราะว่า เมื่อคำเหล่นี้ออกจากในปากของเขา ไม่มีความหมายมากเกินไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งให้เบาะแสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรบกวนสมาธิของคู่ต่อสู้ได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น เขาจึงพูดแค่เรื่องการแอบตกลงกันของตระกูลซูกับกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดิน ที่เหลือ ให้คุณอาคนนั้นของอิโตะ นานา
โกะ ก็ตามเบาะแสที่ตัวเองให้ ไปตรวจสอบลึกลงไป ให้เขาขุดเบื้องหลังนี้ออกมา แบบนั้นถึงจะยิ่งทวีความรุนแรงก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
ได้มากขึ้น

ในตอนนี้

เย่นจิง คฤหาสน์ตระกูลซู

ซูรั่วหลีรวมทั้งลูกเรือที่ตามมาด้วย ไม่มีข่าวคราวใดมานานขนาดนี้ ทำให้ซูเฉิงเฟิงคุณท่านใหญ่ซูกังวลใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ซูโสว่เต้าก็กังวลเรื่องนี้จนเศร้าโศกไม่เป็นอันกินเหมือนกัน

เพียงแต่ว่า ซูโสว่เต้าไม่ได้รู้เรื่องหลังฉากของเหตุการณ์ทั้งหมด

เขายังคิดว่า ตระกูลซุประสบกับเรื่องคาดไม่คิดขณะที่ช่วยชีวิตซูรั่วหลี

ดั่งนั้น เขาก็ถามซูเฉิงเฟิงด้วยความกระนกระวายใจเล็กน้อยว่า: “พ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คนของพวกเราพารั่วหลีกลับมาใน
ประเทศทางน้ำแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆก็ไม่มีข่าวคราวะไรเลย เหลือเพียงเรือลำเดียวที่ถูกกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นสกัดยึดไว้
รั่วหลีไปไหนกันแน่?”

ซูเฉิงเฟิงพูดอย่างหดหู่ว่า: “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? เรื่องราวทั้งหมดฉันก็รู้เท่าที่แกรู้ แกถามฉัน ฉันจะตอบแกยังไง?”

ซูโสว่เต้าเห็นน้ำเสียงของพ่อหงุดหงิดเล็กน้อย จึงรีบกล่าวขอโทษ: “พ่อครับ พ่อใจเย็นๆ ผมก็ไม่ได้จงเจาะพ่อ…เพียงแต่ว่าเรื่องนี้แปลก
มากเกินไปจริงๆ ใจของผมก็เป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา หาตัวรั่วหลีไม่เจอ ก็วางใจไม่ลง!”

ซูเฉิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “เรื่องนี้ฉันส่งคนไปตรวจสอบที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เกิดมีข่าวคราวอะไร ฉันจะบอกแกโดยเร็วที่สุด”

ซูโสว่เต้าก็ถอนหายใจด้วยความเป็นทุกข์ และเอ่ยปากพูดว่า: “พ่อ ตอนนั้นพ่อติดต่อกับใครในกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นเห
รอ? ไม่งั้นพ่อให้ข้อมูลติดต่อกับผมดีกว่า ผมจะโทรไปถามเขา ดูว่ามีเบาะแสอะไรที่พวกเรามองข้ามไปหรือเปล่า”

เมื่อซูเฉิงเฟิงได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็ยิ่งโกรธจัด และแอบพูดในใจว่า: “ฉันให้ข้อมูลติดต่อกับแกงั้นเหรอ? หลายชายกองกำลังป้องกัน
ตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นคนนั้นตอนนี้คิดว่าฉันหลอกเขา กำลังไล่ตามฉันเพื่อขอคำอธิบาย แกโทรหาเขาตอนนี้ งั้นแผนการทั้งหมดของกูก็จะเป็น
ที่ประจักษ์แก่ทั่วโลกไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาพูดด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจว่า: “ฉันบอกแล้ว ฉันส่งคนไปตรวจสอบแล้ว มีข่าวคราวก็บอกแก แกมีอะไรจะคัดค้านกับ
การจัดเตรียมการของฉันงั้นเหรอ?”