บทที่ 2159

ในขณะที่ซูรั่หลีตื่นต้นดีใจมากๆกับความแข็งแกร่งที่เเฉินมอบให้ตัวเอง ในขณะเดียวกันเธอก็ตกใจกับฐานะการเป็นลูกเขยที่แต่งเข้า
ตระกูลผู้หญิงของเย่เฉิน ตอนนี้เย่เฉินพูดด้วยความเฉยเมย!”ถ้าคุณต้องการอะไร ก็พูดกับเฉินจื่อข่ายได้เลย เขาจัดการทุกอย่างให้คุณได้ ฉัน
ขอตัวไปก่อนนะ”

ซูรั่วหลีรีบพูดทันที:”คุณชายเย่ ฉันจะไปส่งคุณ!”

ซูรั่วหลีส่งเย่เฉินถึงหน้าประตูห้อง เย่เฉินก็พูดว่า:”คุณส่งแค่นี้ก็พอแล้ว”

ซูรั่วหลีพยักหน้าด้วยความเคารพ และโค้งคำนับ พูดด้วยความซาบซึ้ง:”คุณชายเย่ ขอบคุณมากๆ!”

เย่เฉินยิ้มเบาๆ:”ไม่ต้องเกรงใจ”

เมื่อพูดจบ เขาก็เดินจากไปทันที

ซูรั่วหลีมองเย่เฉินกำลังเดินออกจากโซนเอ็กเซ็กคูที่ฟที่ตัวเองพักอยู่ ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนก

หลังจากปิดประตูห้อง เธออดไม่ได้ที่จนบ่นพื้มพำ:”คุณชายเย่เป็นคนที่มีพลังวิเศษจริงๆ คุณแม่และคุณปู่พาฉันฝึกฝนอย่างหนักมาหลาย
ปี และพวกเขาก็ไม่เคยทำให้ฉันแข็งแกร่งขนาดนี้เลย แม้แต่คุณปู่ของตัวเอง ยังไม่สามารถทำให้เส้นลมปราณเริ่นและเส้นลมปราณตูเปิดกว้าง
ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แต่เรื่องทั้งหมดนี้สำหรับคุณชายเผ่ มันเป็นสิ่งที่เขาทำได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคุณชายเย่ ชั่วชีวิต
ของฉัน ฉันก็คงทำมันไม่สำเร็จอย่างแน่นอน…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของซูรั่วหลีก็เต็มไปด้วยน้ำตา

คนของตระกูลเหอล้วนแล้วแต่เป็นชอบฝึกฝนวิชา

ทั้งชีวิตของพวกเขาคือการเป็นยอดฝืมือเต๋าบู๊

คุณปู่ของซูรั่วหลี ความหวั่งสูงสุดของเขาคือการปิดลมปราณเส้นสี่ให้ได้ และทำให้ตระกูลเหอกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

แต่น่เสียดาย ตอนนี้เขาอยู่ในวัยชราอายุแปดเก้าสิบปีแล้ว แต่ก็ยังหาวิธีเปิดเส้นลมปราณไม่ได้ หลายปีที่ผ่านมาด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงเรื่อยๆอย่างควบคุมไม่ได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเส้นลมปราณที่สี่อีกแล้ว

เดิมที่เหออิงซิ่วที่เป็นแม่ของซูรั่วหลี เป็นคนมีความสามารถที่สุดในตระกูลเหอ เธออายุยั่งน้อยอยู่ แต่เธอก็ใกล้จะเปิดเส้นลมปราณที่สาม
แล้ว

ในเวลานั้น คุณปู่เคยพูดว้ ภาในเวลาห์าปีเหออิงซิ่วจะสามรถปิดเส้นลมปราณได้อย่างแน่นอน เธอจะกลายเป็นคนแรกของตระกูลเห
อที่สามารถปิดเส้นลมปราณที่สามได้ก่อนอายุสามสิบปี และในร้อยปีมานี้ไม่เคยมีคนของตระกูลเหอทำได้มาก่อน

แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของเธอ เธอได้ช่วยชีวิตซูโสว่เต้าไว้และทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือ
เพื่อช่วยซูโสว่เต้าไว้ ทำให้เธอแขนขาดไปข้างหนึ่ง

ในนนิยายกำลังภายใน เคยมีจอมยุทธ์แขนเดียว อย่างเช่นพระภิกษุณีเจ้าหญิงฉางผิง และชีโร่นกอินทรีหยางกั๋ว
คนพวกนั้นแล้วแต่เป็นตัวละครในนวนิยาย และมันไม่ใช่ความจริง

สำหรับยอดฝีมือพลังภายใน ไม่สามารถเดินเหินกลางอากาศและต่อยคนจนบาดเจ็บผ่านอากาศได้ พวกเขาอาศัยพลังภายในและพลัง
ภายนอกและการฝึกฝนอย่างหนัก

พลังภายในของยอดฝีมือกั๋งฟูภายในจะฝึกฝนให้แข็งแกร่งมากแค่ไหน การทำลายคู่ต่อสู้นั้นก็จำเป็นต้องใช้มือและเท้า
กูลเหอ

ถ้าแขนหรือขาขาดไปข้างหนึ่ง ความแข็งแกร่งก็จะหายไปหนึ่งในสี่

นี่ยังไม่ร่วมความคล่องแคล่วของร่างกายด้วย

อันที่จริง ถ้าคนๆหนึ่งแขนขาดไปข้างหนึ่ง ความแข็งแกร่งของแขนอีกข้างหนึ่งจะลดลง และทำให้ความคล่องแคล่วลดลงไปด้วย
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเหออิงซิ่วจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านเต่าบู๊มากๆ แต่พรสวรรค์ไม่สามารถชดเชยความบกพร่องของร่างกายได้ ดังนั้น
ความแข็งแกร่งของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย

พูดได้ว่า ความหวั่งที่จะทำให้ตระกูลเหอกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ขึ้นอยู่กับซูรั่วหลีเพียงคนเดียว

ถึงแม้เธอจะใช้นามสกุลซู แต่คนในตระกูลเหอไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนนอกเลย

เธอมีเลือดเนื้อของตระกูลเหอ และเติโตที่ตระกูลเหอ และฝึกฝนมวยสิงอี้เฉวียนของตระกูลเหอด้วย ด้งนั้นเธอก็คือลูกหลานของตระ
ตอนนั้นที่เหออิงซิ่วอุ้มท้องเก้าเดือนและคลอดชูรั่วหลีออกมา ความคิดแรกของเหอหงเซิ่งที่เป็นผู้นำตระกูลเหอคือให้เด็กที่คลอดออกมา
ใช้นามสกุลเหอ

เนื่องจากเธอเป็นลูกนอกสมรสของซูโสว่เต้า ตระกูลเหอก็ไม่ยอมให้ซุโสว่เต้ารู้เรื่องนี้ด้วย ให้เธอใช้นามสกุลเหอก็สมเหตุสมผลและเป็น
เรื่องปกติ

แต่เหออิงซิ่วยืนยันว่าจะให้เด็กคนนี้ใช้นามสกุลซู

เหตุผลที่ทำอย่างนี้ เพราะเหออิงซิ่วยังมีความรักต่อชูโสว่เต้าอยู่

เธอรู้สึกว่า ถึงแม้ตัวเองจะแอบคลอดลูกของซูโสว่เต้าออกมา และไม่บอกเรื่องนี้ให้ซุโสว่เต้าทราบ แต่ด้วยความเคารพที่เธอมีต่อซูโสว่เต้า
เธอต้องการให้เด็กคนนี้ใช้นามสกุลซู

เหอหงเซิ่งที่เป็นพ่อของเหออิงซิ่ว เปลี่ยนความคิดของเหออิงซิ่วไม่ได้ สุดท้ายเขาก็จำยอม

แต่เหอหงเซิ่งก็มีข้อแม้หนึ่งข้อคือ ชูรั่หลีไม่ใช้นามสกุลเหอได้ ถ้าในอนาคตชูรั่วหลีคลอดลูกออกมา ต้องมีลูกคนหนึ่งที่ต้องใช้นามสกุล
เหอ