เห็นว่าหลินสวินถูกกักขัง คนมากมายสีหน้าผิดแปลกไป เร่งกระตุ้นศาสตราจักรพรรดทุกชนิดโจมตีไปทางหลินสวินทันที
นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งจริงๆ!
“รีบสังหารเขาซะ!”
มีคนคำรามเสียงกร้าว สายตาเกรี้ยวกราด แค้นหลินสวินถถึงขีดสุด
“ทุกท่าน พวกเราไม่มีทางถอยแล้ว ในแดนลับฝึกหลอมนี้ใครก็หนีไม่พ้น มีเพียงสังหารเขาทิ้ง ไม่อย่างนั้นต่อให้ตอนนี้หนีรอดไปได้ ภายหน้าขอแค่ถูกเขาพบก็ต้องตายอยู่ดี!”
ชายชุดดำคนหนึ่งสีหน้ามืดทะมึน อ้าปากพ่นยันต์อักขระพิสดารที่แดงฉานหลั่งเลือดออกมาไม่ขาดสาย
ฮูม…
ยันต์อักขระขยายใหญ่ขึ้นฉับพลัน กลายเป็นแผนภาพสีเลือดกว้างหมื่นจั้ง สะเทือนแผ่นดินใหญ่แหลกละเอียด จมเวิ้งฟ้า ปรากฏลักษณ์เหล่ามารป่วนโลกอันแปลกประหลาด
มันร่วงลงมาพร้อมกับร่มโบราณสำริด จองจำหลินสวินไว้ภายในนั้น หมายจะหลอมเขาให้กลายเป็นหนองเลือด ไอเลือดพร่ามัว ผีร้องเทพครวญ
“เร็วเข้า โอกาสหายาก ฆ่าเขาซะ ทุกคนถอยกลับไม่ได้แล้ว สังหารเดรัจฉานนี่เดี๋ยวนี้!”
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็พากันตะโกนออกมา จิตใจที่สะพรึงกลัวแต่เดิมล้วนเปลี่ยนเป็นดีใจแทบคลั่งในเวลานี้
หลินสวินขมวดคิ้ว ร่มโบราณสำริดนี้พิเศษยิ่ง นอกจากเป็นศาสตราจักรพรรดิที่น่ากลัวชิ้นหนึ่งแล้ว ยังบรรจุพลังเจตจำนงแปลกประหลาดไว้ด้วย สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นกลิ่นอายของบรรพจารย์มรรค
ส่วนยันต์อักขระพิสดารสีเลือดนั่นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ภายในบรรจุคำสาปผนึกแน่นขนัด มีเงามายาของวิญญาณบริสุทธิ์นับไม่ถ้วน คำรามเสียงกร้าวอยู่ภายในนั้น น่าสยดสยองถึงที่สุด
“ฆ่า ต้องฆ่าเขาให้ได้!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนลั่น ศาสตราจักรพรรดิมากมายทะยานออกมา ทะลวงกลางฟ้าดิน แสงศักดิ์สิทธิ์ล้นฟ้าไหลหลั่ง ไอเข่นฆ่าซัดเก้าฟ้า
นี่คือเคราะห์หนักครั้งหนึ่ง แสงประกายแตกระเบิด ล้วนพุ่งทะยานขึ้นมา ทำเอาฟ้าดินเหวอะหวะยับเยิน ป่นปี้ไม่เหลือสภาพ
“คราวนี้น่าจะตายแล้วกระมัง” ใครคนหนึ่งเอ่ยเสียงสั่น
“ไม่ถูก ขะ… เขา… ยังไม่ตาย!”
ครู่ต่อมาทุกคนในที่นั้นล้วนตกใจ
ไกลออกไปแสงมรรคล้นฟ้า ร่มโบราณสำริดคันนั้นถึงกับถูกหลินสวินแย่งมาถือในมือ ก่อนเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่อีกด้านหนึ่ง
การล้อมโจมตีที่น่าสะพรึงสุดขีดเมื่อครู่ กลับยังคงไม่สามารถแตะต้องตัวเขา ทำได้เพียงทำลายพื้นที่รอบๆ ให้ยับเยินเท่านั้น
“ไม่…!” ฉับพลันชายบัณฑิตคนนั้นก็ส่งเสียงร้องลั่นอย่างตกใจแกมเดือดดาลออกมา
ก็เห็นหลินสวินกำราบร่มโบราณสำริดเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลวกๆ ส่วนชายบัณฑิตที่ถูกตัดการเชื่อมโยงส่งเสียงร้องลั่นออกมาคราหนึ่งก่อนกระอักเลือด สีหน้าขาวซีดราวกระดาษ
ภาพนี้กระตุ้นคนบางส่วนให้ตกใจจนหนังหัวชาหนึบ
แย่งศาสตราจักรพรรดิโบราณด้วยมือเปล่า!
“ทุกคนอย่าแตกตื่น เขายังไม่ได้หลุดจากการกักขัง ยังอยู่ในกรงขังของ ‘ยันต์อักขระมหามารโลหิต’ ของข้า!”
ชายชุดดำคนนั้นตะโกนเสียงยาว “ทุกคนเร่งลงมือ ฆ่าเขาให้ดับสิ้นทั้งกายจิต”
ทุกคนหันมองไป ก็เห็นว่าจุดที่หลินสวินอยู่ ยันต์อักขระสีเลือดพลิกม้วน ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นสีเลือดน่าสะพรึงอย่างหนึ่งกดข่มรอบกายหลินสวิน
“ฆ่า!”
ทุกคนลงมืออีกครั้ง เร่งกระตุ้นสมบัติลับทุกชนิดโดยไม่คำนึงถึงอะไร แสงหลากสีสันไหลหลั่งกลบทั้งที่นั้นจนมิด
วู้ม!
ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวินปรากฏกระบี่มรรคเรียบง่ายเล่มหนึ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงพร่างพราวไหลเวียน ฟันไปทางยันต์อักขระสีเลือดนั่น
แสงกระบี่ดุจสายรุ้ง ส่งเสียงดังชิ้งๆ ยันต์อักขระสีเลือดนั่นแม้จะเป็นสมบัติลับที่แปลกพิสดารยิ่งยวดชิ้นหนึ่ง แต่กลับถูกฟันจนเกิดรอยแยกไม่หยุด
สุดท้ายภายใต้ลำแสงที่บาดตาแถบหนึ่ง ยันต์อักขระสีเลือดก็แตกระเบิดฉับพลัน กลายเป็นละอองแสงสีเลือดท่วมฟ้า หอบม้วนสิบทิศ
หลินสวินทอดถอนใจในใจ เดิมทีเขาตั้งใจจะกำราบสมบัติชิ้นนี้ น่าเสียดาย สถานการณ์เร่งด่วน ไม่อาจไม่ใช้พลังเข้าหักหาญทำลาย
“สมบัติของข้า!” ชายชุดดำตกใจตะโกนลั่น ราวกับถูกทำลายเลือดเนื้อหัวใจก็ไม่ปาน
และในยามนี้หลินสวินก็เริ่มโต้กลับแล้ว
เขาราวกับเทพมาเยือนโลกมนุษย์ บุกตะลุยอาละวาด ลงมือต่อเนื่อง ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโจมตี ซัดศาสตราหลายชิ้นพังทลายกลางฟ้าดิน ผ่าเขาตัดทะเล พลังวิชาไร้ขอบเขต
จนถึงตอนนี้สถานการณ์การต่อสู้กลับด้านแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องคิดอีก ระดับจักรพรรดิที่เหลือเหล่านั้นไม่กล้าหวังโชคอีกแม้แต่น้อย เผ่นหนีอีกครั้งด้วยสภาพตื่นกลัว
ก่อนหน้านี้ทั้งล้อมกรอบและซุ่มโจมตียังฆ่าไม่ตาย
ใช้สมบัติร่วมกันกำราบก็ยังฆ่าไม่ตาย
ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ ใครยังจะไม่รู้อีกว่าหลินสวินไม่ใช่คนที่พวกเขาจะตั้งตนเป็นศัตรูได้
“สหายยุทธ์ พวกเรามาคุยกันดีๆ ก่อนได้ พักมือก่อนชั่วครู่ ข้ายินดีจ่ายค่าชดเชยที่เจ้าพึงพอใจ ขอแค่แลกกับการไว้ชีวิตข้า”
มีคนถูกไล่ตามทันแล้ว ตกใจจนวิญญาณแทบกระเจิง ร้องอ้อนวอนอย่างขมขื่น
เสียงเพิ่งหยุดลงก็ถูกหนึ่งฝ่ามือของหลินสวินซัดกลายเป็นบ่อเลือด แตกระเบิดตายคาที่
หลินสวินไม่ได้หยุด ไล่ล่าสังหารต่อเนื่อง
ระดับจักรพรรดิที่เหลืออยู่มีแค่สิบกว่าคนเท่านั้น ถึงแม้จะหนีไปคนละทาง แต่ลักษณะและกลิ่นอายของพวกเขาถูกหลินสวินจับสัมผัสได้นานแล้ว
ตูม!
ธนูวิญญาณไร้แก่นสารง้างออก ท่ามกลางเสียงพายุอสนีสะเทือนเลื่อนลั่น ศรนภาครามแล่นผึงผ่านฟ้ากว้าง
ห่างไปหลายร้อยลี้ เงาร่างที่เผ่นหนีอุตลุดสายหนึ่งพลันระเบิดโครมคราม ถูกศรเดียวสังหาร ร่างตายมรรคสลาย
ฆ่าอีกหนึ่งคนแล้ว!
เงาร่างหลินสวินรวดเร็วสุดขีด พุ่งไปอีกทิศทาง
คนที่ถูกเขาไล่ล่าคราวนี้เป็นหญิงชุดกระโปรงฟ้าคนหนึ่ง นางคล้ายตระหนักถึงความไม่เข้าที ยามหนีตายก็กัดฟันแน่นคราหนึ่ง เรียกกระดิ่งสีชาดใบหนึ่งออกมา อ้าปากพ่นเลือดบริสุทธิ์ออกมาหลายสิบคำ ทันใดนั้นกระดิ่งสีชาดนั่นดุจดั่งกินอิ่มแล้ว ส่งเสียงกระดิ่งแปลกพิศวงระลอกหนึ่งออกมา
ส่วนหญิงชุดกระโปรงฟ้าคนนั้นก็เหมือนสูญเสียพลังชีวิตไปเกินกว่าครึ่ง เปลี่ยนเป็นอ่อนแอโรยแรงยิ่งยวด เห็นชัดว่าจ่ายค่าตอบแทนสาหัส นางบีบกระดิ่งสีชาดเป็นชิ้นๆ ทันควัน
ปึง!
ละอองแสงสีชาดงดงามสาดพรม ก่อนจะเลือนหายไปในห้วงอากาศ
และพร้อมกันนั้นหลินสวินขนตั้งชันทั่วร่าง ผิวหนังปวดแสบ คล้ายมีอาวุธคมกริบจ่อเข้าที่หัวใจ เกิดภัยคุกคามถึงชีวิต
นี่กะทันหันเกินไป!
หลินสวินใจสะท้าน ในชั่วอึดใจนี้เขาเอาเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งมาขวางไว้รอบตัวโดยไม่ลังเลสักนิด
เคร้ง!
เสียงปะทุสะเทือนหูดังก้องขึ้น ปลายเข็มสีชาดที่เล็กละเอียดเหมือนขนวัว แปลกประหลาดหาใดเปรียบสายหนึ่งถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งต้านไว้ได้หวุดหวิด จากนั้นก็ระเบิดเป็นจุณ พลังที่เกิดขึ้นล้นทะลัก ซัดจนเงาร่างหลินสวินยังซวนเซออกไป
และบริเวณไกลออกไป
พรูด!
หญิงชุดกระโปรงฟ้ากระอักเลือดคำโต สีหน้าฉายแววสิ้นหวัง
นี่เป็นไพ่ตายของนาง ใช้มรรควิถีครึ่งหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน
ไม่คาดคิดว่าจะยังถูกสกัดไว้ได้อีก!
“ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!” หญิงชุดกระโปรงฟ้าส่งเสียงกรีดร้อง ร่างคล้ายลุกโหม พุ่งเข้าใส่หลินสวิน
เห็นชัดว่านางตั้งใจจะลากหลินสวินให้พินาศไปด้วย
หลินสวินสีหน้าเฉยเมย พลังต่อสู้กร้าวแกร่งถึงขีดสุด ฟันฝ่ามือหนึ่งออกไป เงาร่างหญิงชุดกระโปรงฟ้ายังอยู่กลางทางก็ถูกซัดทำลายระเบิดออก
จากนั้นหลินสวินก็ไม่เคยหยุดมือ ยังคงไล่ล่าสังหารตามเดิม
“สหายยุทธ์ ไยต้องบีบกันเช่นนี้ด้วย!?”
ไม่ทันไรชายที่ผมเคราเป็นสีเทาคนหนึ่งก็ถูกไล่ตามทัน อดส่งเสียงตะโกนลั่นอย่างทุกข์ทนปนขุ่นเคืองไม่ได้
แต่หลินสวินไม่สนใจสักนิด ก้าวไปข้างหนึ่งก้าวหนึ่งแล้วถีบออกไป หัวของชายผมเทากระจุยกระจาย ถูกสังหารตาย ร ตรงนั้น
เพียงแต่ตอนที่หลินสวินคิดจะไปล่าศัตรูหกเจ็ดคนที่เหลืออยู่นั้น พวกเขาก็หายไปตามทิศทางต่างๆ แล้ว
อย่างไรหลินสวินก็มีเพียงคนเดียว ซ้ำยังไม่คิดจะเปิดเผยร่างแยกทั้งห้าที่นี่ด้วย ฉะนั้นจึงไม่สามารถตามไปฆ่าศัตรูในทิศทางต่างๆ ได้
หลินสวินหยุดเท้าลง สายตาเย็นเยียบ เขาไม่ได้ไม่ยินยอม ขอแค่อยู่ในแดนลับฝึกหลอมนี้ เขาก็มั่นใจว่าในช่วงเวลาหลังจากนี้ต้องสามารถฆ่าศัตรูพวกนี้ให้ตายทั้งหมดได้
เขาหมุนตัวย้อนกลับเส้นทางเดิม
และในขณะเดียวกัน คนที่เหลือพวกนั้นต่างตกใจเสียขวัญไปนานแล้ว แต่ไรมาไม่เคยสิ้นหวังเท่าวันนี้มาก่อน
เมื่อก่อนพวกเขาวางอำนาจในโลกแห่งหนึ่ง อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด เหยียดแคลนสรรพชีวิตทั่วหล้า แต่ตอนนี้กลับถูกคนไล่สังหารจนไร้หนทางประหนึ่งหมาจนตรอกไม่มีผิด
เมื่อเทียบกันแล้วทำเอาคนอดทอดถอนใจไม่ได้
ในสนามรบมีแต่ภาพทำลายล้างของฟ้าดินที่พังทลาย
หลินสวินย้อนกลับไป ตั้งใจจะเก็บทรัพย์หลังศึก แต่เพิ่งเตรียมจะลงมือ จู่ๆ ก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง อดแค่นเสียงเย็นไม่ได้
“ปล้นชิงตามไฟหรือ รนหาที่ตาย!”
เสียงเพิ่งดังขึ้น หลินสวินก็เหมือนเตาเทพอมตะใบหนึ่ง แผ่แสงมรรคล้นฟ้าออกมา ทั้งตัวกระโจนพุ่งออกไป น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเทพศักดิ์สิทธิ์
เขาสะบัดหมัดหนึ่งออกไป
ตูม!
ห่างออกไปไกลห้วงอากาศระเบิดออก เงาร่างสายหนึ่งถูกซัดอย่างจังจนถอยกรูดออกมา
นี่เป็นชายหนุ่มชุดหรูหราคนหนึ่ง ดวงตาวาบแววตื่นตระหนก กล่าวด้วยสีหน้ามืดทะมึน “หลิงเสวียนจื่อ ข้ากับเจ้าไร้แค้นไร้พยาบาท เหตุใดต้องลงมือด้วย”
“ทรัพย์หลังศึกของข้า ใช่สิ่งที่คนอย่างเจ้าจะแตะต้องได้หรือ” ขณะหลินสวินกล่าว เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็ทะยานออกไปนานแล้ว
ชั่วพริบตานั้นชายหนุ่มชุดหรูหราคนนั้นก็สลายกลายเป็นฟองเลือด
หลินสวินยกมือขึ้นกวักคราหนึ่ง เก็บถุงเก็บของของอีกฝ่ายมา
ทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น สายตาหลินสวินดุจสายฟ้า กวาดมองสี่ทิศแปดทาง ก่อนกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ชมการต่อสู้ในมุมมืดน่ะได้ แต่ถ้าใครกล้าผุดความคิดอุตริอะไรขึ้นมาอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
เสียงลอยไปทั่วทิศ
กล่าวจบเขาก็เริ่มเก็บกวาดสนามรบ
ก่อนหน้านี้ยามต่อสู้กัน หลินสวินก็ตระหนักได้แล้วว่าในมุมมืดมีกลิ่นอายน่าสะพรึงซุ่มซ่อนอยู่ไม่น้อย ต่างล้วนชมดูการต่อสู้
แต่ในเมื่อไม่ได้ยื่นมือเข้ามา หลินสวินก็คร้านจะใส่ใจ
ใครจะคิดว่าเมื่อครู่ตอนที่เขากำลังย้อนกลับมา ชายหนุ่มชุดหรูหราคนนั้นจะถึงกับฉวยโอกาสที่เขาไม่อยู่ ปล้นชิงทรัพย์หลังศึกไป นี่ทำให้หลินสวินไม่อาจข่มกลั้นได้
ในที่มืดผู้ฝึกปราณมากมายสีหน้าไม่น่าดู ถูกหลินสวินเตือนแบบไม่เกรงใจเช่นนี้ ทำให้พวกเขาค่อนข้างไม่สบอารมณ์นัก
แต่กลับไม่มีใครกล้าพรวดพราดออกมา
ความน่ากลัวในพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นนานแล้ว มีหรือจะยังกล้าไปท้าทายหลินสวินอีก
ชั่วขณะหนึ่งคนไม่น้อยล้วนหันหลังจากไปในมุมมืด
และหลังจากหลินสวินเก็บทรัพย์หลังศึกเสร็จไม่ทันไร จู่ๆ ไกลออกไปก็มีเสียงต่ำลึกแหบพร่าสายหนึ่งดังขึ้น
“หลิงเสวียนจื่อ เคราะห์ใหญ่มาเยือนเจ้าแล้ว อวยพรให้ตัวเองเถอะ!”
นัยน์ตาหลินสวินวาบไอสังหาร จิตรับรู้พุ่งไปยังทิศทางที่เสียงนั้นลอยมา แต่กลับพบว่าที่แห่งนั้นไม่มีใครนานแล้ว
‘อวยพรให้ตัวเอง? ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าในแดนลับฝึกหลอมนี้ สุดท้ายใครจะรอดชีวิตออกไปได้!’
ไอสังหารในใจหลินสวินเดือดปะทุ สิ่งที่ประสบก่อนหน้านี้ทำให้เขาตระหนักได้ถึงคลื่นใต้น้ำอันตรายที่จ้องเล่นงานตนอยู่ จึงไม่คิดจะสงบเสงี่ยมและยั้งมืออีกต่อไปแล้ว
สวบ!
ไม่นานหลินสวินก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศจากไป
ที่นี่เพิ่งเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น ไม่เหมาะจะรั้งอยู่นาน
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ส่วนลึกของเทือกเขารกร้างที่ทอดตัวเรียงรายแห่งหนึ่ง
หลินสวินวางกระบวนผนึกสายหนึ่งอย่างง่ายๆ ถึงค่อยปล่อยพลังจิตสายหนึ่งออกจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
นี่เป็นพลังจิตสายหนึ่งที่ถูกเขาจับมาจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เป็นชายชราระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่ง
นัยน์ตาหลินสวินลึกล้ำ กล่าวตรงๆ ว่า “เจ้าอยากให้ข้าค้นวิญญาณ หรือจะเป็นฝ่ายตอบคำถามสองสามข้อของข้าเอง”
ชายชราเหลือเพียงแค่พลังจิต สิ้นหวังไปนานแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็กล่าวโดยไม่ต้องคิดว่า “สหายยุทธ์ถามมาเถิด ข้ารับรองว่าจะพูดสิ่งที่รู้ทั้งหมด ขอเพียงสหายยุทธ์มอบความตายที่รวดเร็วให้ข้า!”
——