ตอนที่ 2497 ซากศพที่ฟื้นคืนชีพ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

คฤหาสน์ลอยอยู่บนเวิ้งฟ้า แสงมรรคปริศนาอบอวล

เวลานี้ตำราหยกขาวดุจหิมะเล่มนั้นปรากฏตัวอยู่หน้าคฤหาสน์นั่น เมื่อเสียงวู้มระลอกหนึ่งดังขึ้น รอยสลักลับมหามรรคโปรยปรายดุจสายฝน

สายตาของเยวี่ยตู๋ชิวเร่าร้อน ลงมือตั้งแต่พริบตาแรกทันที

“ไป!”

เขาสะบัดมือออกไป ตาข่ายยักษ์ที่วิวัฒน์มาจากแสงมรรคแดงเพลิงผืนหนึ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า สายเพลิงเปล่งประกายสานพันกัน เข้าปกคลุมตำราหยกเล่มนั้น

วู้ม!

เสียงประหลาดดังขึ้น ลายมรรคเจิดจรัสในตำราหยกปรากฏ ส่องประกายราวกับแสงอรุณ

เพียงชั่วขณะซากศพหนึ่งที่มีเขาเดี่ยวงอกบนศีรษะ ร่างปกคลุมด้วยเกราะเกล็ดนิลดำบนบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้นนั้นเหมือนฟื้นคืนชีพ ส่งเสียงคำรามแล้วเหวี่ยงขวานยักษ์เล่มหนึ่งในมือออกมาเต็มแรงทันใด

ตูม!

ตาข่ายแดงเพลิงถูกฟันแหลกทันที ฝนเพลิงสาดกระจาย

เยวี่ยตู๋ชิวอดตะลึงไม่ได้ กล่าวว่า “พลังของตำราหยกนี้ ถึงขั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งที่สิ้นชีพในยุคก่อนนั่นคืนชีพได้หรือ”

“ตาย!”

ร่างเขาเดี่ยวสวมเกราะเกล็ดนั่นแผดเสียงคำราม สูงหลายร้อยจั้ง ท่อนแขนกำยำดุจหินผา ผิวพรรณเป็นสีสำริด โบกสะบัดขวานยักษ์ในมือ

ตูม!

แสงขวานสีเลือดไร้ใดเปรียบสายหนึ่งฟาดฟันมา กรีดแหวกห้วงอากาศเป็นทางยาว ทรงพลังเหลือคณา สามารถเทียบกับอานุภาพของระดับบรรพจารย์ได้

เยวี่ยตู๋ชิวกระตุ้นน้ำเต้าเปลือกเหลืองในมือ แสงมรรคแรกกำเนิดโหมกระหน่ำพุ่งทะยานออกมา ต้านทานเต็มกำลัง

แต่ชั่วพริบตาทั้งตัวเขาก็ถูกซัดจนกระเด็นลอยออกไป สีหน้าซีดขาว ในแววตาเผยความตื่นตะลึง

พลังของร่างเขาเดี่ยวสวมเกราะเกล็ดนี้น่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการจริงๆ!

หลินสวินกับเซี่ยงเสี่ยวหยวนล้วนเผยอาการตกใจ

มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดอย่างเยวี่ยตู๋ชิว ถึงกับไม่อาจต้านการโจมตีได้ นี่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

หน้าคฤหาสน์สูงนั้นตำราหยกส่องประกาย ส่งเสียงครวญอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันร่างเขาเดี่ยวสวมเกราะเกล็ดก็คำรามดังอสนีบาต โบกสะบัดขวานยักษ์อีกครั้ง แหวกอากาศไปทางเยวี่ยตู๋ชิว

ตูม! ตูม! ตูม!

ทุกการโจมตีล้วนเผด็จการไร้ขอบเขต ดุจเทพเถื่อนดึกดำบรรพ์คลั่งโทสะ หมายทลายฟ้ามลายดิน

เยวี่ยตู๋ชิวพลันตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายหาใดเปรียบ

“ไป!”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนลงมือช่วยทันที ดาบอสนีเขียวชอุ่มดุจใบหลิวโฉบพุ่งออกมา แผ่แสงอสนีบาดตาหลากสายเข้าไปขวาง

แต่ไม่ทันไรนางก็ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ใช่ว่าไม่แข็งแกร่งพอ แต่พลังต่อสู้ของร่างเขาเดี่ยวสวมเกราะเกล็ดนั่นน่ากลัวเกินไป ดุดันยิ่งกว่าบรรพจารย์มรรค!

“พวกเจ้าสองคน ให้ข้าจัดการเองเถอะ”

เห็นว่าทั้งสองคนร่วมมือกันแล้วยังเป็นรอง หลินสวินไม่กล้าประมาท พุ่งโจมตีเข้าไปทันที

ตูม!

เขาโคจรมรรคสิบตำหนักพญายม นิ้วมือราวกับสายฟ้า แต่ละหมัดที่ซัดออกไปล้วนเหมือนเหวลึกพุ่งขวางกลางอากาศ เผยอานุภาพเผด็จการที่ยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุด ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้

แสงขวานดุดันมหึมาหลากสายถูกพลังหมัดซัดเป็นผุยผงอย่างหนักหน่วง ระเบิดออกกลางอากาศ กลายเป็นละอองแสงฟุ้งกระจายดั่งกระแสน้ำ อานุภาพกร้าวแกร่ง พลังทำลายล้างรุนแรง!

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวล้วนอึ้งงัน เมื่อหลินสวินลงมือก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์อันตรายของพวกเขาได้ในคราเดียว ที่น่ากลัวที่สุดคือหลินสวินยังไม่ได้ใช้ศาสตราจักรพรรดิ แค่ใช้กำปั้นคู่หนึ่งก็เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดที่ไม่อาจทำลายได้ ทรงพลังไร้เทียมทาน

“ตาย!”

ชายเขาเดี่ยวสวมเกราะเกล็ดคำรามคลั่ง ร่างกำยำเผยอานุภาพมหามรรคที่เสมือนจับต้องได้เป็นวงๆ เหวี่ยงขวานยักษ์ในมืออย่างต่อเนื่อง

แต่ล้วนถูกหลินสวินใช้พลังสยบพลัง โจมตีสลายไปได้ทั้งสิ้น!

ซ้ำเขายังเยื้องย่างหมายบุกขึ้นบันไดหินนั้นด้วย

หน้าคฤหาสน์ใหญ่ที่แขวนป้ายสำนักเซียนยอดยุทธ์ ตำราหยกขาวดุจหิมะส่งเสียงใสครวญ คล้ายร้อนรนอยู่บ้าง ปลดปล่อยรอยสลักลับมหามรรคเหมือนผืนมหาสมุทรออกมาทันที

ตูม!

ก็เห็นว่าบนบันไดหิน เงาร่างที่ถือทวนสำริดหนึ่งลุกขึ้นมา ร่างผอมบาง ตัวเป็นคนศีรษะเป็นสิงห์ สวมชุดเกราะ ทั่วร่างสาดรัศมีสายฟ้าสีดำแน่นขนัด

เมื่อเขาลุกขึ้น อานุภาพชวนประหวั่นราวกับจะทำลายล้างพลันแผ่กระจาย

“ปลายทวนข้า ดั่งวิญญาณตน!” ร่างสวมชุดเกราะส่งเสียงเยียบเย็น ทวนสำริดในมือแทงออกไป

ตูม!

ห้วงอากาศพลันถูกฉีกทึ้ง เงาทวนสีเลือดที่เจิดจรัสหาใดเปรียบสายหนึ่งพุ่งออกมา ท่ามกลางความรางเลือนมีรัศมีสายฟ้าสีดำหลากสายพันรอบ คล้ายทะลวงตะวันจันทรา ถล่มจักรวาลฟ้าดินได้

เทียบกับอานุภาพของชายเขาเดี่ยวสวมเกราะเกล็ดนั่นแล้วไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร

หลินสวินยังคงออกหมัด ทำลายเงาทวนสีเลือดสายนี้ดังตูม ประกายสายฟ้าสีดำนับไม่ถ้วนล้วนถูกซัดกระจุย เกิดเสียงฟ้าคำรามสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวล้วนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว พวกเขามองออกว่าตำราหยกลึกลับนั่นมีพลังประหลาดที่ทำให้ซากศพพวกนั้นฟื้นคืนชีพได้

ส่วนซากศพที่เหลืออยู่บนบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้นนั้นก็มีนับร้อยนับพัน หากยังตั้งท่าสู้ต่อไปเช่นนี้ ผลลัพธ์ต้องไม่อาจคาดเดาได้แน่!

“พวกเจ้าสองคนรออยู่ที่นี่สักครู่”

เห็นเพียงหลินสวินกล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่งแล้วพุ่งตัวออกไป บุกทะลวงแหวกอากาศขึ้นไปบนบันไดหินนั่น เคลื่อนตัวไปสู่ฟ้าสูง

ตูม!

เขาปลดปล่อยอานุภาพทั้งตัวเต็มกำลัง ดั่งเหวลึกคล้ายเตาหลอม แสงมรรคนับหมื่นแสนไหลวน แฝงอานุภาพราวเขมือบกลืนสรรพทิศ

บันทึกเกิดดับ ทะเลทุกข์ มันดาลา นรกสีดำ… พลังของมรรคสิบตำหนักพญายมก็ถูกเค้นถึงขีดสุด

วู้ม!

เมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกเรียกออกมา ก็เหมือนเปิดประตูทางเข้าแดนนรก พลังกลืนกินที่น่ากลัวไร้ขอบเขตม้วนพัดออกไป เกิดเสียงดังครั่นครืน

ร่างเขาเดี่ยวสวมเกราะเกล็ดนั้นแบกรับไม่อยู่เป็นคนแรก เงาร่างสูงตระหง่านถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งซัดกระจุยโดยตรง ขวานยักษ์ในมือแตกหักไปทีละน้อย กลายเป็นละอองแสงนองเลือดฟุ้งกระจายทั่วฟ้า

ชิ้ง!

เกือบจะเวลาเดียวกัน กระบี่มรรคไร้ก้นบึ้งพุ่งออกมา สำแดงพลังของมรรคพิพากษา ราวกับกระบี่แห่งทัณฑ์สวรรค์เฉือนพิฆาต

ฉัวะ!

เงาร่างที่ถือทวนสำริดถูกปราณกระบี่ผ่าแหวกโดยตรง สลายกลายเป็นธุลี!

กำจัดศัตรูผู้แข็งแกร่งสองคนได้ในชั่วดีดนิ้ว!

เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวล้วนอึ้งงัน

แกร่ง!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

ต่อให้รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินมาก่อน เวลานี้ทั้งสองคนก็ยังถูกทำให้ตกตะลึงเหมือนเดิม

แต่ทั้งสองคนก็รู้ดีว่าพลังมหามรรคที่หลินสวินเผยออกมายามนี้ ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง คล้ายพลังสยบวิญญาณร้ายพวกนั้นตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงทำให้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้

ทว่ายังไม่รอให้เงาร่างหลินสวินเข้าใกล้

พลังกดดันต้องห้ามชวนประหวั่นแผ่ออกมาจากบันไดขั้นแรกนั้นทันที ทำให้เงาร่างของหลินสวินที่เดิมทีพุ่งทะยานขึ้นไปพลันหนักอึ้ง

หลินสวินเลิกคิ้ว บนบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้นนี้มีพลังผนึกชวนตะลึงถึงขีดสุดกระจายอยู่ สามารถกำราบระดับจักรพรรดิได้!

ไม่แปลกที่แม้กลิ่นอายของเหล่าซากศพพวกนั้นจะน่าหวาดกลัว แต่ปีนั้นกลับไม่อาจเหินฟ้าดำดิน ได้แค่เข่นฆ่าและโรมรันอยู่บนบันไดหิน

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่โผนทะยานอีก หากแต่เหยียบบันไดหินขั้นแรก คิดก้าวขึ้นไปทีละขั้น

พลังกดดันต้องห้ามที่ทั้งตัวได้รับเห็นชัดว่าสลายไปมากดังคาด ถึงขั้นสัมผัสการมีอยู่ของมันไม่ได้

บันไดแต่ละขั้นล้วนเรียกได้ว่าเป็นปราการสวรรค์แห่งหนึ่ง กว้างขวางและสูงใหญ่หาใดเปรียบ ยืนอยู่บนนั้นแล้วเหมือนมดปลวกยืนอยู่ในลานธรรมแห่งหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเล็กจ้อยเป็นพิเศษ

แต่เมื่อหลินสวินคิดก้าวไปเบื้องหน้า

ตูม!

ซากศพหลายสิบที่ก่ายกองกันยุ่งบนบันไดหินขั้นแรกนั้น ถึงกับฟื้นคืนชีพจากความเงียบงันชั่วกาลพร้อมกัน มีครบทุกสรรพชีวิต ถือสมบัตินานัปการ ปลดปล่อยอานุภาพน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดออกมา

“เป็นตำราหยกบัดซบนั่น!” เยวี่ยตู๋ชิวโวย โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่บ้าง ด้วยพลังของตำราหยกนั่นทำให้ซากศพบนบันไดหินขั้นแรกนั้นฟื้นคืนชีพแล้ว

“ฆ่า!”

ซากศพที่ฟื้นคืนชีพพวกนั้นพุ่งเข้าใส่หลินสวินแทบจะทันที แต่ละตนกลิ่นอายร้ายกาจ ตัวที่อ่อนแอที่สุดยังทัดเทียมบรรพจารย์ขั้นเก้า ตัวที่แข็งแกร่งเหมือนบรรพจารย์มรรคยิ่งมีเป็นเบือ

พวกสิ่งมีชีวิตน่ากลัวเช่นนี้ลงมือพร้อมกัน ภาพเหตุการณ์นั้นช่างพาให้คนสิ้นหวัง!

หลินสวินยังขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

บันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น แต่ละขั้นล้วนมีซากศพมากมายกระจายอยู่

หากถูกเซ้าซี้ทุกขั้นต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าไม่ต้องรอให้ถึงปลายทางของบันไดหินนั่นก็คงหมดแรงตาย!

ยามใคร่ครวญการต่อสู้ปะทุขึ้นแล้ว

ตูม!

บนบันไดหินขั้นแรก ฟ้าดินมืดครึ้ม อานุภาพชวนประหวั่นนานัปการซ้อนทับ โหมกระหน่ำราวกับภูเขาแสนลูกบีบกดหลินสวินพร้อมกัน

แต่หลินสวินไม่ฝืนปะทะ ทั้งไม่คิดจะร่ำไรแต่แรก เขากระแทกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง หลังจากใช้พลังทั้งหมดทำลายการปิดล้อมแล้วก็พุ่งไปยังบันไดหินขั้นที่สอง

ระหว่างทางซากศพน่าหวาดกลัวพวกนั้นตีขนาบอย่างต่อเนื่อง วางแผนดักสังหารหลินสวินราวกับคลุ้มคลั่ง ไม่ยอมให้เขาก้าวล่วงขึ้นไป

ภาพเหตุการณ์อันตรายหาใดเปรียบเช่นนั้น ทำให้เซี่ยงเสี่ยวหยวนกับเยวี่ยตู๋ชิวอกสั่นขวัญแขวน กังวลใจแทนหลินสวิน

สำหรับผู้ฝึกปราณคนใดก็ตาม ภาพตรงหน้านี้ก็เหมือนแดนมรณะแห่งหนึ่ง นอกเสียจากว่าจะมีพลังที่เหนือกว่าระดับบรรพจารย์ ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิก็ไม่อาจก้าวล่วงได้

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับบุกจู่โจมตัวคนเดียว!

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือภายใต้การจับจ้องของพวกเซี่ยงเสี่ยวหยวน หลินสวินไม่เพียงแต่ตีฝ่าวงล้อม เขายังพุ่งขึ้นไปบนบันไดหินขั้นสองด้วยความเร็วถึงขีดสุด

“ที่แท้เป็นเช่นนี้ บันไดหินนั้นกว้างใหญ่ไพศาลหาใดเปรียบ ซากศพที่กระจายอยู่ในที่นั้นแม้จะมาก แต่สุดท้ายก็ไม่อาจปกคลุมได้ทั้งหมด แค่ฉวยโอกาสพุ่งไปข้างหน้าเต็มกำลัง ก็มีโอกาสสูงที่จะพุ่งขึ้นไปได้”

เซี่ยงเสี่ยวหยวนเข้าใจแล้ว แต่ยังอกสั่นขวัญแขวนเหมือนเดิม ด้วยนางรู้ดีว่าเมื่อการบุกตะลุยของหลินสวินช้าลงแม้เพียงนิด ก็จะตกอยู่ในการปิดล้อมอย่างแน่นหนา ถึงตอนนั้น…

ก็อันตรายเกินไปแล้ว!

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือถึงตอนนั้น แม้แต่จะถอยลงมาก็เป็นไปไม่ได้ ย่อมถูกกักขังอยู่ในนั้นแน่!

“ทำอย่างไรดี ต้องเตือนพี่หลินหรือไม่ ให้เขาถอยลงมาเสียตอนนี้ ไม่อย่างนั้นยิ่งก้าวขึ้นไปสูงเท่าไร ยามคิดถอยลงมาก็ไม่ได้แล้ว”

เยวี่ยตู๋ชิวก็รู้ถึงจุดนี้ สีหน้าจริงจังหาใดเปรียบ

“เจ้าคิดว่าเขามองจุดนี้ไม่ออกหรือ” เซี่ยงเสี่ยวหยวนกล่าว “รอดูก่อนเถอะ ถ้าถึงคราวอันตรายมากจริงๆ ค่อยใช้วิชาก้นหีบบางส่วน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยพี่หลินลงมา”

เยวี่ยตู๋ชิวพยักหน้า

ตูม!

พริบตาที่หลินสวินไปถึงขั้นสอง ซากศพสามสิบกว่าร่างที่กระจายอยู่บนนั้นต่างฟื้นคืนชีพขึ้นมา แผดเสียงคำรามตวาดลั่น พุ่งโจมตีมาทางเขา

กลิ่นอายน่าหวาดกลัวถาโถมแผ่กระจาย หากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป อย่าว่าแต่บุกตะลุยสังหารเลย พริบตาแรกก็คงถูกกำราบอย่างสมบูรณ์ ไร้แรงดิ้นรน!

“หลีก!”

กลับเห็นหลินสวินส่งเสียงตะโกน เงาร่างสูงตระหง่านส่องประกาย หยัดแยกไอสังหารชวนประหวั่นที่ปกคลุมฟ้าดินนั้น เงาร่างดุจสายฟ้าแลบ กระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งให้พุ่งโจมตีไปเบื้องหน้า

ตูม…

เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น พลังซึ่งทัดเทียมกับตอนที่เหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิออกโจมตีเต็มกำลังนั้น แผ่พุ่งกระจายออกไปทั่วบันไดหินขั้นที่สอง

หากอยู่ในโลกภายนอก การโจมตีเช่นนี้ย่อมจมฟ้าดินแห่งหนึ่ง ซัดโลกใบหนึ่งได้อย่างง่ายดายแน่ น่าหวาดกลัวจนไม่อาจจินตนาการ

หลินสวินก็ได้รับผลกระทบนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นก้าวเดินอย่างยากลำบากด้วยเหตุนี้

เพียงชั่วขณะเขาก็ตีฝ่าวงล้อมได้สำเร็จ พุ่งขึ้นไปบนบันไดหินขั้นสามด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ!

………………………