ในโถงแสงไฟสว่างไสว บรรยากาศกลับอึมครึมเล็กน้อย

“เพียงแค่จัดการหลินสวินคนเดียวเท่านั้น ผู้อาวุโสทุกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก รอสมรภูมิทวยเทพปรากฏก็คือวันตายของเขา”

ชายหนุ่มคนหนึ่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ท่าทางนักเลง ผมสีเทาทั้งหัวพลิ้วไหว มุมปากเหยียดเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

หนานเทียนเจิง!

บุคคลชั้นยอดที่มีชื่อเสียงอย่างมากในระดับมกุฎจักรพรรดิแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด

ตอนที่หลินสวินยังไม่ได้มาถึงเมืองจรดฟ้า เขาก็ประกาศกับโลกภายนอกว่า ขอเพียงหลินสวินกล้าปรากฏตัวในโบราณสถานทวยเทพ จะสังหารเขาให้สิ้น!

“หลานชาย เจ้าหมอนี่สามารถขึ้นไปอยู่ในร้อยอันดับแรกบนกระดานเร้นลับได้ จะจัดการง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร อย่าลืมว่าภายใต้น้ำมือเขา มีบรรพจารย์มรรคตายไปแล้วไม่รู้กี่คน”

ชายที่ท่าทางอ่อนโยนคนหนึ่งยิ้มเบาๆ เขานามว่าอวิ๋นหลันเฟิง มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลอวิ๋น ตามลำดับความอาวุโสแล้ว นับว่าเป็นรุ่นพ่อของอวิ๋นมู่เจอ

“หากใช้ไพ่ตาย ข้าก็สามารถทำได้ถึงขั้นนี้”

หนานเทียนเจิงยิ้ม ในสายตาเผยประกายคมที่เย็นเยียบรุนแรงราวกับคมดาบ

“เช่นนั้นก็ตามนี้แล้วกัน ตอนที่สมรภูมิทวยเทพปรากฏ พวกเราสี่ตระกูลต่างส่งกองกำลังหนึ่งออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่าเจ้าหมอนี่ซะ จะให้วาสนาบนตัวเขาถูกคนอื่นได้ไปไม่ได้เด็ดขาด”

หนานหย่งเชียงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

พวกกู้ปั้นจวง อวิ๋นหลันเฟิงต่างพยักหน้า

……

“ปฏิเสธหรือ”

ขณะเดียวกัน ในเรือนที่เก่าแก่ยิ่งใหญ่อีกแห่งในเมือง

เฒ่าชราผมขาวคนหนึ่งอดประหลาดใจไม่ได้

“ใช่ เดิมทีข้าคิดว่าหลินสวินมาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา ไม่รู้พลังของตระกูลฝูในโลกยอดนิรันดร์ แต่ภายหลังจึงพบว่า เขารู้อยู่แก่ใจ แต่ยังคงปฏิเสธ”

ชายชุดแพรที่ก่อนหน้านี้เคยปรากฏตัวหน้าศิลาศึกข้ามแดนและเชิญชวนหลินสวินขมวดคิ้วพูดอยู่ข้างๆ “ข้าสงสัยว่าเขาอยากจะเพิ่มค่าตัว ดูว่ายังมียักษ์ใหญ่อมตะอื่นต้องการเชิญเขาอีกหรือไม่”

เฒ่าชราผมขาวยิ้ม เอ่ยว่า “เพิ่มค่าตัวหรือ คนที่สามารถฝากชื่อในร้อยอันดับแรกบนกระดานเร้นลับได้ไม่ใช่สินค้าหรอกนะ ไม่สามารถวัดด้วยมูลค่าได้”

ชายชุดแพรกล่าว “ผู้อาวุโส ในเมืองกำลังลือกันว่าสี่ตระกูลตงหวงล้วนหมายจะฆ่าเจ้าหมอนี่ในสมรภูมิทวยเทพ เท่าที่ข้าดู บนตัวเจ้าหมอนี่มีปัญหาไม่น้อยเชียว หากพวกเรายังไปเชิญชวน กลับเป็นไปได้สูงว่าจะล่วงเกินตระกูลตงหวง”

เฒ่าชราผมขาวขมวดคิ้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป เอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าตระกูลฝูของเรา แม้แต่สุนัขสี่ตัวภายใต้อาณัติตระกูลตงหวงก็ยังล่วงเกินไม่ไหวหรือ”

ชายชุดแพรเหงื่อท่วมตัวทันที รีบพูดว่า “ไม่กล้า ข้าเพียงรู้สึกว่าเพื่อหลินสวินคนเดียวก็ทุ่มเทขนาดนี้ ไม่คุ้มไปหน่อยหรือไม่”

เฒ่าชราผมขาวคิดๆ แล้วเอ่ยว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง หากเจ้าหมอนั่นสามารถรอดออกจากสมรภูมิทวยเทพได้ ข้าจะไปพบเขาด้วยตัวเอง”

……

เช้าวันถัดมา

หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ อารมณ์สดชื่น

การต่อสู้และเข่นฆ่าในช่วงหลายปีมานี้ทำให้เขาไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนตอนนี้มานานแล้ว

“หลินสวินเจ้าอยู่อันดับที่เท่าไหร่กันแน่ บอกมา บางทีข้าอาจจะสามารถคลี่คลายปัญหาให้เจ้าได้บ้าง” จู่ๆ นกกระจอกเขียวก็พูดขึ้น

มันทนมาทั้งคืนไม่ได้ถาม ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

หลินสวินอึ้ง เอ่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “ความสูงต่ำของอันดับสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ”

นกกระจอกเขียวพูดอย่างไม่อภิรมย์ “แม้แต่ตระกูลฝูยังเป็นฝ่ายมาเชิญเจ้าก่อน เจ้าคิดว่าการที่มีชื่ออยู่ในร้อยอันดับแรกบนกระดานเร้นลับได้เป็นเรื่องปกติหรือ ไร้สาระ รีบพูดมา ในเมืองจรดฟ้า ตระกูลหยวนของข้าก็มีอิทธิพลเช่นกัน บางทีอาจจะช่วยเจ้าได้”

เห็นชัดว่านกกระจอกเขียวคิดจะใช้พลังของตระกูลหยวนคลี่คลายปัญหาให้หลินสวิน

“นกกระจอกเขียว หากเจ้าอยากช่วยข้าจริงก็ไม่ต้องไปรบกวนตระกูลหยวน”

กลับเห็นหลินสวินพูดอย่างจริงใจ “โดยเฉพาะความลับบางอย่างของข้า เจ้าล้วนเห็นไปแล้ว แต่ข้าไม่อยากให้คนอื่นที่นอกจากเจ้ารู้”

หลายปีมานี้ด้วยการชี้แนะของนกกระจอกเขียว ทำให้เขาประหยัดเวลาและเรี่ยวแรงไปมาก และช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงสถานที่อันตรายได้มากมาย ในใจจึงเห็นนกกระจอกเขียวเป็นเพื่อนนานแล้ว

เห็นชัดว่านกกระจอกเขียวประหลาดใจมาก เงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่อยากช่วยเจ้า หากเจ้าไม่เต็มใจเช่นนั้นก็ช่างเถอะ”

หลินสวินยิ้มพูด “เจ้ามีความตั้งใจนี้ก็เพียงพอแล้ว”

ว่าพลางเขาก็บอกอันดับของตนกับนกกระจอกเขียว

ทันใดนั้นนกกระจอกเขียวเหมือนถูกฟ้าผ่า ตาค้างไปโดยตรง อึ้งอยู่ตรงนั้น ท่าทางยากจะเชื่อและตื่นตะลึง งุนงงไปหมดแล้ว

ครู่ใหญ่มันจึงกระพือปีกตะโกนว่า “วิปริต เหตุใดข้าจึงมาเจอคนวิปริตอย่างเจ้าได้ สวรรค์ อันดับนี้หากถูกเผ่าเทพนิรันดร์รู้เข้า เกรงว่าก็คงนั่งไม่ติดกระมัง”

นกกระจอกเขียวเสียอาการอย่างชัดเจน หลินสวินเห็นแล้วพูดไม่ออก แค่อันดับเท่านั้น ก็มีพลังขนาดนั้นเชียวหรือ

หากตนบอกมันว่า อันดับนี้เป็นผลลัพธ์ที่วัดออกมาหลังจากตัดพลังพรสวรรค์ มัน… จะมีสีหน้าอย่างไร

หลินสวินยิ้มส่ายหน้าแล้วเดินออกนอกโรงเตี๊ยม “ข้าจะไปเดินเล่นในเมือง เจ้าจะไปหรือไม่”

นกกระจอกเขียวพึมพำราวกับวิญญาณหลุดลอย “เจ้าไปเถอะ ข้าต้องการสงบจิตใจ ระงับความตกใจก่อน… ไม่อย่างนั้นหัวใจจะรับไม่ไหว…”

หลินสวินอึ้งไป ลูบจมูกป้อยๆ แล้วยกเท้าจากไปเพียงลำพัง

“จะไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลดีหรือไม่…”

มองหลินสวินจากไป นกกระจอกเขียวพลันลังเลสุดขีด สายตาเดี๋ยววาบเดี๋ยวอึมครึมไม่สามารถสงบได้

อันดับของหลินสวินบนกระดานเร้นลับทำให้คนหนังหัวชาวาบจริงๆ ถึงขั้นยังไม่กล้าเชื่อ มันรู้ดีว่าถ้าให้ตระกูลหยวนเชิญตัวหลินสวินเข้าตระกูลไป ก็ไม่ต่างอะไรกับการเก็บสมบัติไร้เทียมทานได้อย่างแน่นอน!

ต่อไปหากเขาก้าวขึ้นมรรคาอมตะ… มีเขากำลังของเขาสนับสนุน ยังถึงขั้นสามารถทำให้ฐานะและบารมีของตระกูลหยวนก้าวกระโดดขึ้นอีกช่วงใหญ่!

นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริง

ไม่เห็นหรือว่าแค่อยู่ร้อยอันดับแรกบนกระดานเร้นลับ ก็ดึงดูดยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลฝูแห่งน่านฟ้าที่แปดมาเชื้อเชิญแล้ว

หากอยู่ในสิบอันดับแรกเล่า

ความหมายนั้นแตกต่างโดยสมบูรณ์ อย่าว่าแต่ตระกูลฝู เกรงว่ายักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดเหล่านั้นยังล้วนแตกตื่น เข้าแย่งชิงกัน!

แม้แต่เผ่าเทพนิรันดร์ที่ยึดครองอาณาเขตในน่านฟ้าที่เก้ามาโดยตลอด หากรู้เรื่องนี้ก็คงหวั่นไหว!

เพราะหลินสวิน อยู่อันดับที่เก้า!

นึกถึงอันดับนี้ ในใจนกกระจอกเขียวไม่สามารถสงบได้อย่างสิ้นเชิง นี่หากกระจายออกไป ทั้งเมืองจรดฟ้าคงเกิดความฮือฮาล้นฟ้า!

“หากคุณหนูอยู่ที่นี่จะดีแค่ไหน…”

ครู่ใหญ่นกกระจอกเขียวอดคร่ำครวญไม่ได้ ความรู้สึกนั้นเหมือนค้นพบขุมทรัพย์ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง แต่กลับไม่มั่นใจว่าจะสามารถครอบครองได้หรือไม่ สับสนเกินไปแล้ว

……

ในขณะที่นกกระจอกเขียวกำลังสับสน หลินสวินกำลังเดินเที่ยวอยู่ในเมืองอย่างสบายอารมณ์ ผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เมืองจรดฟ้าคึกคักและรุ่งเรือง

สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกยอดนิรันดร์ได้ทุกแห่งหน มีเผ่าที่รูปลักษณ์แปลกประหลาดต่างๆ ไม่ว่าพลังปราณจะสูงต่ำล้วนอยู่สบายไร้ทุกข์

มีการบารมีของเฮ่าเทียนวิญญาณระเบียบอยู่ ต่อให้เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิก็ไม่กล้าใช้วิชายุทธ์โดยพลการ นี่ทำให้บรรยากาศในเมืองสงบสุขอย่างมาก สถานการณ์สันติและเจริญรุ่งเรือง

และทำให้หลินสวินทอดถอนใจอยู่หลายครั้งอย่างอดไม่ได้

สิ่งมีชีวิตบนโลกไม่ว่าพลังปราณจะสูงต่ำ ไม่ว่าชาติกำเนิดจะเป็นอย่างไร หากทำตามกฎและระเบียบ มีหรือจะเกิดความปั่นป่วนและนองเลือดมากขนาดนั้น

อย่างเมืองจรดฟ้า เพราะมีเฮ่าเทียนอยู่ ใครจะกล้าก่อเรื่องโดยพลการ

ในใจหลินสวินค่อยๆ เกิดความคิดขึ้นมากมาย

เขามีพลังระเบียบไม่น้อย แต่ความเข้าใจในพลังนั้นกลับแทบเป็นศูนย์

แต่ตอนนี้เห็นตัวตนเช่น ‘เฮ่าเทียน’ ทำให้เขาตระหนักได้ว่า การดำรงอยู่ของพลังระเบียบ ไม่ได้เรียบง่ายแค่การใช้เป็นวิธีต่อสู้อย่างหนึ่งเท่านั้น

ในนั้นยังเกี่ยวพันถึงนัยเร้นลับแก่นแท้ของการโคจรของโลกแห่งหนึ่ง!

จู่ๆ หน้าหอสุราแห่งหนึ่งในไกลๆ มีเสียงก่นด่าดังขึ้น

“รีบไสหัวไป! เจ้าขอทาน นี่หากไม่ใช่เมืองจรดฟ้า ข้าคงฆ่าเจ้าไปไม่รู้กี่ร้อยพันรอบแล้ว!” ผู้ดูแลคนหนึ่งตวาดด่าผรุสวาท

ข้างๆ เขา เงาร่างที่เสื้อผ้าเลอะเทอะ เผ้าผมรุงรัง ใบหน้ามอมแมมร่างหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ตะโกนว่า “เหล้า เหล้า ให้ข้าดื่มเหล้าข้าก็จะไป!”

หลายคนบริเวณนั้นต่างเข้ามาดูความครื้นเครง

“ว่ากันว่าเดิมทีคนผู้นี้เป็นพวกที่พลังปราณสูงส่งลึกล้ำ แต่ไม่รู้ผ่านด่านเคราะห์อย่างไรมา ทำให้สภาวะจิตเกิดปัญหาหนัก มรรควิถีทั้งหมดถดถอย กลายเป็นคนไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง บ้าๆ บอๆ”

“เฮ้อ เส้นทางแห่งมหามรรคยากลำบากและอันตรายเพียงใด ดูจากสภาพของเขา ข้าเองก็อดซึมไม่ได้”

“เจ้าอย่าสงสารเขาเชียว เจ้าหมอนี่แม้จะบ้าไปแล้ว แต่ความต้องการไม่น้อยเลย เหล้าทั่วไปไม่สามารถเข้าตาเขาได้ จะต้องดื่ม ‘จอกล่องธารไหล’ เหล้าชั้นเลิศที่ ‘หออุดมทรัพย์’ หมัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าจอกล่องธารไหลจอกเดียวราคาเท่าไหร่ ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลสามพันก้อนเชียวนะ! หนึ่งกา อย่างน้อยก็ต้องใช้ผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งแสนก้อน!”

“เอ๋ ขอทานนี่กินของแพงจริงๆ”

ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ขอทานที่เผ้าผมรุงรังใบหน้ามอมแมม มีทั้งเวทนา ทั้งเย้ยหยันและล้อเลียน

“ขืนเจ้ายังไม่ไปอีก ข้าจะเตะเจ้าออกไป!”

หน้าหอสุรา ผู้ดูแลสีหน้าไม่น่าดู ปวดหัวมาก

ในเมืองจรดฟ้าแห่งนี้ไม่สามารถลงมือได้จริงๆ ทำให้เขาทำอะไรขอทานบ้าคนนี้ไม่ได้

“ข้าดื่มแค่จอกเดียว จอกเดียวเท่านั้น” ขอทานพึมพำ เผยความเว้าวอน

“จอกเดียวหรือ นั่นมันสามพันผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งเชียวนะ เจ้ามีเงินไหม” ผู้ดูแลพูดอย่างไม่สมอารมณ์ โมโหเดือด

คนบ้านี่จะปรากฏตัวหน้าหอสุราเป็นระยะๆ หลายปีมานี้กลายเป็นภาพหนึ่งในเมืองไปแล้วชวนให้คนปวดหัวยิ่ง

“เจ้าไปกับข้า ข้าจะให้เหล้าเจ้าดื่ม”

ทันใดนั้นเงาร่างที่สูงสง่าหนึ่งเดินมา คุกเข่าลงเอ่ยพูดอย่างอ่อนโยน สายตาแฝงความซับซ้อนที่ยากปกปิด

“หลินสวิน!?”

เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นนบริเวณนั้น ทำให้เกิดความฮือฮาขึ้นทันที ทุกสายตาต่างมองไปยังเงาร่างสูงสง่าที่คุกเข่าอยู่หน้าขอทาน เต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกใจ

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จนตอนนี้ยังอื้ออึงอยู่ในเมือง ฮือฮาอย่างที่สุด ใครจะจำไม่ได้ว่าเจ้าของร่างนี้ก็คือพวกร้ายกาจยิ่งยวดที่มีชื่ออยู่ในร้อยอันดับแรกของกระดานเร้นลับ

ผู้ดูแลที่เดิมทีจะเตะขอทานออกไปก็หุบปากทันที ประหลาดใจยิ่งยวด

บรรยากาศเงียบลงโดยพลัน

บนพื้น ขอทานที่ผมเผ้ารุงรังใบหน้ามอมแมมตะโกน “ข้าดื่มแค่จอกล่องธารไหล”

หลินสวินพยักหน้า “ได้”

“ข้าจะดื่มหนึ่งกา ไม่ สิบกา!” ขอทานพูดต่อ ท่าทางเหมือนจับคนโง่ให้หลอกได้ ก็หมายจะสูบเลือดสูบเนื้อให้หนักสักหน

แม้แต่ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นยังทนดูไม่ไหว ท่าทางเช่นนี้ไม่น่าดูเกินไปแล้วกระมัง

เกรงว่าเขาคงไม่รู้ ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงพวกร้ายกาจที่ชื่อเสียงกึกก้องในแดนใหญ่พันศึก!

แม้แต่ผู้ดูแลยังอดพูดอย่างขุ่นเคืองไม่ได้ “เจ้าเฒ่า อย่างเจ้าทำตัวไม่รู้ดีชั่วเลย เจ้า…”

ไม่รอพูดจบก็ถูกหลินสวินโบกมือตัดบท

กลับเห็นหลินสวินก้มหน้า มองขอทานที่ท่าทางสติไม่ดีด้วยสีหน้าจริงจัง เอ่ยพูดว่า

“ขอแค่เจ้าไปกับข้า อย่าว่าแต่สิบกา ร้อยกาพันกา ข้าก็จะให้เจ้าดื่มให้พอ”

……………….