The king of War บทที่ 2253 เขาต้องตาย
“หืม?”
ผู้อาวุโสรองของสำนักเทียนไห่รู้สึกถึงออร่าที่เพิ่มขึ้นบนร่างกายของหยางเฉินจึงขมวดคิ้วแน่น
เขาประหลาดใจมากที่หยางเฉินไม่ตายจากการโจมตีของเขา แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดไปกว่านั้นก็คือหยางเฉินมีวิธีที่จะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้
แสงประกายวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสรอง เขาแอบคิดอยู่ในใจว่าหากเขามีวิธีการฟื้นพละกำลังของตนเหมือนหยางเฉิน เขาคงจะอยู่ยงคงกระพันได้ด้วยแดนนภาขั้นหกชั้นยอดของขาสินะ?
“ผู้อาวุโสรอง คุณหยางเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญจากอาจารย์ของม คุณช่วยปล่อยเขาไปได้หรือไม่ เพื่อเห็นแก่อาจารย์ของผม?”
จู่ ๆ หลิวชิ่งก็ขอร้อง
ยิ่งความแข็งแกร่งของหยางเฉินแกร่งขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหยางเฉินมากขึ้น การได้สนิทสนมกับคนเช่นนี้จะเป็นประโยชน์กับเขา ไม่มีผมเสียใด ๆ
ม่อชิงซิวจ้องมองที่ผู้อาวุโสรองด้วยดวงตาที่ไม่แยแส เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผู้อาวุโสรอง คุณหยางเป็นแขก ถ้าสิ่งที่คุณทำในวันนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จะไม่กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียต่อสำนักเทียนไห่ของเราเหรอ? นี่ไม่ใช่วิธีการต้อนรับแขกของสำนักเทียนไห่”
“ม่อชิงซิว แกคิดว่าแกเป็นใครกั? อาจารย์ของข้าจะทำอะไร ต้องใหแกมาชี้นิ้วบอกเหรอ?”
เหอตงเฉิงไม่พอใจม่อชิงซิวมานานแล้ว จึงตะโกนใส่ม่อชิงซิวทันที
ม่อชิงซิวจ้องมองไปที่เหอตงเฉิงอย่างเย็นชา พูดว่า “นายน่าจะเร่งการระดับฝึกฝนของตัวเองให้พัฒนาขึ้นบ้างนะ ไม่อย่างนั้นอาจตายในสนามแข่งขันของสำนักครั้งหน้าได้”
“ถ้าไม่ถึงแก่ชีวิตก็น่าจะได้รับบาดเจ็บปางตาย และถ้าส่งผลต่อทักษะพื้นฐาน ในฐานะศิษย์ของผู้อาวุโสรอง คาดว่าคงไม่อาจต้านได้แม้แต่พวกรุ่นน้อง”
สีหน้าของเหอตงเฉิงแข็งทันที ม่อชิงซิวพูดไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่าถ้าเขายังพูดเรื่องไร้สาระอีก จะทำการท้าทายตนในการแข่งขันสำนักต่อไป
สิ่งที่ม่อชิงซิวพูดตอนนี้กำลังบอกเขาอย่างไม่ต้องสงสัยว่าการแข่งขันสำนักครั้งต่อไปจะท้าทายเขา
เดิมทีคนที่ต้องการตำหนิม่อชิงซิวตามเหอตงเฉิง แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นออกมา เพราะกลัวว่าเขาจะถูกม่อชิงซิวอาฆาตแค้นท้าดวล
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา แม้ว่าม่อชิงซิวจะไม่ท้าสู้กับพวกเขา แต่ม่อชิงซิวก็มีน้องสาวที่มีความสามารถด้านบูโดมากเช่นกัน
หากม่อชิงซิวต้องการท้าดวล ชะตากรรมของพวกเขาคงน่าสังเวชมาก
เมื่อเห็นม่อชิงซิวมาข่มขู่ศิษย์ของตนต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ ผู้อาวุโสรองก็ขมวดคิ้วเหล่ตาไปที่ม่อชิงซิว พูดว่า “ม่อชิงซิว นายจะหยิ่งผยองมากไปแล้วนะ ยังไม่ทันจะเข้าสู่สมาคมผู้อาวุโสของสำนักเทียนไห่ก็เบ่งไปทั่วแล้ว ในอนาคตถ้าเข้าสมาคมคงจะไม่เห็นเราผู้อาวุโสในสายตาสินะ?”
คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความสง่าน่าเกรงขาม
ม่อชิงซิวพูดด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “ผมไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมสมาคมผู้อาวุโส ดังนั้นผู้อาวุโสรองจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกนะครับ”
ในฐานะศิษย์ของหัวหน้าสำนัก เขามีโอกาสที่จะเข้าร่วมสมาคมผู้อาวุโสในอนาคตขฌ ม่อชิงซิวยังอายุน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเป็นไปได้แน่นอนว่าเขาสามารถเข้าร่วมได้
แต่เขากลับต่อหน้าทุกคนว่าเขาไม่สนใจที่จะเข้าสมาคมผู้อาวุโส
ศิษย์ของสำนักเทียนไห่ทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เพราะสำนักเทียนไห่ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักชั้นนำในโลกบู๊โบราณกลาง ฐานะผู้อาวุโสนั้นสูงมาก
อาจกล่าวได้ว่าการเป็นผู้อาวุโสของสำนักเทียนไห่เทียบเท่ากับการเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโลกบู๊โบราณ
และในโลกบู๊โบราณนี้จจ มีกี่คนกันที่ไม่อยากเป็นผู้อาวุโสของสำนักเทียนไห่?
แน่นอนว่าทุกคนอยากได้โอกาสนี้
ด้วยความสามารถของม่อชิงซิว เขาจะมีสิทธิ์เข้าร่วมสมาคมผู้อาวุโสในอนาคตอย่างแน่นอน แต่เขาประกาศต่อสาธารณชนว่าเขาจะไม่เข้าร่วม
แค่คิดก็รู้ว่ามีคนมากมายขนาดไหนตกใจกับคำพูดของเขา
ดวงตาของผู้อาวุโสรองเย็นชาขึ้นกว่าเดิม ม่อชิงซิวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการเผชิญหน้ากับเขา
แม้จะไม่พอใจเรื่องนี้มากนัก แต่เขาก็เพียงมองม่อชิงซิวอย่างเย็นชา จากนั้นดวงตาของเขาก็ประสานเข้ากับหยางเฉิน
ตอนนี้หยางเฉินกำลังนั่งขัดสมาธิ พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้หายจากอาการบาดเจ็บนี้
“อืม?”
ผู้อาวุโสรองรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าอาการบาดเจ็บของหยางเฉินดูเหมือนจะหายดีแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้หยางเฉินดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะแห่งการรู้แจ้ง
“สถานการณ์แบบนี้ เขายังมีจิตใจที่จะบ่มเพาะอีกเหรอ?”
ผู้อาวุโสรองตกใจ
เมื่อเขามองไปที่หยางเฉินอีกครั้ง ความตกใจในดวงตาก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆญญ
ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกเสียใจที่ทำให้หยางเฉินต้องขุ่นเคือง
บูโดอัจฉริยะที่มาจากโลกมนุษย์คนนี้มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา ในโลกบู๊โบราณอาจไม่มีใครเทียบกับเขาได้
ลมหายใจบนร่างกายของหยางเฉินแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้สึกเหมือจะทะลวงแดนได้ทุกเมื่อ
เจตนาสังหารอันแพรวพราวฉายขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสรอง แต่เพราะทำให้เขาขุ่นเคืองไปแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้คือฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่เล็ดลอดออกมาจากผู้อาวุโสรองภด ท่าทีม่อชิงซิวก็ชะงักลง เขารีบไปยืนอยู่ข้างหน้าหยางเฉิน สายตามองไปที่ผู้อาวุโสรองอย่างเย็นชาและพูดว่า “ทำไมครับ? ผู้อาวุโสรองได้เห็นทักษะของคุณหยางแล้ว พบว่าเขาเป็นบูโดอัจฉริยะไม่ธรรมดา จึงต้องการฆ่าเขา?”
“ไร้สาระ!”
ผู้อาวุโสรองตะโกนด้วยความโกรธ
แม้ว่าม่อชิงซิวจะเห็นว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ควรพูดออกมาในที่สาธารณะเช่นนี้ จะไม่เป็นการทำให้ผู้อาวุโสรองของสำนักเทียนไห่เสียหน้าหรือ?
ม่อชิงซิวเย้ยหยันว่า “ถ้าต้องการฆ่าคุณหยางก็ได้! แต่ผู้อาวุโสรองต้องฆ่าผมไปก่อน!”
“เช้ง”
ดาบยาวปรากฏขึ้นในมือของม่อชิงซิวจากอากาศอันเบาบาง
ศิษย์ของสำนักเทียนไห่ทุกคนตกตะลึง
ม่อชิงซิวต้องการที่ประลองดาบกับผู้อาวุโสรองเพราะชายหนุ่มที่เขาเพิ่งพบ?
ร่องรอยของความกังวลลึก ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของม่อชิงซิว
แม้ว่าม่อชิงซิวจะทรงพลังและได้รับความสำคัญจากหัวหน้าสำนัก แต่เขาก็ไม่มีคุณสมบัติจะไปยั่วยุผู้อาวุโสรอง
เพราะถ้าเขาทำแบบนี้ ต่อให้ผู้อาวุโสรองจะฆ่าเขาจริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลในสายตาหัวหน้าสำนัก
ผู้อาวุโสรองตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาไม่เคยคาดคิดว่าม่อชิงซิวจะทำแบนี้
ณ เวลานี้ หยางเฉินดูเหมือนจะตัดขาดทุกสิ่งจากโลกภายนอก เขายังคงอยู่ในสถานะแห่งการรู้แจ้ง ออร่าการต่อสู้บนร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีแค่ศิษย์ธรรมดาเท่านั้นที่มองไม่ออก และมีเพียงผู้อาวุโสรองกับม่อชิงซิวเท่านั้นที่รู้ว่าหยางเฉินอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการบ่มเพาะ
สถานะของการรู้แจ้ง สำหรับนักบูโดไม่อาจใช้การต่อสู้ใด ๆ มาแทนได้
หยางเฉินแข็งแกร่งถึงขนาดกล้าท้าแดนนภาขั้นห้าแล้ว ถ้าเขาได้เลื่อนขั้นอีกจะไม่เทียบกับนักบู๊แดนนภาขั้นหกหรือ?
ตอนนี้ม่อชิงซิวได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ
จิตสังหารในใจของผู้อาวุโสรองยิ่งแข็งแกร่งขึ้น หากเจ้าหมอนี่ไม่ตาย จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจในอนาคตของเขาอย่างแน่นอน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัวต่อชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าถึงสามสิบปี
“ม่อชิงซิว ถ้าเจ้ากล้าขัดขวางข้า ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเจ้า!”
ดวงตาของผู้อาวุโสรองเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาเดินตรงไปข้างหน้า ในขณะก็ตะโกนใส่ม่อชิงซิวด้วยความโกรธ
ม่อชิงซิวรู้สึกได้ถึงแรงบีบบังคับอันทรงพลังที่เข้ามาหาเขา ใบหน้าเคร่งขรึมจนขั้นสุด
เขาไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะหยางเฉินได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้อาวุโสรองที่เอาชนะหยางเฉินด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ถึงกระนั้น เขาก็ยังยืนอยู่ต่อหน้าหยางเฉินโดยไม่ลังเล จ้องมองไปทางผู้อาวุโสรองที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา