ไม่ทันไรเงาร่างกร้าวแกร่งมากมายหลั่งไหลมาจากสี่ทิศแปดทาง
เพียงแต่หลินสวินจากไปนานแล้ว นำเอาแหล่งดาราที่กลายเป็นทวนศึกสีทองนั่นไปด้วย ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่รีบร้อนแห่มาล้วนไม่ค่อยพอใจ
แต่เมื่อได้ยินผลงานการต่อสู้ของหลินสวิน เงาร่างที่เร่งรุดมาเหล่านี้ต่างหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ในใจสั่นสะท้าน ความขุ่นเคืองใจเหล่านั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งเช่นกัน
ในจำนวนนี้ก็มีพวกชายชุดหรูที่โดยสารนกปีศาจนั่นด้วย หลังจากได้รู้ข่าวเหล่านี้ แต่ละคนล้วนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ลอบคิดว่าตัวเองโชคดี
ที่แท้สิ่งที่เยวี่ยตู๋ชิวมหาจักรพรรดิจู๋หลิวพูดมาก็เป็นเรื่องจริง หลิงเสวียนจื่อนั่นแข็งแกร่งจนวิปริตดังคาด!
ไม่นานทุกคนต่างแยกย้ายไป
ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งในเขตที่หนึ่งของแดนลับฝึกหลอม ที่อื่นก็มีแหล่งดารากระจายอยู่เช่นกัน
เพียงแต่คนมากมายต่างรู้ดียิ่ง ครั้งหน้าคิดอยากพบเจอแหล่งดาราที่เร้นลับอัศจรรย์เช่นนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสสักเท่าไหร่แล้ว
…
สวบ!
กลางเวิ้งฟ้า รุ้งสายหนึ่งแล่นเคลื่อนไม่ขหยุด ดุจดั่งไหวกะพริบ ไม่กี่อึดใจก็หายลับไปในสุดปลายเวิ้งฟ้า
‘สมบัตินี่มหัศจรรย์จริงๆ’
ระหว่างทางจิตรับรู้หลินสวินแทรกเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ก็เห็นทวนศึกสีทองที่ปิดครอบด้วยพลังกฎเกณฑ์ลายมรรคแน่นขนัดนั่นกลายเป็นพลังสีทองกลุ่มหนึ่ง เจิดจรัสดุจอาทิตย์ดวงเล็กดวงหนึ่ง
ภายในพลังสีทองนั้นมีนัยเร้นลับมหามรรคที่หายากชนิดหนึ่ง กล้าแกร่งทรงพลังอย่างที่สุด คุณลักษณะสมบูรณ์
เมื่อลองสัมผัสคร่าวๆ สายตาหลินสวินก็เจือแววผิดแปลกวูบหนึ่ง
ก่อนหน้านี้เขาเคยหยั่งรู้และครอบครองพลังมหามรรคห้าพันกว่าชนิดใจกลางต้นกำเนิดหมื่นมรรค
ในจำนวนนั้น แค่พลังมหามรรคทองก็มีหลายสิบชนิดแล้ว
แต่หลินสวินยังไม่เคยเห็นชนิดใดที่คล้ายคลึงกับมหามรรคที่บรรจุในพลังสีทองนี่เลย
มันมีชื่อเรียกว่า ‘มรรคทองยอดอมตะ’ หากสามารถครอบครองและหยั่งถึง จะได้รับพลังต่อสู้ที่ประหนึ่งทำลายล้างได้ทุกสิ่ง
ต่อให้เป็นหญ้าเล็กๆ ยอดหนึ่งก็ยังโค่นดาราได้!
เป็นครั้งแรกที่หลินสวินได้เห็นกฎเกณฑ์มหามรรคที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้
หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่งหยิบแหล่งดาราชิ้นนี้ออกมา แล้วกลืนเข้าไปในร่าง
แหล่งดารานี่เป็นวัตถุที่ควบรวมขึ้นจากนัยเร้นลับมหามรรค เมื่อถูกกลืนเข้าสู่ในกายก็จะซึมเข้าสู่โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ภายในร่างหลินสวินทันที
และจากนั้นแหล่งดาราก็จะเริ่มกระจายตัว หลอมละลายเสมือนละอองแสงก็ไม่ปาน แทรกเข้าไปในตะวันจันทรา ภูผาธารา ต้นไม้ใบหญ้าในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์
เพียงพริบตาเท่านั้นก็หลอมละลายเข้าไปในมรรควิถีของหลินสวินทั้งหมด ระดับความเร็วก็เหมือนกับน้ำแข็งละลายในน้ำชัดๆ!
และพร้อมกันนั้น หลินสวินก็สัมผัสได้ว่า ตนได้ครอบครอง ‘มรรคทองยอดอมตะ’ ทั้งหมดแล้ว ความรู้สึกนั้นไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้สักนิด สมบูรณ์ไร้ที่ติ เสมือนขอเพียงแค่ตนยินดี ก็สามารถ ‘เสกหินเป็นทอง’ ได้อย่างสิ้นเชิง!
การหลอมแหล่งดาราชิ้นนี้ ข้อดีที่พ่วงตามมาไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น แม้แต่โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเขาก็ยังปกคลุมด้วยสีทองที่ดุจดั่งมายาแถบหนึ่ง พร่างพราวหาใดเปรียบ เสมือนโลกที่หล่อสร้างขึ้นจากทองแห่งหนึ่ง แผ่กลิ่นอายที่ดุดันกร้าวแกร่ง ไพศาลและเรืองรอง
เวลานี้จู่ๆ ในใจหลินสวินก็ผุดความรู้สึกแรงกล้าอย่างหนึ่ง
ตอนที่ตนเหยียบย่างระดับบรรพจารย์ขั้นเก้า หากเลือกมรรคทองยอดอมตะเป็น ‘รากฐานมรรคระดับบรรพจารย์’ น่าจะสามารถกลายเป็น ‘บรรพจารย์มรรค’ คนหนึ่งได้สบายๆ เลยทีเดียว!
เพราะมรรคทองยอดอมตะนี้เป็นมหามรรคที่สมบูรณ์ชนิดหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปเคี่ยวกรำและหยั่งถึงอย่างลำบากตรากตรำอีกสักนิด!
‘สมบัติดี!’
ในใจหลินสวินร้องอุทานระลอกหนึ่ง
เพียงแต่เขาเองก็รู้ดี ในแดนลับฝึกหลอมนี้ แหล่งดาราที่เหมือนกับมรรคทองยอดอมตะนี้เป็นสิ่งที่บังเอิญพบพานได้แต่ไม่อาจร้องขอ ครั้งนี้ตนบังเอิญได้เจอ ก็นับว่าเป็นโชคชั้นดีแล้ว
และในความเป็นจริง จากคำแนะนำของนกกระจอกเขียวก่อนหน้านี้ แหล่งดาราส่วนใหญ่ที่อยู่ในแดนลับฝึกหลอม ล้วนไม่มีทางให้กำเนิดแหล่งดาราระดับนี้ออกมา
“ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เหวินเซ่าเหิงนั่นอยู่ที่ไหนแล้ว…”
ในเวลาหลังจากนั้น หลินสวินไม่ได้รีบเร่งเดินทาง ทะยานอยู่ในเขตที่หนึ่งนี้ เสาะหาและตรวจค้นทุกแห่ง
หนึ่งคือค้นหาแหล่งดารา สมบัติล้ำค่าระดับนี้ย่อมมีประโยชน์มากมาย
สองคือสืบหาร่องรอยของเหวินเซ่าเหิง คนผู้นี้หากไม่กำจัด สุดท้ายก็จะเป็นตัวหายนะคนหนึ่ง
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องผลงานการต่อสู้ของ ‘หลิงเสวียนจื่อ’ ฮือฮาไปทั่วเขตที่หนึ่งนานแล้ว ถูกระดับจักรพรรดิที่เข้าร่วมในแดนลับฝึกหลอมนี้ไม่รู้เท่าไหร่ล่วงรู้
คนมากมายที่แต่เดิมมองหลินสวินเป็นเหยื่อ ล้วนอดลั่นกลองถอยทัพไม่ได้ ต่อให้คำรับรองของเหวินเซ่าเหิงล่อใจแค่ไหน แต่ก็ต้องเอาชีวิตไปแลกมา
ส่วนพวกมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดอย่างเยวี่ยตู๋ชิว หั่วอวิ๋นเกอ ต่างก็มองหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ
ต่อให้หลินสวินจะมีปราณเพียงระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหกก็ไม่มีใครกล้าดูเบา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตที่หนึ่งนี้ ทุกครั้งที่เห็นเงาร่างของหลินสวินปรากฏออกมา ผู้ฝึกปราณมากมายล้วนมองเขาประหนึ่งสัตว์ร้ายภัยพิบัติ ยังไม่ทันต่อสู้ก็ถอยหนีแล้ว
ที่น่าเสียดายคือ หลินสวินค้นหาทั่วพื้นที่อันกว้างขวางของเขตที่หนึ่งนี่แล้วรอบหนึ่งก็ยังไม่เจอเหวินเซ่าเหิง
ภายหลังจึงสืบทราบว่าหลังจากคนผู้นี้เข้าสู่แดนลับฝึกหลอม ก็พาผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งทะยานผ่านเขตที่หนึ่งนี่ตั้งแต่แรก ไม่เคยหยุดอยู่ที่นี่เลย
แต่หลินสวินก็ใช่ว่าไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวเลย หลายวันมานี้เขาเก็บแหล่งดาราได้เพิ่มอีกสองชิ้น คุณภาพนับได้เพียงทั่วๆ ไป นัยเร้นลับมหามรรคที่บรรจุข้างในก็ธรรมดาสามัญเช่นกัน
แม้จะเป็นเช่นนี้ มูลค่าระดับนี้ก็แพงหูฉี่อย่างที่สุด หนึ่งชิ้นสามารถแลกได้ถึงห้าแสนผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง
หลินสวินไม่ได้มัวยืดยาดอีก วันที่ห้านับจากเข้าสู่แดนลับฝึกหลอม ก็มุ่งหน้าเข้าสู่เขตที่สองตามลำพัง
มีป้ายยืนยันตัวตนนำทาง หลินสวินไม่กังวลว่าจะหลงทางนัก
เช่นเดียวกับตอนอยู่เขตที่หนึ่ง หลินสวินเสาะหาแหล่งดาราไปพลาง สืบหาร่องรอยของเหวินเซ่าเหิงไปพลาง
สุดท้ายหลินสวินสัญจรในเขตที่สองมาสามวันแล้ว
ในสามวันนี้เขาเห็นการเข่นฆ่านองเลือดไม่รู้เท่าไหร่ เกือบจะเป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเพราะแย่งชิงแหล่งดาราทั้งสิ้น สภาพแหลกเละน่าเวทนา
ระดับจักรพรรดิที่พลังอ่อนแอจำนวนหนึ่ง ไม่หนีตายด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ก็ร่วงหล่นในการต่อสู้เข่นฆ่าตรงๆ สิ้นใจด้วยความคับแค้น
นี่ก็คือการต่อสู้แย่งชิง
ในโลกพันจักรวาล ระดับจักรพรรดิดุจฟากฟ้า สูงสุดไร้ขอบเขต เหยียดมองสรรพชีวิต แต่ในแดนลับฝึกหลอมแห่งนี้ ภาพที่จักรพรรดิร่วงหล่นมีให้เห็นทุกแห่งหน!
หลินสวินเองก็ได้เห็นระดับจักรพรรดิมากมายที่รู้ตัวว่าไม่แข็งแกร่งพอ เริ่มซ่อนตัวตรงๆ ไม่เข้าร่วมการแก่งแย่งใด หวังเพียงปกป้องตัวเองให้ปลอดภัย และย่อมไม่คิดจะเก็บรวบรวมแหล่งดาราแล้ว
เห็นชัดว่าหลังจากได้รู้ความน่ากลัวของแดนลับฝึกหลอม พวกเขาก็ถอดใจอย่างสิ้นเชิง คิดเพียงว่าให้รอดชีวิตต่อไป
ในสามวันนี้หลินสวินเองก็ใช่ว่าจะเดินทางราบรื่น เคยพบเจอการโจมตีกะทันหันและหมายสังหารอยู่ไม่น้อย แต่ล้วนไม่ถือเป็นภัยคุกคามอะไร
สุดท้ายตอนที่หลินสวินจากไป แม้จะเก็บแหล่งดาราได้เพียงหนึ่งชิ้น แต่กลับได้รับทรัพย์หลังศึกกองพะเนิน ล้วนได้มาจากซากศพศัตรู สมบัติแต่ละอย่างรวมกันแล้ว อย่างน้อยก็สามารถแลกผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งได้ราวๆ สามล้านผลึก
เขตที่สาม
เขตที่สี่
เขตที่ห้า
…พร้อมๆ กับเวลาที่ไหลเคลื่อน เงาร่างของหลินสวินเดินผ่านเขตแล้วเขตเล่า แต่ละเขตแม้ทิวทัศน์ไม่เหมือนกัน แต่กลับมีจุดเหมือนกันอยู่
เพื่อแย่งชิงแหล่งดารา การต่อสู้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง กลิ่นคาวเลือดและความตายแทบจะมีให้เห็นทุกที่
พวกที่เหี้ยมโหดอำมหิตส่วนหนึ่งยิ่งกระทำการฆ่าคนชิงสมบัติ ใช้วิธีปล้นชิง ในเวลาสั้นๆ ก็รวบรวมแหล่งดาราได้จำนวนมากพอแล้ว
หลินสวินก็เคยถูกปล้นครั้งหนึ่ง แต่หลังจากมองฐานะของของเขาออก โจรเหล่านั้นก็เผ่นหนีแตกกระเจิง ตกใจจนฉี่เล็ดอุจจาระราด
ถึงขั้นถูกคนปล้นแล้ว หลินสวินมีหรือจะยังเกรงใจ เขากำลังนึกหวั่นว่าแหล่งดาราที่เก็บมาได้มาตลอดทางน้อยเกินไป ดังนั้นจึงเริ่มออกโรงล่าสังหารตรงๆ
โจรพวกนั้นก็ถือว่าดวงซวยแปดชั่วโคตร ถูกหลินสวินไล่ล่าไม่ว่างเว้น สุดท้ายก็กำจัดราบคาบ ไม่เหลือรอดสักคน
จนกระทั่งยามเมื่อเข้าสู่เขตที่หก บนตัวหลินสวินรวบรวมแหล่งดาราได้สิบหกชิ้นแล้ว รวมถึงทรัพย์หลังศึกที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ทำให้หลินสวินจนปัญญาคือ แหล่งดาราเหล่านี้คุณภาพไม่สมบูรณ์ ต่อให้เป็นชิ้นที่ดีที่สุด ก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับแหล่งดาราที่กลายเป็นทวนศึกสีทองนั่นได้
แต่ไม่นานหลินสวินก็ตระหนักได้ว่าเขตที่หกแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน
โลกแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายเน่าเปื่อยที่กดข่มหัวใจคน ภูผาแผ่นดินล้วนเหี่ยวแห้งแตกระแหง
บางคราวจะมีแสงเหินบินสีดำสายแล้วสายเล่าแล่นวาบผ่านห้วงอากาศ แสงเหินบินสีดำนั่นอัปมงคลหาใดเปรียบ เผยพลังกัดกร่อน ถูกเรียกว่า ‘แสงผีกลืนดับ’
หากไม่มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นหกขั้นไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ก็ต้านการโจมตีของแสงผีกลืนดับนี่ไม่ได้สักนิด จะถูกกัดกร่อนพลังจิตและเลือดบริสุทธิ์ ระเบิดตายอนาถคาที่
ระดับจักรพรรดิที่พบเจอตลอดทางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นบางตาขึ้นมาแล้ว
ทันใดนั้นไกลออกไปมีเสียงต่อสู้สะเทือนฟ้าระลอกหนึ่งดังมา
จิตรับรู้ของหลินสวินแผ่ออกไป ทันใดนั้นก็เห็นว่ามีคนสองกลุ่มกำลังฆ่าฟันกันอย่างดุเดือด กำลังต่อสู้แย่งชิงยอดเขาสีดำแห่งหนึ่ง
ยอดเขาสีดำแห่งนั้นมีพลังชีวิตที่ดุจดั่งโซ่คลื่นไหลหลั่ง เห็นชัดว่าภายในนั้นซ่อนแหล่งดาราเอาไว้
ภาพเช่นนี้ ในพื้นที่ห้าเขตใหญ่ก่อนหน้านี้ก็มีให้เห็นบ่อยจนไม่แปลกตา หลินสวินก็คุ้นชินกับมันนานแล้ว
เพียงแต่ในตอนที่เขาคิดจะจากไป จู่ๆ หัวคิ้วก็ขมวดมุ่น สังเกตเห็นว่าฝ่ายหนึ่งที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น เป็นกลุ่มคนที่มียอดจักรพรรดิเสวียนซิงเป็นผู้นำ
หนำซ้ำสถานการณ์ของพวกยอดจักรพรรดิเสวียนซิงก็ยังไม่สู้ดี ตกอยู่ในสภาพถูกกดข่มโดยสิ้นเชิง
หลินสวินคิดเล็กน้อยแล้วก้าวไปข้างหน้าทันใด
“หลิงเสวียนจื่อ!”
มีคนส่งเสียงออกมา มาจากชายสูงกำยำ สวมชุดสีขาวคนหนึ่ง
คนผู้นี้เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ด นำกำลังระดับจักรพรรดิทั้งกลุ่มต่อสู้กับคนของยอดจักรพรรดิเสวียนซิง
เห็นชัดว่าชายชุดขาวมองฐานะของหลินสวินออกแล้ว หนำซ้ำหลังจากเห็นหลินสวินเข้ามาใกล้ สีหน้ายังอดฉายแววมืดทะมึนเคร่งขรึมขึ้นมาไม่ได้
“ในเมื่อรู้จักข้า เช่นนั้นก็จะให้โอกาสทุกคนสักครั้ง ภายในสามลมหายใจ หายไปจากที่นี่ซะ หาไม่ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
หลินสวินเอ่ยปากเนิบนาบ
พวกยอดจักรพรรดิเสวียนซิงก็มองเห็นหลินสวินแล้วเช่นกัน ล้วนอดแปลกใจไม่ได้ สีหน้าเจือแววอัดอัดรำไร
ก่อนหน้านี้ในเมืองตั้งต้น เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ของหลินสวินอันตราย ก่อเรื่องใหญ่หลวง พวกเขาต่างจงใจรักษาระยะห่างกับหลินสวิน ขีดเส้นแบ่งกั้น หมางเมินเหินห่าง
แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะถึงกับเป็นฝ่ายเดินเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้เอง!
ชายชุดขาวเห็นได้ชัดว่าไม่ยินยอม สีหน้าไม่น่าดู แต่เมื่อนึกถึงผลงานการต่อสู้อันน่าสะพรึงนั่นของหลินสวิน ในใจก็เสียววาบขึ้นมาระลอกหนึ่ง
ท้ายที่สุดเขากัดฟันแน่น โบกมือสะบัด “ไป!”
จากนั้นพาทุกคนหมุนตัวจากไป
เห็นเช่นนี้พวกยอดจักรพรรดิเสวียนซิงล้วนอดอึ้งงันไม่ได้ พวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของคู่ต่อสู้ดียิ่ง ซ้ำที่มายังน่าตกใจ ตอนที่ต่อสู้กันก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างไม่คาดหวังว่าจะสามารถชิงแหล่งดาราชิ้นนั้นมาได้สักนิด
ใครจะไปคิด หลังจากหลินสวินมาถึงก็ไม่ได้ลงมือสักนิด แค่ประโยคเดียวก็ไล่ตะเพิดพวกชายชุดขาวนั่นได้แล้ว
อานุภาพระดับนี้เหมือนเทพมาเยือนโลกชัดๆ!
——