ฮว่ารั่วซวี!
ชายที่ราวกับตำนานคนหนึ่ง มาจากน่านฟ้าที่เจ็ด ตระกูลเบื้องหลังเขาครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ อานุภาพน่าหวาดกลัว
เมื่อจำฐานะของเขาได้ ผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่ใกล้ล้วนตกใจ
เห็นชัดว่าฮว่ารั่วซวีก็ได้ยินข่าว ดังนั้นจึงรีบมาตรวจสอบ
“นายน้อย ได้ยินว่าคนผู้นี้แปลกหน้า ไม่มีใครรู้จัก เห็นชัดว่าไม่ใช่ผู้ทรงอิทธิพลที่มาจากโลกยอดนิรันดร์ น่าจะเป็นพวกโดดเด่นที่มาจากโลกพันจักรวาล”
ข้างกายฮว่ารั่วซวียังมีฮูหยินงามชุดม่วงหน้าตาโดดเด่น ท่าทางงามสง่าคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย ทุกการเคลื่อนไหวมีกลิ่นอายของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิไหลวน น่าเกรงขามหาใดเปรียบ
“มาจากโลกพันจักรวาลหรือ ไม่ธรรมดายิ่งนัก”
ฮว่ารั่วซวีเอ่ยปาก “การเดินทางครั้งนี้ หากทำให้ข้าประสานกฎเกณฑ์มหามรรคทั้งตัวเข้ากับพลังปราณในร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ อันดับของข้าต้องสูงขึ้นอีกช่วงใหญ่แน่”
เสียงเขาแน่วนิ่งเจือแรงดึงดูดอันเป็นเอกลักษณ์ ท่าทางสุขุม มีความมั่นใจที่ยากบรรยายอย่างหนึ่ง
“นายน้อย ทำไมต้องสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย สุดท้ายอันดับนี้ก็แค่ชั่วคราว แค่พวกที่มาจากโลกพันจักรวาลคนหนึ่ง ต่อให้เป็นอัจฉริยะ ภายหน้าก็ไม่อาจเทียบกับท่านได้แน่”
ฮูหยินงามชุดม่วงที่อยู่ด้านข้างยิ้มกล่าว
ไม่มีใครรู้สึกว่าคำพูดนี้ของนางมีส่วนไหนที่ไม่ถูก
ด้วยนั่นคือฮว่ารั่วซวี ตำนานคนหนึ่งที่หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ย่อมทำให้บุคคลสำคัญนับไม่ถ้วนให้เกียรติถึงสามส่วน
ฮว่ารั่วซวีแค่ยิ้มรับ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเรื่องนี้
ครู่ต่อมาพวกเขาก็หายไปกลางอากาศ
แม้ว่าเวลาที่ปรากฏตัวจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่ฮว่ารั่วซวีเป็นผู้โดดเด่น เมื่อข่าวการมาเยือนของเขาแพร่ออกไปก็เปิดฉากความโกลาหลครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดประเด็นร้อน
ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ด้วยการปรากฏตัวของพวกเขา ทำให้การฝากชื่อไว้บนกระดานเร้นลับของหลินสวินยิ่งส่งอิทธิพลมากขึ้น
บุคคลแห่งยุคบางส่วนที่เดิมทะนงตัว ไม่สนใจเรื่องนี้ก็พากันแปลกใจอย่างอดไม่ได้ เริ่มสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ใครต่างก็รู้สึกได้รางๆ ว่าบุคคลปริศนาที่มาจากโลกพันจักรวาลนี้ ต้องเป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งประหนึ่งดาวดวงโต กำลังจะส่องประกายไม่เสื่อมสูญ
…
“เป็นเขา ต้องเป็นเขาแน่!”
เมืองยอดยุทธ์ ในคฤหาสน์โอ่อ่าหลังหนึ่ง นัยน์ตาของลั่วหลิงซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งหลักฉายแววเยียบเย็น
นางรู้ข่าวที่ทำให้ฮือฮากันทั้งเมืองซึ่งเพิ่งส่งกลับมาแล้ว
“ใครหรือ”
มีคนอดถามไม่ได้
“แน่นอนว่าเป็น… ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของข้า”
เสียงของลั่วหลิงแฝงความเย็นชาเสียดกระดูก
กลางฝ่ามือขาวกระจ่างเรียบเนียนของนางถือหินหยกดำสนิทก้อนหนึ่ง บนนั้นมีรอยเลือดเปื้อนอยู่เล็กน้อย แม้ว่าแห้งเกรอะกรังมานานแล้ว แต่กลับโปร่งแสงแดงสดเหมือนเดิม อบอวลด้วยกลิ่นอายที่พาให้คนใจสั่นระรัว
เวลานี้หินหยกสีดำนี่กำลังเกิดคลื่นสะเทือนที่คล้ายมีคล้ายไม่มีเสี้ยวหนึ่ง เหมือนกำลังสั่นสะท้าน ส่งเสียงราวกับสัมผัสอะไรได้
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ลั่วหลิงมั่นใจหาใดเปรียบ บุคคลปริศนาที่ฝากชื่อไว้บนกระดานเร้นลับหน้าศิลาศึกข้ามแดนก่อนหน้านี้ ต้องเป็นหลินสวินอย่างไร้ข้อกังขา!
ด้วยหินหยกสีดำนี้ย้อมด้วยกลิ่นอายสายเลือดของหุบเหวกลืนกิน เป็นสมบัติประหลาดที่ตกทอดมาจากเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ของตระกูลลั่วเมื่อปีนั้น
สมบัตินี้สามารถตรวจสอบพรสวรรค์สายเลือดในตัวคนตระกูลลั่วได้ เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของหุบเหวกลืนกินก็จะเกิดการขานรับ น่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ
ขอเพียงตระกูลลั่วมีเด็กทารกเกิดใหม่ ย่อมถูกหินก้อนนี้ตรวจสอบพรสวรรค์ตั้งแต่พริบตาแรกทันที
และตอนนี้สมบัตินี่ก็ถูกลั่วหลิงนำมาสัมผัสและจำแนกร่องรอยของหลินสวิน!
“แจ้งข่าวไปยังตระกูลเหิงและตระกูลเหวิน บอกพวกเขาว่าหลินสวินเข้ามาในเมืองยอดยุทธ์แล้ว”
นัยน์ตาลั่วหลิงฉายแววเฉียบคมเยียบเย็น “นอกจากนี้ก็แพร่ข่าวออกไปด้วย บอกว่าบุคคลปริศนาที่ทำให้เกิดลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าหน้าศิลาศึกข้ามแดนในวันนี้ ก็คือหลินสวินที่ปัจจุบันมีชื่ออยู่ในลำดับสามของกระดานประกาศจับนั่น!”
ในโถงใหญ่ผู้ฝึกปราณมากมายซึ่งเป็นบริวารของตระกูลลั่วล้วนเผยสีหน้าประหลาด
แผนการนี้ของลั่วหลิงหนีไม่พ้นสี่คำ
ยืมดาบฆ่าคน!
พวกเขาเข้าใจแผนการของลั่วหลิงแล้ว ต่างพากันพยักหน้าอย่างอดไม่ได้
หลายวันก่อนลั่วหลิงพาพวกเขาเหล่าผู้ฝึกปราณของตระกูลลั่วมาเมืองยอดยุทธ์ ทั้งปล่อยข่าวทันทีว่าหลินสวินนี่ต้องปรากฏตัวในเมืองยอดยุทธ์แน่
ตอนนั้นข่าวนี้ยังดึงดูดความสนใจของคนทั้งเมือง
ขุมอำนาจของตระกูลเหวิน ตระกูลเหิงรวมตัวกันนานแล้ว เตรียมพร้อมรับมือทุกเมื่อ
นอกจากนี้ยังมีบุคคลแข็งแกร่งมากมายรู้สึกสนใจ ถึงขั้นกล่าวว่าขอเพียงนักโทษที่ถูกประกาศจับอย่างหลินสวินเข้าเมืองมาก็จะฆ่าโดยไม่ปรานี
ทั้งหมดเพื่อรางวัลค่าหัวที่เรียกได้ว่าสูงลิ่วก้อนนั้น
ตอนนี้หลินสวินเข้าเมืองมาแล้ว ทั้งยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าหน้าศิลาศึกข้ามแดนด้วย
เวลานี้การเผยฐานะของเขา บอกกล่าวผู้คนในใต้หล้าว่าเขาเข้าเมืองมาแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าจะล่อให้บุคคลแข็งแกร่งเกิดความละโมบและไอสังหารมากเท่าไหร่!
เหล่าบริวารรับคำสั่งจากไป
…
ขณะที่โลกภายนอกคลื่นลมโหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด หลินสวินกลับเข้ามาในโรงเตี๊ยมนานแล้ว
“รีบบอกมา เจ้าได้อันดับที่เท่าไหร่บนกระดานเร้นลับกันแน่” นกกระจอกเขียวร้อนรนทนไม่ไหวแล้ว ถามอย่างกระวนกระวาย
“อันดับที่เก้าร้อยสิบแปด”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ ไม่ได้ปิดบัง แต่แววตากลับดูแปลกออกไป
ก่อนหน้านี้ยามเขาทำการฝากชื่อ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังประหลาดของศิลาศึกข้ามแดนโถมเข้ามาในร่างตนราวกับกระแสน้ำ สัมผัสมรรควิถี สภาวะจิต เจตจำนงของตน
นี่ทำให้เขาต่อต้านโดยสัญชาตญาณ หลังจากแน่ใจว่าพลังประหลาดนี้ไม่มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เขาจึงค่อยผ่อนคลายลง
แต่เมื่อพลังประหลาดนี้ต้องการสัมผัสชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดตรงเส้นปราณหัวใจของตน กลับถูกหลินสวินขวางไว้!
ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเป็นความลับสุดยอดของเขา ภายในแฝงพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินขั้นสองไว้ ไม่อาจเปิดเผยได้เด็ดขาด
ต่อให้เป็นพลังของศิลาศึกข้ามแดน เขาก็ไม่ยอมถูกสำรวจ
ดังนั้นตอนฝากชื่อไว้บนกระดานเร้นลับจึงทำให้เขาหยุดอยู่ตรงอันดับที่เก้าร้อยสิบแปด
จากที่หลินสวินเดา หากตอนนั้นเขาไม่ขวางการตรวจสอบของพลังประหลาดนั่น อันดับของตน…
เกรงว่าคงพุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางหยุดที่อันดับเก้าร้อยสิบแปดง่ายๆ เช่นนั้นแน่
ถึงอย่างไรในบรรดารากฐานพลัง พรสวรรค์ มรรควิถี เจตจำนง… พรสวรรค์เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด มีอิทธิพลอย่างมาก
การตรวจสอบที่ขาดปัจจัยด้านพรสวรรค์นี้ ย่อมทำให้อันดับดูรั้งท้ายไปมากเป็นธรรมดา
ต่อให้เป็นเช่นนั้น หลังจากนกกระจอกเขียวรู้ก็ยังอึ้งไปพักหนึ่ง
ผ่านไปครู่ใหญ่นกกระจอกเขียวจึงเอ่ยปากชม “วิปริต วิปริตดังคาด เพิ่งฝากชื่อเป็นครั้งแรกก็ก้าวขึ้นไปอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกของกระดานเร้นลับแล้ว อันดับนี้เพียงพอจะซัดสะเทือนกาลนิรันดร์ หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ ย่อมถึงขั้นก่อให้เกิดความโกลาหลในน่านฟ้าที่เจ็ดได้!”
น่านฟ้าที่เจ็ดคืออาณาเขตของขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ สามารถทำให้โลกนี้ปั่นป่วนได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าอันดับนี้ของหลินสวินไม่ต่ำต้อย แต่ชวนตะลึงหาใดเปรียบ!
“อะไรที่เรียกว่าฝากชื่อไว้เป็นครั้งแรก ภายหน้ายังฝากชื่อเป็นครั้งที่สองได้อีกหรือ” หลินสวินเอ่ยถาม
นกกระจอกเขียวกล่าว “ไม่อาจพูดเช่นนั้น ครั้งนี้หลังจากเจ้าใช้พลังเจตจำนงฝากชื่อไว้บนศิลาศึกข้ามแดนแล้ว ภายหน้ายามท่องไปในแดนใหญ่พันศึก ผลงานการต่อสู้ที่ได้รับ มรรควิถีที่ยกระดับทั้งหมด ย่อมถูกพลังระเบียบของแดนใหญ่พันศึกรับรู้ได้ทันที”
“เจ้าเองก็รู้ว่าพลังของศิลาศึกข้ามแดนสามารถเชื่อมต่อกับระเบียบของแดนใหญ่พันศึกได้ นี่ก็หมายความว่าผลงานที่เจ้าทำได้ มรรควิถีที่ยกระดับทั้งหมดก็จะถูกศิลาศึกข้ามแดนรับรู้ด้วย และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอันดับบนกระดานเร้นลับของเจ้า”
นกกระจอกเขียวเว้นช่วงไปก่อนกล่าวสรุป “สรุปโดยง่ายคือ นับจากนี้ไปคู่ต่อสู้ที่เจ้าสังหารยิ่งแข็งแกร่ง การแปรสภาพพลังยิ่งร้ายกาจ อันดับบนศิลาศึกข้ามแดนของเจ้าก็ยิ่งเปลี่ยนตามไปด้วย”
คราวนี้หลินสวินจึงเข้าใจกระจ่าง
นี่ก็หมายความว่าอันดับบนกระดานเร้นลับตอนนี้ ความจริงแล้วเป็นแค่อันดับชั่วคราว ใช่ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์
“เจ้าหนุ่ม พยายามเข้าเถอะ”
นกกระจอกเขียววางท่าเหมือนผู้อาวุโสกล่าวให้กำลังใจ “ข้าได้ยินว่าในอดีตเคยมีมหาจักรพรรดิระดับตำนานคนหนึ่ง ยกระดับของตนจนติดร้อยอันดับแรกได้ในคราเดียวก่อนไปถึงโลกยอดนิรันดร์”
“ตอนนั้นเรื่องนี้ไม่เพียงสร้างความปั่นป่วนในแดนใหญ่พันศึก ยังทำให้มิติจักรวาลที่มหาจักรพรรดิระดับตำนานคนนี้จากมาได้รับประโยชน์อย่างมากด้วย อันดับในโลกพันจักรวาลพุ่งขึ้นมาอยู่ในห้าสิบอันดับแรกอย่างแข็งกร้าว”
“คนผู้หนึ่งเปลี่ยนแปลงอันดับของมิติจักรวาลแห่งหนึ่ง สร้างปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ห้าวหาญเพียงใด!”
หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “อันดับของมิติจักรวาลนี้เปลี่ยนไปแล้วได้ประโยชน์อะไร”
นกกระจอกเขียวทำหน้าดูแคลน คล้ายกำลังบอกว่าแม้แต่เรื่องนี้เจ้ายังไม่รู้ ไม่โง่งมเกินไปหน่อยรึ
แต่มันก็ยังอธิบายอย่างอดทน
ที่แท้อันดับมิติจักรวาลในโลกพันจักรวาลยิ่งอยู่สูง ก็ยิ่งเข้าใกล้ตำแหน่งที่แดนใหญ่พันศึกตั้งอยู่ กลิ่นอายมหามรรคของมิติจักรวาลแห่งนั้นจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
หลินสวินอดตะลึงไม่ได้
ด้วยจากคำพูดของนกกระจอกเขียว ตำแหน่งที่มิติจักรวาลตั้งอยู่นั้นไม่แน่นอน หากแต่เหมือนดวงดาว สามารถเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนแปลงได้!
อย่างเช่นทางเดินโบราณฟ้าดาราในช่วงต้นดึกดำบรรพ์ เดิมเป็นมิติจักรวาลที่จัดอยู่ในอันดับหนึ่งของโลกพันจักรวาล ตำแหน่งของมันเดิมทีอยู่ใกล้แดนใหญ่พันศึกที่สุด!
แต่เมื่อทางเดินโบราณฟ้าดาราตกต่ำลงเรื่อยๆ อันดับค่อยๆ รั้งท้าย ตำแหน่งของมันก็ถูกเบียดไปจนห่างไกลจากแดนใหญ่พันศึกเรื่อยๆ…
เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว หลินสวินยิ่งไม่อาจนิ่งสงบกว่าเดิม
อันดับในศิลาศึกข้ามแดน ถึงกับมีความเกี่ยวข้องพิเศษกับตำแหน่งของโลกพันจักรวาลเช่นนี้
ถึงขั้นส่งผลกระทบต่อความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยของมิติจักรวาลแห่งหนึ่งด้วย!
นี่น่าเหลือเชื่อมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
หลินสวินครุ่นคิดพลางกล่าว “ถ้าเช่นนั้นหากข้าเลื่อนอันดับไปถึงตำแหน่งแรกของกระดานเร้นลับ นั่นไม่ได้หมายความว่าอันดับของทางเดินโบราณฟ้าดาราที่ข้าจากมา ก็จะก้าวขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นของโลกพันจักรวาลด้วยหรอกหรือ”
นกกระจอกเขียวพยักหน้า “น่าจะเป็นเช่นนั้น”
เมื่อหลินสวินฟังจบแววตาก็เปลี่ยนเป็นผิดแปลกขึ้นมา เขาไม่เคยคิดหาโอกาสเปลี่ยนชะตาอะไรให้ทางเดินโบราณฟ้าดารา
แต่ภายใต้ความจับพลัดจับผลู กลับทำให้ตนมีโอกาสนี้เสียอย่างนั้น…
พาให้คนรับมือไม่ทันจริงๆ
จากนั้นหลินสวินก็ไม่คิดเรื่องพวกนี้อีก เขาไม่มีความคิดจะเป็นผู้ช่วยโลก
สาเหตุที่เลือกฝากชื่อไว้บนศิลาศึกข้ามแดน ก็เพื่อเตรียมการเผื่อภายหน้ายามไปถึงด่านนภาอมตะที่สี่สิบเก้าจะได้เข้าไปใน ‘สมรภูมิทวยเทพ’
เรื่องอื่นเขาไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น
“นกกระจอกเขียว หลังจากนี้สามวันข้าจะเข้าไปในโบราณสถานมหามรรคนั่นแล้ว เจ้าถือโอกาสนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับโบราณสถานมหามรรคนี้ให้ข้าฟังหน่อย”
หลินสวินกล่าวเสียงขรึม
นกกระจอกเขียวรับคำอย่างยินดี
และในยามที่หลินสวินกับนกกระจอกเขียวพูดคุยกัน
ในเมืองยอดยุทธ์ เมื่อลั่วหลิงส่งคนไปกระจายข่าวก็ก่อให้เกิดความโกลาหลทั่วเมืองในเวลาอันสั้น
…………………