บทที่ 2221 ไม่มองการณ์ไกล

The king of War

The king of War บทที่ 2221 ไม่มองการณ์ไกล

“ลุงเว่ย!”

ไป๋หลี่จิงหวินมองไป๋หลี่เว่ยด้วยความเหลือเชื่อและพูดว่า “ท่านกำลังพูดอะไร”

เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าหนึ่งในบุคคลสำคัญของตระกูลไป๋หลี่คนนี้มีความคิดที่จะฆ่าเขาจริงๆ

เจตนาฆ่าบนตัวของไป๋หลี่เว่ยยังไม่ลดลงและพูดอย่างเย็นชา: “ตามกฎคำสั่งสังหาร ตั้งแต่วินาทีที่นายปฏิเสธคำสั่งของพันธมิตรพิทักษ์ฉันควรลงมือกับนาย แต่ฉันเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของตระกูลไป๋หลี่ฉันจึงให้โอกาสนายอีกครั้ง แต่นายไม่รักษาโอกาสนี้เลย ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้นายก็สมควรตาย! นายมีคำสั่งเสียอะไร? หากฉันทำได้ฉันจะทำให้นาย”

ตอนนี้ไป๋หลี่จิงหวินจึงแน่ใจว่าไป๋หลี่เว่ยต้องการฆ่าเขาจริงๆ

ไป๋หลี่จิงหวินมองไป๋หลี่เว่ยด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนแล้วถามว่า “ลุงเว่ย นายจะลงมือจริงๆเหรอ”

ขณะนี้เขาไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อยแต่กลับสงบมาก มีเพียงความอ้อนวอนในดวงตาของเขา

เขาหวังว่าไป๋หลี่เว่ยจะนึกถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดของเขาและปล่อยเขาไป

ไป๋ลี่เว่ยพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะให้เวลานายคิดสักครู่ ถ้านายไม่มีคำสั่งเสีย ฉันจะส่งนายไปเอง”

ไป๋หลี่จิงหวินดูหมดหวัง เขารู้ว่าไป๋หลี่เว่ยต้องการฆ่าเขาจริงๆ

แต่ในไม่ช้าความสิ้นหวังบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆหายไปและท่าทางที่บ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้น เขาจ้องไปที่ไป๋หลี่เว่ยอย่างแน่วแน่และพูดว่า: “ในเมื่อลุงเว่ยไม่สนใจความสัมพันธ์ทางสายเลือด อย่าหาว่าฉันที่ไม่ให้เกียรติท่าน!”

สิ้นเสียง พลังอันรุนแรงก็ปะทุออกมาจากตัวเขา

แต่อย่างไรเสียพลังแค่นี้มันไม่เพียงพอกัลไป๋หลี่เว่ย

ไป๋หลี่เว่ยยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ด้วยวัยของนายสามารถบำเพ็ญเพียรถึงแดนนภาขั้นสองชั้นต้นถือว่าเป็นบูโดอัจฉริยะแล้ว แต่ด้วยพลังแค่นี้คิดจะสู้กับฉันไม่เจียมตัวเอาเสียเลย

ถ้าไม่มีแรงก็สู้ฉัน ก็เหมือนแมลงวันเขย่าต้นไม้ ”

พูดจบพลังแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นก็ระเบิดออกมาจากตัวของไป๋หลี่เว่ย

พลังของทั้งสองต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ขณะนี้ไป๋หลี่จิงหวินรู้สึกเพียงว่าเขาถูกบดขยี้ ขาของเขาสั่นไม่หยุดเหมือนอยากจะคุกเข่าลงบนพื้นทันที

“ไป๋หลี่เว่ย ตี้ชุนไม่ใช่ผู้ที่พันธมิตรพิทักษ์จะสามารถต้านได้ ฉันแนะนำให้คุณอย่าสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มพันธมิตรพิทักษ์จะดีกว่า”

ไป๋หลี่จิงหวินเงยหน้าขึ้น จ้องไป๋หลี่เว่ยด้วยตาแดงก่ำแล้วพูดว่า

“หื้ม!”

ไป๋หลี่เว่ยตะโกนอย่างเย็นชา: “คุกเข่า!”

การบีบคั้นที่ทรงพลังมากขึ้น ไป๋หลี่จิงหวินกดดันหนักขึ้น ร่างกายของเขาค่อยๆโค้งตัวเข่าก็ค่อยๆย่อลงและเขากำลังจะคุกเข่าลงกับพื้น

อย่างไรก็ตามไป๋หลี่จิงหวินยังคงประคองและพยายามหนักแน่นไม่ยอมให้ตัวเองคุกเข่าลง

แต่อย่างไรเสียเขาก็มีแค่เพียงแดนนภาขั้นสองชั้นต้นเท่านั้นเขาจะต้านทานการบีบคั้นของผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นได้อย่างไร

“บูม!”

ในที่สุดไป๋หลี่จิงหวินไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรงและพื้นเป็นหลุมทันที

“ไป๋หลี่เว่ย!”

ไป๋หลี่จิงหวินเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและตะโกนเสียงดัง

ไป๋หลี่เว่ยพูดอย่างเย็นชา: “หมดเวลาแล้ว ดูเหมือนว่านายไม่มีคำสั่งเสีย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ฉันจะส่งนายไปตามทางเดี๋ยวนี้!”

ไป๋หลี่จิงหวินรู้ว่าเขากำลังจะตาย แต่ไม่มีความหวาดกลัวบนใบหน้าของเขา มีแต่ความโกรธที่กำลังลุกโชน

แค่ไป๋หลี่เว่ยขยับเท้าก็ปรากฏตัวต่อหน้าไป๋หลี่จิงหวินในพริบตา เขายกมือขึ้นจะตบกลางกะโหลกศรีษะของไป๋หลี่จิงหวินอย่างแรง

โดนผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นตบลงไป แม้แต่ผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสามชั้นยอดก็อาจไม่ทนได้ นับประสาอะไรกับไป๋หลี่จิงหวินที่มีพลังเพียงแดนนภาขั้นสองชั้นต้นเท่านั้น

“บูม!”

วินาทีถัดมาเสียงปะทะกันก็ดังขึ้น

“พรวด!”

สายตาที่ตกตะลึงของไป๋หลี่จิงหวิน ร่างของไป๋หลี่เว่ยเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาอาเจียนเป็นเลือดกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตรและชนกำแพงอย่างแรง

ทันใดนั้นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งก็ยืนบังอยู่หน้าเขา

อีกฝ่ายไม่มีพลังที่รุนแรง มีเพียงลมปราณที่คลุมเครือซึ่งทำให้รู้สึกได้แค่มองแต่ไม่อาจเข้าใกล้

ในใจของไป๋หลี่จิงหวินปั่นป่วนเหมือนโดนคลื่นซัด ไป๋หลี่เว่ยเป็นผู้แข็งแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้น แต่เขากลับถูกชายแข็งแกร่งผู้ลึกลับคนนี้ตบกระเด็นออกไป นั่นหมายความว่าพลังของชายลึกลับคนนี้เหนือกว่าแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นหรือ?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ไป๋หลี่จิงหวินก็ยิ่งตกใจมากขึ้น

ตี้ชุน!

นี่คือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอย่างกะทันหัน

นอกจากตี้ชุนแล้วเขานึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครอีกที่มีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้

อีกฝ่ายหันหลังให้จึงเห็นเพียงแผ่นหลังแต่เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายยังหนุ่มมาก

อายุเท่านี้มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ไม่เสียแรงที่เป็นคนของตี้ชุน ไป่หลี่จิงหวินแอบคิดในใจ

หลังจากที่ไป๋หลี่เว่ยถูกฝ่ายตรงฉันมตบกระเด็นออกไปก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในเคลื่อนที่และหน้าซีดทันที

เขาพยายามลุกขึ้นจากพื้น มองอีกฝ่ายและกัดฟันพูด “ฉันคือคนของตู้อวี้ซานหัวหน้าสมาคมพันธมิตรพิทักษ์ คุณกล้าดียังไงมาทำร้ายฉัน”

เมื่อเขาเห็นหน้าของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกตกใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

เพราะเขาเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าเด็กมากอายุน่าจะยังไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ

แต่อีกฝ่ายก็สามารถทำร้ายเขาอย่างสาหัสด้วยฝ่ามือเดียว

“ที่แท้ก็เป็นสุนัขรับใช้ของพันธมิตรพิทักษ์ ยิ่งสมควรตาย!”

อีกฝ่ายพูดอย่างเย็นชา พูดจบเขาก็ปรากฏต่อหน้าไป๋หลี่เว่ยเหมือนผี

ไป๋หลี่เว่ยรู้สึกถึงเจตนาฆ่าอันน่าสะพรึงกลัวที่ล็อคตัวเขาไว้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากและขอร้องด้วยความหวาดกลัวว่า “ได้โปรดปล่อย…”

“บูม!”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบอีกฝ่ายก็ตบไปที่ตำแหน่งหัวใจของเขา

หัวใจของไป๋หลี่เว่ยแหลกแตกในทันที สีหน้าของเขานิ่ง ในที่สุดเขาก็หยุดนิ่งด้วยความกลัวก่อนจะสิ้นใจ

สีหน้าของไป๋หลี่จิงหวินเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มองไป๋หลี่เว่ยที่ทรงพลังถูกฆ่าโดยฝ่ามือของคู่ต่อสู้ต่อหน้าต่อตา

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเขาคุ้นเคยกับเสียงของอีกฝ่าย

ขณะนั้นเองในที่สุดอีกฝ่ายก็หันมามองไป๋หลี่จิงหวินอย่างเฉยเมยและพูดว่า “นี่คือพันธมิตรพิทักษ์ที่เคยต้องการให้ฉันเข้าร่วม?”

จากนั้นไป๋หลี่จิงหวินก็ได้สติจากความตกใจ มองชายหนุ่มขี้เล่นตรงหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น เขาส่ายหัวแล้วมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางซับซ้อนและพูดว่า: “หยางเฉินตอนนั้นฉันไม่ได้มองการณ์ไกล โชคดีที่นายไม่ตกลงเข้าร่วมพันธมิตรพิทักษ์”

ชายหนุ่มไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหยางเฉิน

ขณะนี้หยางเฉินปล่อยลมปราณที่ไม่ชัดเจน ซึ่งทำให้ไป๋หลี่จิงหวินรู้สึกผิดปกติ คนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเทพจากเก้าสวรรค์

ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหยางเฉินเพิ่งก้าวหน้าสู่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นเท่านั้น นี่เพิ่งผ่านไปไม่นานหยางเฉินกลับสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นได้แล้ว

นั่นหมายความว่าหยางเฉินในตอนนี้ มีพลังที่จะปราบพันธมิตรพิทักษ์ได้แล้ว?