บทที่ 2226 เจ้าคือผู้ฝึกดาบ

The king of War

The king of War บทที่ 2226 เจ้าคือผู้ฝึกดาบ

ขณะนี้ทุกคนตกตะลึง

“ผู้อาวุโสสี่!”

เมื่อเย่จางกั๋วเห็นหยางเฉินปรากฏตัวก็เรียกอย่างตื่นเต้น

ยอดฝีมือกองยุทธการจงโจวและทีมบูโดเมื่อเห็นหยางเฉินปรากฏตัวก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงสามารถเดินเหินบนอากาศได้และพวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้หยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งระดับใด พวกเขารู้แค่ว่าในอดีตหยางเฉินไม่เคยทำให้พวกเขาผิดหวัง

ในด้านของพันธมิตรผู้พิทักษ์ เมื่อตู้อวี้ซานเห็นหยางเฉินปรากฏตัวรูม่านตาของเขาก็หดตัวอย่างกะทันหัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณบูโดจากร่างของหยางเฉินแม้แต่น้อย มันเป็นไปได้อย่างไร?

ในโลกนี้มีคนเพียงสองประเภทที่ไม่มีลมปราณบูโด ประเภทแรกคือคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฝนวิถีใดๆ และประเภทที่สองคือนักบูโดที่ทรงพลัง

ตู้อวี้ซานได้ก้าวเข้าแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นแล้ว แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณบูโดจากร่างกายของหยางเฉิน นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของ หยางเฉินนั้นเหนือกว่าตนแล้วไม่ใช่หรือ?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ตู้อวี้ซานรู้สึกหวาดกลัวในใจเล็กน้อย และมีความคิดที่จะหนีไปในตอนนี้

เหล่านักบูโดจากโลกกลางก็ตกตะลึงเช่นกัน ขณะนี้พวกเขาเพิ่งเห็นหญิงสาวที่ปลุกร่างบูโดลิขิตสวรรค์และตอนนี้ก็มีชายหนุ่มที่แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาสัมผัสลมปราณบูโดจากร่างของหยางเฉินไม่ได้เลย นักบูโดที่สามารถเหาะเหินเดินผ่านอากาศได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา กล่าวคือความแข็งแกร่งของหยางเฉินนั้นเหนือกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้แล้ว

โลกมนุษย์เป็นดินแดนรกร้างในการบำเพ็ญเพียรไม่ใช่หรือ?

เหตุใดจึงปรากฏอัจฉริยะด้านบูโดอันสองคนที่น่าสะพรึงเช่นนี้ในเวลาเพียงไม่กี่สิบนาที?

“หยางเฉิน!”

เซี่ยเหอมองหยางเฉินด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อใดก็ตามที่เธอมีปัญหาหยางเฉินจะปรากฏตัวเป็นคนแรกเสมอ

ทันใดนั้นเธอก็อยากจะกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของหยางเฉิน แต่เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

หยางเฉินพยักหน้าให้กับเซี่ยเหอเล็กน้อย จากนั้นเขากวาดสายตาไปยังเย่จางกั๋วและคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเขาก็รู้สึกโล่งใจ

หลิวชิ่งจ้องหยางเฉินด้วยท่าทางกังวลอย่างมากและถามว่า “นายเป็นใคร”

หยางเฉินไม่ได้สนใจอีกฝ่าย ทันใดนั้นสายตาของเขาหยุดอยู่ที่กลุ่มพันธมิตรพิทักษ์ตู้อวี้ซาน

เมื่อเห็นหยางเฉิมองมาที่ตนตู้อวี้ซานก็รู้สึกประหม่าอย่างมาก แต่เขาไม่ได้แสดงออกมาแต่สบตากับหยางเฉินอย่างไม่สะทกสะท้าน

เมื่อถูกหยางเฉินเมินหลิวชิ่งก็ขมวดคิ้ว เหล่านักบูโดโลกกลางที่ติดตามเขาต่างกังวล

ในฐานะคนของสำนักเทียนไห่ผู้มีอำนาจสูงสุดในโลกกลาง แม้แต่ในโลกกลางไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็เป็นที่เคารพนับถือ เขาเคยถูกละเลยเช่นนี้เมื่อไหร่กัน?

ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือโลกมนุษย์พวกเขามองว่าที่นี่เป็นที่ไร้ค่าสำหรับการบำเพ็ญเพียร

ขณะที่หลิวชิ่งแทบทนไม่ไหวและกำลังจะระเบิด ในที่สุดสายตาของหยางเฉิน ที่มองตู้อวี้ซานอยู่ก็จ้องมาทางหลิวชิ่ง

หยางเฉินจ้องหลิวชิ่งและพูดอย่างไม่เกรงใจ”ตอนนี้ฉันปกครองโลกมนุษย์ พวกแกมาจากที่ใดก็ไสหัวกลับไปทางนั้นซะ!”

“บูม!”

คำพูดของหยางเฉินทำให้ทุกคนในโลกกลางโกรธทันที

คนของโลกมนุษย์และโลกล่างก็ตะลึงเช่นนกัน คนตรงหน้าคือนักบูโดแดนนภาขั้นสี่กว่า20คน หยางเฉินแค่คนเดียวกล้ายั่วยุคนเหล่านี้หรือ?

ขณะนี้นักบูโดแดนนภาขั้นสี่ชั้นต้นคนหนึ่งพูดอย่างเย็นชา: “ไอ้หนูนายยโสเกินไปหรือเปล่า?”

หยางเฉินแค่ชำเลืองมองอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อเขามองอีกฝ่ายคนๆนั้นก็ตัวแข็งอยู่กับที่ ความเย็นอันน่าสะพรึงกลัวผุดจากเท้าของเขาพุ่งขึ้นไปยังหัว

คนนั้นรู้สึกว่าสิ่งที่ตนกำลังเผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่คนจากโลกมนุษย์ แต่เป็นผู้

ทรงพลังที่มาจากโลกบู๊โบราณบน

หยางเฉินเพียงแค่ชำเลืองไปยังอีกฝ่ายจากนั้นสายตาของเขาก็จ้องไปที่หลิวชิ่งอีกครั้งและพูดว่า: “ออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับแต่เขาสร้างแรงกดดันให้หลิวชิ่งอย่างมาก

ไม่เพียงแต่หลิวชิ่งเท่านั้น แต่นักบูโดสำนักเทียนไห่คนอื่นๆที่มากับเขาก็รู้สึกกดดันอย่างมากด้วย

นี่เป็นประสบการณ์ที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสในโลกล่างมาก่อน ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไม่ถึง30ปีข่มขู่

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหลิวชิ่วมองหยางเฉินและพูดว่า “ด้วยพรสวรรค์ด้านบูโดของนาย หากนายเข้าร่วมสำนักเทียนไห่ นายจะได้เป็นศิษย์คนสนิทของเจ้าสำนักและกลายเป็นนายน้อยแห่งสำนักเทียนไห่ก็เป็นไปได้”

เขาไม่ได้หลอกหยางเฉิน ชายหนุ่มที่สามารถทำให้เขารู้สึกกดดันได้ขนาดนี้ ใครจะจินตนาการได้ว่าพรสวรรค์ด้านบูโดของชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวเพียงใด

แม้แต่เขาที่เป็นศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนพิเศษในสำนักเทียนไห่จง และอาจารย์ของเขาก็เป็นเจ้าพ่อระดับผู้อาวุโสของสำนักเทียนไห่

แต่หยางเฉินอายุเท่านี้ก็แข็งแกร่งขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ไปสำนักเทียนไห่ถึงจะไปไหนสำนักไหนในโลกบู๊โบราณกลางเขาก็จะได้รับการฝึกฝนในฐานะนายน้อย

แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกเรื่องนี้กับหยางเฉิน หากหยางเฉินเข้าร่วมสำนักเทียนไห่จะดีที่สุด

หยางเฉินแค่ยิ้มเรียบๆ ประมุขโลกกลางต้องการให้เขาสืบทอดตำแหน่งประมุขแต่เขาก็ปฏิเสธมาหมดแล้ว แค่นายน้อยเจ้าสำนักเขาไม่ได้สนใจ

“ออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมากขึ้นและพูดซ้ำสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้

เมื่อคำพูดของเขาจบลง กระบี่โอรสสวรรค์ที่อยู่ฉันงหลังเขาก็ส่งเสียงและสั่นบนหลังของหยางเฉินมันอาจออกมาได้ทุกเมื่อ

ขณะเดียวกันกลิ่นอายลมปราณบูโดทำให้ผู้คนสั่นสะท้านแผ่ออกมาจากตัวเขาปกคลุมไปทั่วพื้นที่

สีหน้าของหลิวชิ่งและนักบูโดโลกกลางเปลี่ยนไปอย่างมาก

พวกเขารู้สึกผิดปกติจู่ๆก็มีภูเขาขนาดใหญ่ทับพวกเขาและห้วงดาบที่น่าสะพรึงกลัวก็โหมกระหน่ำในผืนแผ่นดินนี้

มีรอยดาบอันบอบบางปรากฏบนร่างของหลายคน

“คุณคือผู้ดาบ!”

หลิวชิ่งเบิกตากว้าง

ในโลกบู๊โบราณล่าง บางคนแม้จะพยายามทั้งชีวิตก็ไม่อาจเข้าใจวิชาดาบได้ จนรู้เสียใจไปทั้งชีวิต

แต่ผู้ฝึกเคนโดที่มีชื่อเสียงทุกคนล้วนมีอายุอย่างน้อยสี่สิบปี แต่หยางเฉินซึ่งดูแล้วไม่น่าถึงสามสิบปี แต่กลับระเบิดห้วงดาบที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้

ประเด็นก็คือหยางเฉินยังไม่ได้ชักดาบออกมา ถ้าเขาชักดาบออกห้วงดาบของเขาจะน่ากลัวแค่ไหน?

หลิวชิ่งในตอนนี้ไม่สงสัยเลยว่าเมื่อม่านพลังโลกบู๊โบราณกลางและโลกมนุษย์พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ชื่อของหยางเฉินจะเขย่าไปทั่วโลกบู๊โบราณกลาง

แน่นอนว่าข้อแม้คือหยางเฉินต้องมีชีวิตอยู่

ผู้แข็งแกร่งที่มีพรสวรรค์ด้านบูโดเช่นนี้จะเป็นที่หมายตาของกองกำลังมากมาย หากหยางเฉินยินดีที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังใดกองกำลังหนึ่งก็ยังดี แต่เมื่อเขาปฏิเสธก็ไม่มีกองกำลังใดสามารถต้านทานเขาได้