บทที่ 2106

โทโมฮิซะ ซูซูกิพูดด้วยความโกรธว่า: “คุณช่วยฉันบอกพวกเขาด้วยว่า ตอนนี้เรื่องราวนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ถ้าหากมีความคืบหน้า
สาระสำคัญอะไรก็ตาม ฉันจะประกาศผ่านการแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนระดับประเทศจนถึงระดับโลกอย่างแน่นอน”

ผู้ช่วยพยักหน้า: “ได้ครับคุณซูซูกิ งั้นผมออกไปตอบพวกเขาก่อน!”

โทโมฮิซะ ซูซุกิเรียกเขาไว้ และสั่งการว่า: “อ่อใช่แล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามนักข่าวสื่อมวลชนอะไรก็ตาม เข้ามากรมตำรวจนครบาล
โตเกียวโดยไม่ได้รับเชิญหรือว่าอนุญาต!”

“ได้ครับ ผมรู้แล้วครับ!”

หลังจากที่ผู้ช่วยออกไป โทโมฮิซะ ซูซูกิที่จิตใจฟุ้งซ่านก็นวดขมับของตัวเอง และพึมพำกับตัวเองว่า: “เฮ้อ…ตราบใดที่เผชิญหน้ากับ
อันตราย ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรที่ดี! คดีนี้มีผลกระทบมากขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ประชาชนทั้งประเทศให้ความสนใจกันหมด แม้แต่สื่อมวลชนต่าง
ประเทศก็ให้ความสนใจ ถ้าไม่จัดการให้ดีชื่อเสียงก็อาจพังทลายได้ แมร่งยุ่งยากมากจริงๆ!”

ขณะที่กำลังคิดอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หนังศีรษะของเขาก็ชาอย่างกะทันหัน เส้นเลือดก็ปูดโปนตามอย่างฉับพลัน

สิ่งที่เขากล้วมากที่สุดในตอนนี้คือการรับโทรศัพท์ ไม่เพียงแต่สื่อมวลชนต่างๆที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสืบหาโทรศัพท์ของเขาให้ได้
และต้องการสัมภาษณ์เขาทางโทรศัพท์

มีหัวหน้าหน่วยงานภาครัฐบาลมากมาย ต่างก็ถามถึงความคืบหน้าของการสอบสวนคดีทั้งหมดอย่างไม่หยุดหย่อน
ทำให้เขารำคาญมาก

เมื่อเขามองดูหน้าจอโทรศัพท์ ถึงได้พบว่าคนที่โทรมาเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของตัวเอง อิโตะ นานาโกะ

เดิมที่ตระกูลซูซูกิกับตระกูลอิโตะก็คบกันหลายชั่วคน

เขาและนางาฮิโกะ อิโตะเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ยังเด็ก ยิ่งไปกว่านั้นก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย แม้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกัน แต่ก็พอๆ
กันกับพี่น้องแท้ๆ

ดังนั้น อิโตะ นานาโกะอยู่ในสายตาของเขา ก็เหมือนกับลูกสาวคนหนึ่งของตัวเอง

เมื่อเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของอิโตะ นานาโกะ อารณ์หงุดหงิดของเขาก็บรรเทาลงเป็นอย่างมาก รับสายโทรศัพท์ ยังเผยรอยยิ้มออกมา
เล็กน้อย และถามว่า: “นานาโกะ คิดยังไงถึงโทรหาอาได้?”

อิโตะ นานาโกะรีบพูดว่า: “คุณอาซูซูกิ ได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณอาเพิ่งถูกย้ายไปที่กรมตำรวจนครบาลโตเกี้ยวรับผิดชอบสืบสวนคดีการ
หายตัวไปของซูรั่วหลีใช่มั้ยค่ะ?”

“ใช่”โทโมฮิซะ ชูซูกิเอ่ยปากถามว่า: “นานาโกะเธอก็ได้ยินด้วยเหรอ?”

“ใช่แล้วค่ะ…”อิโตะ นานาโกะพูดว่า: “คุณอาซูซูกิ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณอาพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์บ้างหรือเปล่า?”

โทโมฮิซะ ซูซูกิถอนหายใจ: “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย ซูรั่วหลีคนนี้ ก็เหมือนราวกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจริงๆ”

อิโตะ นานโกะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยปากพูดว่า: “คุณอาซูซูกิ หนูมีเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง เมื่อกี้นี้เพิ่งโทรศัพท์หาหนู เปิดเผยเบาะแสให้
หนูเล็กน้อย ดังนั้นหนูเลยรีบโทรหาคุณอา หวังว่าจะช่วยเหลือคุณอาได้”

เมื่อโทโมฮิซะ ซูซูกิได้ยินคำพูดนี้ ก็ถามด้วยความตื่นเต้นในทันทีว่า: “นานาโกะ สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงหรือเปล่า? เพื่อนคนนั้นของเธอ
เป็นใครกันแน่? เขาให้เบาะแสอะไรกับเธอ?”

อิโตะ นานาโกะพูดอย่างจริงจังว่า: “คุณอาซูซูกิ เกี่ยวกับตัวตนของเพื่อนนี้คนนี้ของหนูขอโทษด้วย หนูไม่สามารถบอกลุงได้”

จากนั้น อิโตะ นานโกะก็พูดว่า: “สำหรับเบาะแสที่เขาให้กับหนู …เขาบอกหนูว่า เหตุผลที่ซูรั่วหลีถูกแอบสับเปลี่ยนกันอย่างเงียบๆ ปัญหา
ไม่ได้อยู่ที่กรมตำรวจนครบาลโตเกียว แต่อยู่ที่ตระกูลชรวมทั้งกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่น”

“กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่นงั้นเหรอ?” โทโมซะ ซูซูกิถามด้วยความประหลาดใจว่า: “กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินมี
ส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้วค่ะ”อิโตะ นานาโกะพูดว่า: “เพื่อนคนนั้นของหนูบอกว่า เป็นตระกูลซูที่ร่วมมือกันกับกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดิน แอบส้บ
เปลี่ยนซูรั่วหลี ต่อจากนั้นตั้งใจโยนความผิดให้กรมตำรวจนครบาลโตเกียว”

โทโมฮิซะ ซูซูกิรีบไล่ถามว่า: “อะไรนะ?!”โทโมฮิซะ ซูซูกิตกตะลึงจนตาค้าง และอ้าปากพูดว่า: “านาโระ…สิ่ง…สิ่งที่เธอพูด…เป็นความ
จริงเหรอ?!”

อิโตะ นานาโกะพูดอย่างจริงจังว่า: “นี่เป็นสิ่งที่เพื่อนของหนูบอกหนู หนูเชื่อคำพูดของเขา เขาบอกว่าถ้าหากคุณอยากจะได้เบาะแสนี้ ก็
ให้ใช้เส้นสายของคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติที่ลุงอยู่ จับเอาเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินทางทะเล
ประเทศญี่ปุ่นที่ออกเรือลาดตระเวนท่าเรือโตเกียวเมื่อวานนี้มาแยกตัวกันตรวจสอบ น่าจะมีความคืบหน้าขึ้น!”